การเสน่หาเพศเดียวกัน
เรื่องราวของทอนย่า


“เรื่องราวของทอนย่า,” พฤติกรรมเสน่หาเพศเดียวกัน: เรื่องราวของสมาชิก (2020)

“เรื่องราวของทอนย่า,” พฤติกรรมเสน่หาเพศเดียวกัน: เรื่องราวของสมาชิก

เรื่องราวของทอนย่า

เรื่องราวส่วนตัวของทอนย่า

ทอนย่า: นี่เป็นแค่ถุงและเมนูอาหารและสติกเกอร์หรือนามบัตรของที่ซึ่งเราเคยไปหรือเคยอาศัยอยู่ เหมือนกับเนื้อกระป๋อง Spam เราเคยอาศัยอยู่ห่างจากพิพิธภัณฑ์ Spam ออกไป 40 นาที

แอนดี้: แล้วโรงงานล่ะ?

ทอนย่า: อยู่ในมินนิโซตา ที่นั่นพวกเขาแจก “ตัวอย่าง spam” ฉันชื่อทอนย่า เบเกอร์ มิลเลอร์ ฉันเรียนระดับปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์ครอบครัว มันเป็นความสุขที่น่าประหลาดใจในหกเดือนต่อมา ว่าฉันไม่ได้เป็นแค่ไข้หวัด! โอเค เอาล่ะ

ดีแลน: ผมคือดีแลน มิลเลอร์ ผมเป็นพ่อของแอนดี้ และเป็นสามีของทอนย่า แอนดี้ยอดเยี่ยมมาก เขาซื่อสัตย์ เขาฉลาด เขาใจดี เขาเป็นทุกอย่างที่พ่อแม่ต้องการเสมอ

ทอนย่า: ฉันรักการเป็นแม่ของแอนดี้ เขาน่าทึ่งมาก เขาจบปริญญาตรีสามสาขา สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ สาขาการจัดการการบิน สาขาภาษาสเปน และเขาทำงานประจำ เขาอยู่ในฝ่ายประธานโควรัมเอ็ลเดอร์ในวอร์ดของเรา และเขาเป็นพี่ใหญ่ที่ดีที่สุด เขายอดเยี่ยมมาก

แอนดี้: ผมชื่อแอนดี้ มิลเลอร์ ผมอายุ 21 ปี ผมเป็นสมาชิกศาสนจักรมาทั้งชีวิต และผมเป็นเกย์ ผมเกลียดที่จะพูดว่ามันไม่ได้นิยามตัวผม เพราะจริงๆ แล้วมันนิยาม มันเป็นส่วนสำคัญของสิ่งที่นิยามตัวผม แต่ก็เหมือนกับคนอื่นๆ นั่นแหละ เกย์ รักต่างเพศ หรืออื่นๆ สิ่งที่เป็นตัวผมมีมากกว่านี้มาก การเปิดเผยตัวตนเป็นกระบวนการ และนั่นเป็นวิธีที่ผมทำ ไม่ได้มีการป่าวประกาศหรือไม่ได้บอกให้คนจำนวนมากรู้

ทอนย่า: การเปิดเผยตัวตนของแอนดี้สมเหตุสมผลมาก ง่ายๆ คือ เขาแค่อยากให้ฉันเลิกจู้จี้ให้เขาไปเดท ตอนนั้นเรากำลังขับรถกันอยู่ในคืนหนึ่ง และเขาก็พูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันพูดว่า “โอ้ ลูกเป็นเกย์หรือเปล่า?” แล้วเขาก็ตอบว่า “ใช่”

แอนดี้: และแม่ผมก็ใช้เวลาเพียงหนึ่งวินาทีที่จะตระหนักในสิ่งที่ผมพูด

ทอนย่า: ฉันพูดว่า “โอเค”

แอนดี้: ผมจินตนาการถึงช่วงเวลาที่เหมือนละคร สวยงาม ที่แม่โอบกอดผมและบอกว่าแม่รักผม

ทอนย่า: ฉันพูดว่า “แล้วเด็กสาวพวกนั้นที่ดูเหมือนลูกจะสนิทด้วยล่ะ?”

แอนดี้: ปฏิกิริยาของแม่ไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดไว้

ทอนย่า: ยอดคุณแม่อยู่ตรงนี้แล้ว ถูกไหม?

แอนดี้: การเปิดเผยตัวตนเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดเสมอ ไม่มีวิธีดีๆ ที่จะบอกเรื่องนั้นหรอก

ทอนย่า: ลูกชายของฉันเปิดเผยสิ่งที่เป็นส่วนตัวมากๆ เกี่ยวกับเรื่องที่ทำให้เขากลัว แต่นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของเขา

แอนดี้: แล้วหลังจากนั้น แน่นอนว่ามีคำถามมากมายที่ว่า “เรื่องนี้ส่งผลต่อชีวิตผมอย่างไร?” เราทั้งคู่ไม่มีคำตอบที่ดีในตอนนั้น ความจริงที่ว่าเธอไม่รู้ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่ากลัวสำหรับผม

ทอนย่า: เราวางแผนชีวิตลูกๆ ไว้นานก่อนที่พวกเขาจะเกิดมาด้วยซ้ำใช่ไหม? พวกเขาต้องทำแบบนี้ แบบนี้ และแบบนี้ จากนั้นบางอย่างที่น่าประหลาดใจจะเกิดขึ้นกับลูกๆ แล้วคุณก็ “โอ้ เดี๋ยวนะ ฉันไม่ได้เป็นคนควบคุม ใช่ไหม?” ทุกอย่างที่คุณสามารถให้พวกเขาได้คือความรัก ฉันไม่มีคำตอบอะไรเลย ฉันต้องการคำตอบ ฉันทูลถามอยู่ตลอดว่า “ข้าแต่พระบิดาบนสวรรค์ นี่คือสิ่งที่ลูกอยากรู้ในวันนี้” ระหว่างแอนดี้ ดีแลน และฉัน เราเรียนรู้ที่จะหัวเราะ และนั่นช่วยได้ ช่วยได้จริงๆ

แอนดี้: ต้องใช้ศรัทธาอย่างมากในการวางชีวิตคุณไว้ในพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าและพูดว่า “ลูกเชื่อพระองค์ ขอทรงนำทางตามที่ต้องเป็นไป”

ทอนย่า: ฉันไม่คิดว่าคนที่รักเพศตรงข้ามจะสามารถจินตนาการถึงความเจ็บปวดของบางคน อย่างแอนดี้ที่มีประจักษ์พยาน คนที่ไม่เข้าใจว่าจะบอกความรู้สึกของเขาอย่างไร แล้วฉันจะไกล่เกลี่ยเรื่องนั้นอย่างไร? ฉันไปพระวิหารครั้งแล้วครั้งเล่า และส่วนใหญ่ฉันก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลย ไม่มีช่วงเวลา “การเปิดเผยที่น่าประทับใจ” แต่ประจักษ์พยานของฉันก็ไม่ได้ไปไหน ฉันคิดว่านั่นเป็นของประทานชิ้นสำคัญสำหรับฉันตั้งแต่ตอนนั้น

ประสบการณ์เป็นของฉัน และคนอื่นๆ ก็มีประสบการณ์เป็นของตนเอง และสำหรับฉัน ต้องใช้ความพยายามมากที่จะเข้าใจการชดใช้ในแบบที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อน สัมพันธภาพของฉันกับพระคริสต์เป็นส่วนตัวมากขึ้นผ่านประสบการณ์นี้

ดีแลน: พระคัมภีร์ในสุภาษิตเกี่ยวกับ “จง​วาง‍ใจ​ใน​พระ‍ยาห์‌เวห์​ด้วย​สุด‍ใจ​ของ​เจ้า” กลายเป็นคติพจน์ของเรา และเราตระหนักว่าเราไม่มีคำตอบทั้งหมดและอาจจะไม่มีคำตอบบนโลกนี้ แต่ทำในสิ่งที่เรารู้ซึ่งก็คือสิ่งที่เราทำ เรารักลูกชายของเราและเรารู้ว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงรักแอนดี้

ทอนย่า: ฉันไปพระวิหารบ่อยๆ และคำถามที่ฉันถามทุกครั้งคือ “ทำไม? ทำไม? ทำไม? ทำไม? ทำไม?” และในที่สุดฉันก็เรียนรู้ว่า “นั่นไม่ใช่คำถาม คำถามที่เจ้าถามได้ ที่เราสามารถช่วยเจ้าได้” คือ “ฉันจะเป็นแม่ที่ลูกของพระผู้เป็นเจ้าคนนี้ต้องการได้อย่างไร?” พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงบอกกับฉันแบบนี้ พระเจ้าทรงมีแผนให้คนทุกคน ให้เด็กทุกคน และฉันไม่รู้คำตอบ แต่พระองค์ทรงทราบ และเมื่อฉันไปถึงจุดที่ฉันรับได้ว่า “โอเค ฉันคงไม่เข้าใจสถานการณ์ทางวิญญาณโดยสมบูรณ์” และเมื่อฉันอยู่ในจุดนั้น ฉันสามารถพูดได้ว่า “อย่างไร? ฉันจะช่วยได้อย่างไร?”

แอนดี้: เราทุกคนสมควรได้รับความรักและสนับสนุนกัน สำหรับผมศาสนจักรของพระคริสต์เป็นแบบนั้น และไม่ใช่แค่ในบริบทของประเด็นเกี่ยวกับเพศทางเลือก LGBTQ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเด็นอื่นๆ ด้วย ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่ต้องมุ่งสนใจพรุ่งนี้ เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ว่าเราจะรู้สึกอย่างไร เราจะได้รับข้อมูลอะไรที่เรายังไม่มีในตอนนี้ อะไรก็ตามที่อาจทำให้เกิดสันติสุขและช่วยให้คุณใช้ประโยชน์สูงสุดจากปัจจุบันได้ การมุ่งสนใจในสิ่งที่ผมสามารถควบคุมได้ สิ่งที่ผมรู้จักมากที่สุด ทำให้ทุกๆ อย่างดีขึ้นในระยะยาว

ทอนย่า: ตอนนี้แอนดี้อายุ 21 ปี เขาแข็งขันในศาสนจักร วันนี้ เขายังไม่มีแผนจะเปลี่ยนแปลง เขาฉลาดพอที่จะพูดว่า “ผมทำสิ่งนี้ทีละวัน” และพูดว่า “คุณรู้ไหม ผมไม่รู้ว่าผมจะเป็นอย่างไรในอีก 20 ปีข้างหน้า” เหมือนกับที่เราทุกคนไม่รู้ หน้าที่ของฉันคือรักลูกๆ ของฉัน รักแบบไม่มีเงื่อนไข แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้

ดีแลน: เราสวดอ้อนวอนกันเป็นประจำเกี่ยวกับเรื่องนี้ และจะเป็นแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ ผมพูดได้ว่าผมจะรักเขาและต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาเสมอ

ทอนย่า: ดีแลนและฉันรักเขา และจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงความรักของเราได้ เขาจะจัดการรายละเอียดพันธกิจของเขาที่นี่บนแผ่นดินโลกกับพระบิดาบนสวรรค์ และเราอยู่ที่นี่เพียงเพื่อสนับสนุนและรักเขาทุกๆ วัน เราจะทำไปทีละวัน

เรื่องราวของทอนย่า: ต่อ

ตามที่ทอนย่า มิลเลอร์บอก การเปิดเผยตัวตนเป็นกระบวนการ ไม่ใช่เหตุการณ์ อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่เธอเห็นจากแอนดี้ลูกชายของเธอ แม้จะมีความคลุมเครือทางวิญญาณที่ยังคงล้อมรอบการเป็นวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่เป็นเกย์ แต่สิ่งสำคัญคือแอนดี้รู้สึกปลอดภัยในการเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยประสบมาก่อน

แอนดี้ ลูกชายของฉันเป็นวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่แสดงตนว่าเป็นเกย์ คงจะสะดวกมากถ้าฉันสามารถเขียนประสบการณ์ของการเป็นแม่แอนดี้ราวกับว่าเป็นเรื่องราวที่เล่าด้วยปัญญาของการเข้าใจปัญหาหลังเหตุการณ์และประโยชน์ของการแก้ปัญหา แต่การเขียนเรื่องราวของเหตุการณ์ ความคิด และความรู้สึกที่เชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับทุกแง่มุมในชีวิตของฉันเป็นเรื่องยาก ด้วยเหตุนี้สิ่งที่จะตามมาจึงเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่มาจากเรื่องราวนิรันดร์ซึ่งยังคงเผยให้เห็นอยู่

มีหลายช่วงเวลาในชีวิตของแอนดี้ แม้กระทั่งในช่วงที่เขาเป็นทารก เวลานั้นฉันรู้สึกฝังใจว่าเขาเป็นเกย์

ความรู้แบบนั้นช่างน่างุนงง ฉันจึงทำสิ่งที่หลายๆ คนทำด้วยความฝังใจที่สับสนมากกว่าการเปิดเผยในตอนที่ได้รับ ซึ่งก็คือพยายามไม่สนใจเรื่องเหล่านั้น

การเปิดเผยตัวตนเป็นกระบวนการ ไม่ใช่เหตุการณ์

แอนดี้เปิดเผยตัวตนกับฉันในช่วงฤดูร้อนระหว่างเรียนจบมัธยมปลายและย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยบริคัมยังก์ ในคืนหนึ่งขณะที่ฉันกับเขากำลังขับรถไปที่ไหนสักแห่ง เขาก็บอกฉันว่าเขาเป็นเกย์ การที่แอนดี้ตัดสินใจทำแบบนั้นสมเหตุสมผลอย่างมาก เขาหวังว่าฉันจะเลิกจู้จี้ให้เขาออกเดทมากขึ้น ฉันจำรายละเอียดของการสนทนานั้นไม่ได้มากนัก มองย้อนกลับไป ฉันรู้ว่าฉันพูดบางอย่างโดยไม่ระวังและน่าจะไม่คำนึงถึงความรู้สึก แต่เมื่อเราคุยกันจบและขับรถถึงจุดหมายแล้วในคืนนั้น แอนดี้ก็รู้ได้โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉันรักเขาและรักของฉันเป็นรักแบบไม่มีเงื่อนไข การได้เป็นแม่ของเขาทำให้ฉันมีความสุข และจะนำความสุขมาให้ฉันเสมอ

ขณะที่แอนดี้กับฉันขับรถไปเรื่อยๆ และคุยกันในคืนนั้น ฉันสัญญากับตนเองว่าจะไม่ให้แอนดี้เห็นฉันร้องไห้เพราะเรื่องที่เขาเป็นเกย์ และแน่นอน นาทีที่เรากลับถึงบ้าน ฉันเข้านอนและเริ่มร้องไห้ ทุกคนหลับหมดแล้วตอนที่เราถึงบ้าน ดีแลนสามีของฉัน ตื่นมาถามว่าฉันเป็นอะไรหรือเปล่า

ภาพ
ชายสองคนยืนอยู่ข้างกำแพง

ฉัน: “คุณรู้ไหมว่าแอนดี้เป็นเกย์?”

ดีแลน: “ไม่รู้”

ฉัน: “ใช่ เขาเป็น เขาเพิ่งบอกฉัน”

ดีแลน: “โอเค คืนนี้ผมต้องทำอะไรหรือเปล่า?”

ฉัน: “ควรจะไปบอกเขาว่าฉันบอกคุณไหม?”

ดีแลนลุกขึ้น ลงไปชั้นล่าง เคาะประตูห้องของแอนดี้ และขอเข้าไปข้างใน เขากอดแอนดี้และพูดว่า “แม่บอกพ่อแล้ว พ่อรักลูกนะ” จากนั้นเขาก็ขึ้นมาข้างบนและหลับไปหลังจากนั้นสามนาที แอนดี้อธิบายว่าเป็นเรื่องสะเทือนใจที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตเขา

ฉันพูดถึงเรื่องที่สองนี้เพราะเรื่องนี้สนับสนุนความเชื่อที่ฝังแน่นของฉันว่า แอนดี้เป็นลูกชายของเราโดยการออกแบบของพระเจ้า ดีแลนเป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นแพทย์ที่ได้รับการฝึกฝนมาให้วินิจฉัยอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เขารับรู้แง่มุมที่เกี่ยวข้องที่สุดของสถานการณ์ส่วนใหญ่ได้แทบจะในทันที ในทางกลับกัน ฉันเป็นนักสังคมสงเคราะห์ นักบำบัด ฉันจัดการปัญหาแบบหลายแง่มุมและหลายปัจจัย ฉันต้องการสำรวจแต่ละแง่มุมของปัญหา แม้จะมีความเกี่ยวข้องที่เป็นไปได้กับผลลัพธ์ในเชิงบวก เพื่อประโยชน์ของกระบวนการเอง ฉันรู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดศักดิ์สิทธิ์สำหรับฉัน ความจริงที่ว่าดีแลนและฉันวางแผนที่จะสื่อสารข้อความเกี่ยวกับความรักที่สมบูรณ์เดียวกันไปให้แอนดี้ในคืนเดียวกัน ในวิธีที่แตกต่างกันเป็นพยานสำหรับฉันว่า พระเจ้าทรงนำทางเราในการเดินทางนี้ด้วยกันตั้งแต่วันแรก

แม้ว่าความรักของฉันที่มีต่อแอนดี้จะไม่เปลี่ยนไปหลังจากที่เขาบอกฉัน แต่ฉันก็ยังรู้สึกสับสนทางวิญญาณ

ฉันมีคำถามมากมายและมีความกลัวอยู่มาก วิธีค้นหาสันติและคำตอบของฉันคือไปพระวิหารบ่อยๆ และคำถามที่ฉันนำไปพระวิหารเป็นคำถามเดียวกันทุกครั้ง

ฉันต้องการให้พระบิดาบนสวรรค์ทรงสอนวิธีช่วยให้แอนดี้ประสบความสำเร็จในพันธกิจทางโลกของเขา

ประสบการณ์ในพระวิหารช่วงนั้นเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ศรัทธาของฉันในการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ ประสบการณ์เหล่านั้นยังเสริมสร้างความรู้ของฉันด้วยว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงรู้จักบุตรธิดาแต่ละคนของพระองค์อย่างใกล้ชิดและทรงรักเราทุกคนอย่างลึกซึ้งเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้ หลายครั้งที่ฉันออกจากพระวิหารด้วยความรู้สึกผิดหวังเพราะฉันไม่ได้รับช่วงเวลา “การเปิดเผยที่น่าประทับใจ” แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันเรียนรู้ในช่วงเวลานั้นคือ คำตอบสำหรับคำถามทางวิญญาณมักจะเกิดขึ้นหลังจากมีการทำงานฝ่ายวิญญาณอย่างมากเท่านั้น การไปพระวิหารทุกสัปดาห์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความพยายามที่จำเป็นในการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ฉันต้องการกับพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อนำทางฉัน

ภาพ
สตรีกำลังอ่านพระคัมภีร์

ในขณะเดียวกัน ฉันมักรู้สึกโดดเดี่ยวและเศร้า ฉันกังวลว่าความโศกเศร้าจากความจองหองของฉันที่ไม่สามารถสร้างครอบครัววิสุทธิชนยุคสุดท้ายได้สมบูรณ์แบบจะขัดขวางความสามารถของฉันที่จะรับการนำทาง ซาตานมีความรุ่งเรืองกับฉัน ทุกคำถามที่ฉันมีเกี่ยวกับ “แผนนั้น” ได้กลืนกินความมั่นใจของฉันไปหมด ฉันรู้สึกเหมือนมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และทางวิญญาณอยู่ตลอด ฉันเปลี่ยนอารมณ์ไปมาระหว่างอารมณ์ดีและอารมณ์ไม่ดี ฉันรู้ว่าประสบการณ์เหล่านั้นเป็นสิ่งสำคัญในการสามารถค้นหาและแบ่งปันสันติที่ฉันจะได้รับในที่สุด

ของประทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งที่ฉันได้รับในช่วงเวลานั้นของชีวิตคือ ความสามารถในการอยู่ร่วมกับความคลุมเครือทางวิญญาณ

ฉันไม่มีคำตอบทั้งหมดสำหรับคำถามทางวิญญาณที่อยู่รอบๆ พฤติกรรมเสน่หาเพศเดียวกัน ฉันต้องการคำตอบ แต่ฉันไม่มีคำตอบในตอนนี้

การไปถึงจุดนั้น จุดที่ความเชื่อของฉันไม่ได้มีปัญหากับความคลุมเครือ เป็นสิ่งสำคัญในการค้นหาสันติที่ฉันต้องการ

แอนดี้บอกเรื่องรสนิยมทางเพศของเขากับผู้นำฐานะปุโรหิตก่อนส่งใบสมัครรับใช้งานเผยแผ่ เขารับใช้งานเผยแผ่ที่อุรุกวัยเป็นเวลาห้าเดือนก่อนจะพ้นหน้าที่อย่างสมเกียรติ ระหว่างรับใช้งานเผยแผ่เขาประสบกับภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลอย่างรุนแรง อันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรักษาอาการป่วยทางจิต แอนดี้ตัดสินใจว่าเขาต้องการมีชีวิตอยู่อย่างแท้จริงมากขึ้น และระบุอย่างเปิดเผยว่าเขาเป็นวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่เป็นเกย์

ภาพ
ทอนย่ากอดแอนดี้

ดีแลนและฉันขอให้แอนดี้รออย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังจนกว่าเราจะแบ่งปันประสบการณ์ของเขากับสมาชิกในครอบครัวก่อน ซึ่งเขาก็ยินยอมด้วยความยินดี โอกาสที่จะบอกพี่น้องของเขาทำให้เราเต็มไปด้วยความกังวล แอนดี้เป็นลูกคนโตจากทั้งหมดสี่คน น้องคนสุดท้องอายุ 16 ปี น้องชายของเขาอายุ 11 และ 7 ขวบในตอนนั้น ลูกคนที่อายุ 11 ขวบอยู่ในกลุ่มอาการออทิสติก หลังการครุ่นคิดและสวดอ้อนวอนอย่างหนัก ในที่สุดเราก็ตัดสินใจพูดเรื่องนี้ในการสังสรรค์ในครอบครัว ทุกอย่างดำเนินไปทำนองนี้ ด้วยบทสนทนามุ่งเน้นไปที่น้องชายของแอนดี้ว่า

ดีแลน: “ลูกๆ เคยได้ยินคำว่า รักร่วมเพศ หรือ เกย์ หรือ เลสเบียน ไหม?”

น้องทั้งสองคน: “เคยครับ!”

ฉัน: “ลูกรู้ไหมว่าคำพวกนั้นหมายความว่าอย่างไร?”

ลูกชายอายุ 11 ขวบ: “ผมคิดว่าหมายความว่าพวกเขาเป็น ‘ชาวกอธ’ เหมือนกับว่าพวกเขาใส่เสื้อผ้าสีดำแล้วเจาะร่างกายเต็มไปหมด”

ฉัน: “โอเค พ่อคิดว่าคงมีพวกรักร่วมเพศบางคนที่เป็น ‘ชาวกอธ’”

ดีแลน: “รักร่วมเพศ หมายถึงคนที่เสน่หาอีกฝ่ายที่เป็นเพศเดียวกัน เกย์เป็นผู้ชายที่เสน่หาผู้ชาย และเลสเบียนเป็นผู้หญิงที่เสน่หาผู้หญิง”

ฉัน: “ลูกๆ รู้จักคนที่เป็นเกย์บ้างไหม?”

ลูกชายทั้งสองคน: “ไม่มีทาง”

ฉัน: “จริงๆ แล้ว ลูกรู้จักนะ! พ่อจะบอกใบ้ให้นิดหน่อย แล้วลูกก็ตอบมาเมื่อนึกออกแล้ว คนคนนี้ชอบสีฟ้า อาหารจานโปรดของเขาคือ ราวิโอลี เขาพูดภาษาสเปน เขาชอบเครื่องบิน”

ลูกชายอายุ 11 ขวบ: “แอนดี้เหรอครับ?!” (ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ)

ลูกชายอายุ 7 ขวบ: “โอ้ ไม่เอาน่า พ่อหมายความว่าเรามีพี่ชายเป็นเกย์เหรอ?!” (หัวเราะคิกคัก)

ดีแลน: “เราแค่อยากให้พวกลูกรู้ ลูกคงมีคำถามแน่ๆ และเราพูดคุยเรื่องนั้นได้ตลอดเวลา มันไม่ใช่ความลับหรืออะไรเลย มันไม่ได้แย่ ตอนนี้มีคำถามไหม?”

ลูกชายอายุ 11 ขวบ: “ผมมีคำถาม เราลงไปข้างล่างแล้วเล่นนินเทนโดกันได้มั้ย?”

และคำถามก็มีแค่นั้น

ภาพ
เด็กผู้ชายกำลังเล่นวิดีโอเกม

หลังจากบอกเรื่องนี้กับลูกๆ เราก็ส่งอีเมลไปหาพ่อแม่และญาติพี่น้องของเรา โดยใช้ชื่อเมลว่า “ออกมาแล้ว” อธิบายสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับประสบการณ์ของแอนดี้ในฐานะวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่เป็นเกย์ แต่โดยส่วนมากเป็นการแสดงความรักที่มีต่อเขา และปีติที่เขานำมาสู่ชีวิตเรา ไม่มีการประกาศทางสื่อโซเชียล ไม่มีการเขียนบล็อก แค่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับอีกต่อไป

เราค่อยๆ บอกทุกคนที่นี่และที่นั่น ตอนนี้เราไม่แน่ใจว่าใครรู้และไม่รู้บ้าง

สิ่งสำคัญคือแอนดี้รู้สึกปลอดภัยในการเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยประสบมาก่อน

เป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากเป็นพิเศษสำหรับฉันในตอนนี้ที่จะต้องมองเขานำทางชีวิตในแบบของเขาเอง รู้สึกมั่นใจในสิ่งที่เขาเป็น ที่ซึ่งเขาอยากไป และคนที่เขาจะเป็น

ฉันจำได้ในวันหนึ่ง ไม่นานหลังจากที่แอนดี้เปิดเผยตัวตนกับฉัน ขณะที่ฉันกำลังสงสัยกับตัวเองว่า “ถ้าฉันรู้ว่าการเป็นเขารู้สึกอย่างไร ฉันคงจะเข้าใจมากกว่านี้ ฉันอาจกังวลกับเขาน้อยกว่านี้” พระวิญญาณตรัสกับฉันอย่างชัดเจนในขณะนั้น ทรงสอนว่าฉันถามคำถามที่ไม่มีประโยชน์ คำถามที่ฉันควรถามคือ “ฉันจะเป็นแม่ที่ดีกว่านี้ได้อย่างไร?”

ฉันเชื่อว่านั่นเป็นคำถามหลักที่สมาชิกของศาสนจักรแต่ละคนสามารถถามได้เกี่ยวกับปัญหานี้ว่า “ฉันจะเป็นพี่ชายหรือน้องสาวในพระกิตติคุณที่บุคคลนี้ต้องการได้อย่างไร?” คำตอบจะเป็นรายบุคคลเช่นเดียวกับลูกของพระผู้เป็นเจ้าแต่ละคน แต่ฉันพูดได้โดยไม่ต้องสงสัยว่าการเดินทางทางวิญญาณที่คำถามนี้สามารถนำเราไปเป็นการเดินทางที่สวยงาม มีการยืนยัน มีความหวัง และสะท้อนถึงคำมั่นสัญญาส่วนตัวของเราในฐานะสานุศิษย์ของพระคริสต์

เรื่องราวของแอนดี้: บุตรชายของทอนย่า

ขณะเติบโตขึ้นมา แอนดี้ มิลเลอร์เข้าใจว่าการเป็นเกย์เป็นเรื่องที่แย่มากๆ หัวข้อนี้ไม่เคยพูดออกมาแบบเปิดเผย และในทางที่ดีเลย ขณะที่เขาเริ่มรับรู้ความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อผู้ชาย เขารู้สึกว่าจมอยู่ในความว่างเปล่าที่ฝังลึกอยู่ตลอดเวลาระหว่างการแสดงออกภายนอกกับความรู้สึกภายใน จนกระทั่งเขายอมรับความรู้สึกเหล่านั้นและเริ่มมีชีวิตอยู่ด้วยตัวตนที่แท้จริงเขาจึงพบกับสันติ

ภาพ
ชายคนหนึ่งมองดูทิวเขา

มีคนพูดว่าคนแรกที่คุณจะ “เปิดเผยตัวตน” ด้วยคือตัวคุณเอง ขณะเติบโตมา ผมรู้ว่าผมต่างจากเพื่อนส่วนใหญ่ของผมนิดหน่อย การเป็นเกย์ไม่ใช่เรื่องที่พูดคุยกันปกติ ผมหมายถึงคุยกันจริงๆ ในทางที่ดี และเปิดเผย โดยปกติแล้วเป็นเรื่องที่ไม่ได้พูดคุยกันจริงจัง มักจะมีความหมายแฝงที่น่ารังเกียจและมาพร้อมกับนิยามหยาบๆ เมื่อจำเป็นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ผมจึงรู้น้อยมากว่าการเป็นเกย์จริงๆ เป็นอย่างไร หรือมีลักษณะอย่างไร แต่ผมเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่แย่มาก การขาดการศึกษาทำให้ผมไม่รู้จะหันไปหาคำตอบหรือการสนับสนุนจากไหน

แต่โชคดีที่สิ่งต่างๆ ที่บ้านแตกต่างไปนิดหน่อย ผมยกประโยชน์ให้การเลี้ยงดูของผมที่ทำให้ผมมีความเข้มแข็ง ความมั่นใจ และความรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง พ่อแม่ที่รักของผมให้การสนับสนุนผมในทุกๆ อย่างที่ผมรักและทุกๆ อย่างที่ผมไขว่คว้า และผมไม่เคยกลัวที่จะเสียการสนับสนุนของพ่อกับแม่ไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว ดังที่กล่าวมา เราไม่ได้มีการสนทนาเกี่ยวกับเรื่องในครอบครัวของเรามากนักเช่นกัน ไม่ใช่เพราะความกลัวหรือเพื่อความถูกต้องทางศีลธรรม แต่เป็นเพราะเราไม่เคยพูดถึงต่างหาก

ภาพ
ชายและหญิงมองดูทิวเขา

มองย้อนกลับไป เป็นเรื่องง่ายที่จะเห็นว่าขั้นตอนการปฏิเสธนี้มีจุดประสงค์ที่ค่อนข้างสำคัญในการเดินทางของการเปิดเผยตัวตนของผม มันช่วยให้ผมทำเหมือนกับว่าทุกอย่างเป็นปกติ ในขณะที่ผมจัดการเรื่องต่างๆ ตามจังหวะของผมเองจนกระทั่งผมรู้สึกมั่นใจในตัวตนของผมมากพอที่จะแบ่งปันกับคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงมันเป็นเรื่องที่ทุกข์กว่านั้นนิดหน่อย วิธีการรับมือกับความเป็นจริงทีละน้อยนี้ เป็นกลวิธีการเอาตัวรอดมากกว่ากลไกการเผชิญปัญหาในทางปฏิบัติ ผมรู้สึกว่าจมอยู่ในความว่างเปล่าที่ฝังลึกอยู่ตลอดเวลา ระหว่างการแสดงออกภายนอกกับความรู้สึกภายใน

เหมือนเกือบจะดูโง่ที่ผมเคยคิดว่าเรื่องเพศของผมคลุมเครือด้วยซ้ำ เพราะมันชัดเจนมากในตอนนั้น ความจริงก็คือ การปฏิเสธของผมไม่ใช่แค่ภายนอก ผมเชื่อเองจริงๆ ผมไม่คิดว่าผมจะเปลี่ยน แต่ผมต้องแน่ใจว่าผมไม่เพียงประสบกับพฤติกรรมเสน่หาเพศเดียวกันเท่านั้น แต่ผมไม่สามารถประสบกับความเสน่หาเพศตรงข้ามในชีวิตผมตอนนั้นด้วย

ภาพ
ผู้ชายยิ้มแย้ม

ผมไปถึงจุดนั้นระหว่างที่ผมเรียนอยู่ปีสุดท้ายในชั้นมัธยมปลาย ตอนนั้นความเป็นผู้ใหญ่กำลังใกล้เข้ามา ความรู้สึกเสน่หาของผมไม่เปลี่ยนไป แต่กลับรุนแรงขึ้นกว่าแต่ก่อน ผมจึงตระหนักได้ว่า ผมไม่มีความสามารถที่จะมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงแบบจริงๆ และสมบูรณ์ได้ ผมเข้าใกล้สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้อย่างช้าๆ และเรียนรู้ที่จะแสวงหาวิธีที่ผมจะใช้ชีวิตโสดอย่างมีความสุขและมีความหมาย ผมปรับความคาดหวังสำหรับอนาคต และแทนที่จะมุ่งเน้นไปที่การแต่งงานและการสร้างครอบครัว ผมมุ่งเน้นไปที่การศึกษา ครอบครัวของผม และการท่องเที่ยวแทน การได้ย้ายที่อยู่หลายที่ขณะเติบโตขึ้น ทำให้ผมเรียนรู้วิธีจัดการกับความเหงา และการมีความสุขด้วยตนเอง ประสบการณ์ที่รู้สึกโดดเดี่ยวและไม่พึ่งพาผู้อื่นเพื่อทำให้ชีวิตของผมสมหวังนี้ ช่วยให้ผมใกล้ชิดกับพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้นและพัฒนาความรู้สึกที่แข็งแกร่งเกี่ยวกับตนเอง ผมรู้ว่าถึงแม้ผมน่าจะมีชีวิตอยู่โดยไม่แต่งงาน แต่ผมก็จะไม่มีวันเหงาอย่างจริงจัง นั่นทำให้ผมสบายใจอย่างยิ่ง

ปีแรกของการเรียนที่มหาวิทยาลัยบริคัมยังก์ ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ด้านสังคม ผมมีปัญหากับการหาสิ่งที่เหมาะกับผม ผมเริ่มมีปัญหาทางจิตหลายอย่างตั้งแต่แรก ซึ่งยังคงมีอยู่ตลอดทั้งปีการศึกษาและส่งผลกระทบต่อเกรดของผมอย่างมาก แม้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นผลมาจากการต่อสู้กับการเป็นมอรมอนและเป็นเกย์ แต่ก็ทำให้การจัดการกับปัญหาเหล่านั้นยากขึ้นอย่างแน่นอน

ไม่นานหลังจากจบปีการศึกษา ผมได้รับเรียกให้ไปรับใช้ในคณะเผยแผ่อุรุกวัยมอนเตวิเดโอตะวันตก ผมต้องไปรายงานที่ MTC ของอาร์เจนตินา ในบัวโนสไอเรส เมื่อปลายเดือนสิงหาคม ปี 2013 ระหว่างช่วงเวลานี้ สุขภาพจิตของผมได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ผมได้รับการปลดและถูกส่งตัวกลับบ้านหลังจากการรับใช้ห้าเดือน

หลังกลับจากงานเผยแผ่ ผมก็เริ่มเปิดเผยตัวตนกับคนอื่นๆ มากขึ้น ผมพูดได้เต็มปากว่าการเปิดเผยตัวตนเป็นเรื่องง่ายเมื่อมาถึงจุดหนึ่งเท่านั้น และแม้ถึงจุดนั้นก็ง่ายขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผมไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องการเป็นเกย์ต่อสาธารณชน ผมจะพูดถึงเมื่อจำเป็นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนั้นนำสันติและความสุขมาสู่ชีวิตผมอย่างต่อเนื่องเพราะช่วยให้ผมใช้ชีวิตเป็นตัวของตัวเองได้แท้จริงมากขึ้น

ภาพ
ชายคนหนึ่งกำลังไตร่ตรอง

ขณะที่ผมเปิดใจกับตนเองเรื่องความรู้สึกของผมมากขึ้น ผมสังเกตเห็นว่าความปรารถนาของผมเติบโต สม่ำเสมอ และดีงามมากขึ้น เมื่อผมเติบโต ผมพบว่าความเสน่หาของผมตื้นเขินขึ้น เต็มไปด้วยตัณหามากขึ้น และควบคุมได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตาม ขณะที่ผมเริ่มใช้ชีวิตเป็นตัวเองอย่างแท้จริง ผมสังเกตเห็นความปรารถนาและแม้แต่ความเสน่หาของผมก็พัฒนาไปเรื่อยๆ เมื่อผมตระหนักมากขึ้นว่าอะไรจะทำให้ผมมีความสุขที่แท้จริงและยั่งยืน ผมได้ยินหลายๆ คนอธิบายลักษณะพฤติกรรมเสน่หาเพศเดียวกันว่าเป็นการล่อลวง ประสบการณ์ของผมเห็นว่านี่คือการพูดเกินจริง เช่นเดียวกับที่ใช้อธิบายเสน่หาเพศตรงข้าม โดยธรรมชาติแล้ว มีการล่อลวงอยู่ในพฤติกรรมเสน่หาเพศเดียวกัน แต่พฤติกรรมนี้ไม่ได้อยู่ในหรือไม่ได้เป็นการล่อลวงด้วยตัวมันเอง ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือในเรื่องเป้าหมายแห่งความเสน่หาเท่านั้น พฤติกรรมเสน่หาเพศเดียวกันไม่ใช่อาการป่วยเช่นกัน

ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่ผมเจอมาทั้งก่อนและหลังการ “เปิดเผยตัวตน” คือความเจ็บปวดทางใจในหลายรูปแบบ รูปแบบหนึ่งคือความโดดเดี่ยว ตอนแรกผมค่อนข้างมุ่งมั่นกับความคิดที่ว่าผมจะใช้ชีวิตโสด เนื่องจากนั่นคือสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาพรที่สมบูรณ์ของพระกิตติคุณ จนถึงตอนนั้น ส่วนใหญ่ผมจะรู้จักแค่เสน่หาทางร่างกายเท่านั้น แต่เมื่อผมหยุดข่มอารมณ์และเริ่มคิดถึงสิ่งที่ผมต้องการจริงๆ ในชีวิต ผมจึงรับรู้ถึงปีติอย่างหนึ่งที่สามารถรู้สึกได้จากการแบ่งปันชีวิตของผมกับคนที่ผมรักอย่างแท้จริง บางวันเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะเผชิญกับความเป็นไปได้ที่ผมจะผ่านชีวิตนี้ไปโดยไม่แต่งงาน

ท้ายที่สุด ผมก็รู้ว่าสามารถมีชีวิตที่มีความสุขและเติมเต็มในฐานะคนโสดได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็มักจะรู้สึกโหยหาการมีคู่ครองแบบนั้นอยู่เสมอ

แม้จะมีการทดลองที่ผมเอาชนะได้และความท้าทายที่ผมเผชิญ แต่การเป็นวิสุทธิชนยุคสุดท้ายและเป็นเกย์ได้สอนบทเรียนผมในวิธีที่ลึกซึ้งที่ผมไม่เคยจินตนาการมาก่อน สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณธรรมแห่งศรัทธา ความหวัง และจิตกุศล ประสบการณ์ของผมในฐานะวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่เป็นเกย์ได้เสริมสร้างศรัทธาขณะผมเรียนรู้ที่จะอยู่กับความคลุมเครือหลายๆ อย่าง เรียนรู้ที่จะรับรู้พระวิญญาณ และเรียนรู้ที่จะวางใจพระเจ้าและจังหวะเวลาของพระองค์

หนึ่งในบทเรียนที่งดงามที่สุดที่ผมเรียนรู้คือ ความหวัง ผมไม่มีทางรู้เลยว่าผมจะสามารถหาคนที่จะใช้ชีวิตร่วมกับผมได้ไหม ซึ่งในความเป็นจริง โอกาสไม่ได้มีสูงนัก แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ก็คุ้มค่าที่ผมจะต่อสู้ หวัง และมองเรื่องนั้นในแง่ดี พระกิตติคุณก็เช่นเดียวกัน เราไม่มีทางพิสูจน์ได้อย่างเป็นรูปธรรมว่าหลายสิ่งที่เราหวังจะเกิดขึ้น แต่เราต่อสู้เพื่อสิ่งเหล่านั้นในทุกโอกาสเพราะมันคุ้มค่า ในที่สุด ผมก็ได้เรียนรู้จิตกุศลเมื่อผมอดทนกับการต่อสู้ของตัวเอง และเฝ้าดูผู้อื่นอดทนกับการต่อสู้ของพวกเขา

ผมเข้าใจคุณค่าของความรักอันบริสุทธิ์ของพระคริสต์ ผมรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์และทรงรักเรา พระองค์ทรงรู้จักเราแต่ละคนอย่างสมบูรณ์เพราะพระองค์ทรงสร้างเราขึ้นมา ผมรู้ว่าการชดใช้ของพระคริสต์ไม่เพียงเพื่อบาปของเราเท่านั้น แต่เพื่อความเจ็บปวดและความทุกข์ในความเป็นมรรตัยของเราด้วย ผมมีศรัทธาว่าเราอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ ว่าทุกสิ่งจะออกมาดีที่สุด เพราะนั่นคือการออกแบบจากสวรรค์ของพระองค์ ผมมีประจักษ์พยานถึงพลังและความงดงามของจิตกุศล ผมรักพระผู้ช่วยให้รอดและพระบิดาในสวรรค์ และผมสำนึกคุณทุกวันสำหรับพรและประสบการณ์ที่ผมได้รับในชีวิตนี้

เรื่องราวของโรบิน:อธิการของทอนย่า

โรบินมองเห็นแอนดี้ในแบบที่อธิการคนอื่นๆ จะเห็นสมาชิกผู้อุทิศตนของกลุ่มการประชุมนี้ ทุกคนมีความท้าทายเพียงแต่แอนดี้บังเอิญใช้ชีวิตอยู่กับพฤติกรรมเสน่หาเพศเดียวกันเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดเขาจากการเรียกและการรับใช้ครอบครัววอร์ดของเขา ตามที่โรบินกล่าว การมีแอนดี้อยู่ถือเป็นพรแก่วอร์ดของพวกเขา

ภาพ
รูปภาพของโรบิน

ความเกี่ยวข้องของผมกับแอนดี้และครอบครัวมิลเลอร์ไม่มีอะไรที่เกินความเหมาะสม ไม่มีความช่วยเหลือทางอารมณ์ใดๆ หรือการสัมภาษณ์ที่ยาวนานอันเจ็บปวดกับแอนดี้ในส่วนของผม แอนดี้ไม่ได้เรียกร้องความสนใจเป็นพิเศษ เขาและครอบครัวทำประโยชน์อย่างมากในวอร์ดของเราตั้งแต่พวกเขามาถึง ผมพูดแบบนี้เพราะดูเหมือนว่าแอนดี้ไม่เคยต้องการทำให้เรื่องที่เกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของเขาเป็นเรื่องใหญ่เลย

เขาต้องการได้รับการปฏิบัติแบบคนอื่นๆ แล้วทำไมจะไม่? เขาเป็นเหมือนเราทุกคน เราทุกคนมีประสบการณ์เฉพาะของตัวเอง และเราร่วมกันสนับสนุนซึ่งกันและกัน

ดีแลน พ่อของแอนดี้ เป็นประธานเยาวชนชายของเรา ทอนย่า แม่ของเขา เป็นครูสอนหลักคำสอนพระกิตติคุณ น้องสาวและน้องชายของเขามีส่วนร่วมในชั้นเรียนและโควรัมของตนเองตามลำดับ แอนดี้เป็นที่ปรึกษาในโควรัมเอ็ลเดอร์ เขาให้การสนับสนุนประธานของเขาและทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์

ผมกับที่ปรึกษาของผมมองแอนดี้ในแบบเดียวกับที่เรามองสมาชิกวอร์ดคนอื่นๆ หรือสมาชิกชุมชนในเรื่องนั้น เท่าที่ผมทราบ เขาไม่ได้ทำอะไรผิด แน่นอนว่าเขาไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่พวกเราก็ไม่มีใครเลยที่สมบูรณ์แบบ เราทุกคนหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากการปรองดองกับพระเจ้าที่เป็นไปได้ผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์

แอนดี้ส่งใบสมัครรับใช้งานเผยแผ่ของเขาแล้วขณะที่อาศัยอยู่ในสเตคและวอร์ดเดิม ความจริงที่ว่าแอนดี้ต้องการรับใช้ เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเขามีประจักษ์พยาน ความเชื่อในพระผู้ช่วยให้รอดของเราและในการฟื้นฟูพระกิตติคุณ เมื่อหมายเรียกผู้สอนศาสนาของเขามาถึง แอนดี้และครอบครัวพบว่าเขาได้รับเรียกให้รับใช้ในอุรุกวัย ผมได้รับเชิญให้เข้าร่วมกับครอบครัว ขณะที่แอนดี้ได้รับการวางมือมอบหน้าที่โดยประธานแครนดัลล์ ฉากนั้นก็เหมือนกับฉากอื่นๆ ของการวางมือมอบหน้าที่ซึ่งผมเคยเข้าร่วม ครอบครัวได้รับโอกาสให้แบ่งปันความรู้สึกและคำแนะนำ พวกเขาหัวเราะและร้องไห้ แอนดี้พยายามอย่างองอาจเพื่อรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาเต็มเวลา แต่ด้วยเหตุผลที่อาจเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมเสน่หาเพศเดียวกันของเขา เขาไม่สามารถรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาเต็มเวลาได้จนจบและได้รับการปลดก่อนกำหนด ผมต้องการเน้นว่า ไม่ใช่เพราะความไม่เต็มใจในส่วนของประธานคณะเผยแผ่ที่จะให้แอนดี้รับใช้ต่อไป แต่ค่อนข้างเป็นเพราะความท้าทายด้านสุขภาพจิตบางอย่างที่แอนดี้ประสบในเวลานั้นมากกว่า

ภาพ
แอนดี้พูดคุยกับโรบิน

เมื่อเขากลับมาถึงวอร์ดของเรา ผมรู้ว่าแอนดี้ผิดหวังที่ไม่สามารถรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาเต็มเวลาได้จนจบ ในการสัมภาษณ์กับผม เขาแสดงความปรารถนาที่จะอยู่กับศรัทธาและรับใช้พระเจ้าด้วยวิธีอื่น เท่าที่ผมทราบ ศรัทธาของแอนดี้ไม่เคยสั่นคลอน

ไม่นานหลังจากที่แอนดี้กลับมา ประธานโควรัมเอ็ลเดอร์ขอให้แอนดี้ได้รับการเรียกให้รับใช้เป็นที่ปรึกษาคนหนึ่งของเขา เราคุยเรื่องนี้ในฐานะฝ่ายอธิการและรู้สึกว่าการเรียกนี้จะดีสำหรับแอนดี้และสมาชิกโควรัม เรารู้สึกเหมือนว่าการเรียกนั้นเป็นสิ่งที่ได้รับการดลใจ และเราเขียนจดหมายเสนอต่อประธานสเตค เรารู้สึกว่าไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธโอกาสนี้ของแอนดี้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขารับใช้อย่างซื่อสัตย์และเป็นอย่างดี เขาเข้าร่วมการประชุมฝ่ายประธาน ไปเยี่ยมสมาชิกโควรัมพร้อมๆ กับสมาชิกฝ่ายประธานคนอื่นๆ และปฏิบัติทุกอย่างตามแนวทางของที่ปรึกษาที่ดี เมื่อประธานโควรัมเอ็ลเดอร์ไม่ว่าง แอนดี้จะเข้าร่วมการประชุมสภาวอร์ดและคณะกรรมการบริหารฐานะปุโรหิต

ช่วงเวลาที่เขาอยู่ในวอร์ดของเรา แอนดี้ได้รับการยอมรับจากกลุ่มการประชุม หลายคนไม่รู้ถึงความเสน่หาเพศเดียวกันของแอนดี้ คนที่รู้ก็จะปฏิบัติต่อแอนดี้ด้วยความรักและความเคารพที่เหมาะสมกับลูกๆ ของพระบิดา แอนดี้ทำให้เรื่องนี้ง่ายขึ้นโดยการมีอัธยาศัยดีและเป็นมิตรเป็นการตอบแทน

แอนดี้คนเดียวเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าการใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมการเป็นวิสุทธิชนยุคสุดท้ายขณะประสบพฤติกรรมเสน่หาเพศเดียวกันไปด้วยเป็นอย่างไร แต่ในมุมมองของผม แม้เขาจะเงียบขรึม เขาก็มีความสุขและปรับตัวได้ดี เขามีครอบครัวที่ให้การสนับสนุนเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ มีเพื่อนบ้านและเพื่อนที่ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเป็นมิตรและความรัก การมีเขาอยู่เป็นพรต่อวอร์ดของเรา

ผมเชื่อว่า พระผู้ช่วยให้รอดทรงรักเราทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และทรงพลีพระชนม์ชีพของพระองค์เองเป็นค่าไถ่สำหรับบุตรธิดาทุกคนของพระบิดา พระองค์ไม่เลือกที่รักมักที่ชังผู้ใดและทรงเชื้อเชิญให้เราทุกคนรับผลแห่งการชดใช้ของพระองค์ ผมเชื่อว่าพระองค์เข้าพระทัยและทรงมีพระเมตตาสงสารกับความท้าทายต่างๆ ที่เราเผชิญไม่ว่าจะเป็นเช่นไร

ผมเชื่อว่าพระองค์ทรงตระหนักถึงแอนดี้ รู้จักชื่อของเขา และรักเขาโดยไม่มีข้อจำกัด เหมือนที่เราทำในวอร์ดของเรา