การพึ่งพาตนเอง
เรียนรู้—ใช้เวลาไม่เกิน 45 นาที


เรียนรู้—ใช้เวลาไม่เกิน 45 นาที

การสนทนาวันนี้:

3 ล้างหนี้

ภาพ
กราฟิกของบ้าน

แผนที่ความสำเร็จด้านการพิทักษ์การเงิน

1. เข้าใจเรื่องหนี้

อ่าน:หนี้คือการยืมเงินที่ไม่ใช่เงินของท่าน ตามปกติหนี้มาพร้อมค่าใช้จ่ายที่เรียกว่าดอกเบี้ย ดอกเบี้ยคือเปอร์เซ็นต์ของจำนวนที่เป็นหนี้ ท่านต้องจ่ายมากกว่าที่ท่านยืม บางครั้งจ่ายเยอะกว่ามาก หนี้มาพร้อมยอดเงินที่คาดหวังให้ชำระ และความคาดหวังทั้งหมดคือให้คืนทั้งหมดที่ท่านยืมพร้อมดอกเบี้ย

สนทนา:เหตุใดผู้คนจึงยืมเงิน

อ่าน:ศาสดาพยากรณ์แนะนำเราเสมอให้หลีกเลี่ยงหนี้สิน ประธานฮีเบอร์ เจ. แกรนท์สอนว่า “หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่จะนำสันติสุขและความชื่นบานมาสู่ใจมนุษย์ และครอบครัว สิ่งนั้นคือการดำเนินชีวิตตามรายได้ของเรา และหากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่จะบีบคั้น ทำให้ท้อแท้หมดกำลังใจ สิ่งนั้นคือการมีหนี้สินและพันธะที่ไม่มีวันไถ่ถอน” (Gospel Standards: Sermons and Writings of Heber J. Grant, comp. G. Homer Durham [1941], 111)

ตลอดสองบทถัดไปท่านจะเรียนรู้วิธีทำตามคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์ให้ปลดหนี้

ไตร่ตรอง:ใช้เวลาสองนาทีพิจารณาการตัดสินใจเรื่องเงินที่ทำได้ไม่ดี ผลลัพธ์คืออะไร ท่านรู้สึกถึงผลลัพธ์เหล่านี้นานเท่าใด ส่งผลต่อท่าน ต่อชีวิตแต่งงานหรือครอบครัวท่าน และต่อความสามารถในการรับใช้ผู้อื่นอย่างไร

หลีกเลี่ยงหนี้สิน

อ่าน:ศาสดาพยากรณ์แนะนำว่ามีเหตุผลสมควรให้เป็นหนี้น้อยมากและเมื่อท่านเป็นหนี้ท่านควรชำระให้หมดเร็วที่สุด ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์สอนว่า “หนี้พอสมควรสำหรับซื้อบ้านที่จ่ายไหวและอาจจะซื้อสิ่งจำเป็นบางอย่างเป็นเรื่องยอมรับได้ แต่จากตรงที่ข้าพเจ้านั่ง ข้าพเจ้าเห็นโศกนาฏกรรมร้ายแรงชัดมากของคนมากมายที่ยืมเงินอย่างไม่ฉลาดเพื่อซื้อสิ่งที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้เลย” (“I Believe,” Ensign, Aug. 1992, 6)

หนี้อาจเป็นเรื่องยอมรับได้สำหรับรายจ่ายต่อไปนี้ตามสภาพการณ์:

  • บ้านพอประมาณที่จ่ายไหว

  • ค่าเรียนสมเหตุสมผลที่จะทำให้ได้งานดีกว่าเดิม

  • ค่าเดินทางพื้นฐานพอประมาณ (เฉพาะเมื่อจำเป็น)

ท่านควรหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้นอกเหนือจากนี้ แต่เก็บออมไว้เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ

ไตร่ตรอง:ใช้เวลาสองนาทีขบคิดคำถามต่อไปนี้และเขียนความคิดของท่านว่า ท่านจะรู้สึกอย่างไรถ้าปลอดหนี้

ปลดหนี้

อ่าน:ท่านสามารถปลดหนี้ได้ การชำระหนี้อย่างจริงจังจะต้องเสียสละมาก แต่ท่านสามารถทำได้ ด้านล่างเป็นหลักธรรมสำคัญห้าข้อสำหรับการปลดหนี้ เราจะพูดถึงสามข้อแรกในบทนี้

  1. เข้าใจสภาพความเป็นจริงของหนี้

  2. ปรารถนาจะปลดหนี้

  3. เอาชนะแนวโน้ม “ความเป็นมนุษย์ปุถุชน” ที่ทำให้ท่านเป็นหนี้

  4. หยุดก่อหนี้

  5. ชำระหนี้ให้หมด

สนทนา:ท่านมีความคิดหรือความประทับใจอะไรบ้างจากการอ่านหลักธรรมห้าข้อนี้

2. เข้าใจสภาพความเป็นจริงของหนี้

อ่าน:ท่านมีหนี้เท่าใด อัตราดอกเบี้ยเท่าใด ยอดชำระเท่าใด ท่านจะใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะชำระหนี้หมด และท่านจะเสียดอกเบี้ยเท่าใด สำคัญที่ต้องรู้เรื่องเหล่านี้ขณะท่านพยายามปลดหนี้ เพื่อทำเช่นนั้น ท่านจะต้องเขียนรายการหนี้สิน ด้านล่างเป็นตัวอย่างตารางรายการหนี้สิน

คำอธิบาย

ยอดคงเหลือ

อัตราดอกเบี้ย

ยอดชำระรายเดือน

บัตรเครดิต #1

4,000

17%

97

บัตรเครดิต #2

6,500

19%

168

รถยนต์

5,000

3.00%

145

เงินกู้เพื่อการศึกษา

18,000

5.50%

300

ค่าผ่อนบ้าน

170,000

4.50%

1,050

ในสภาครอบครัวของท่านสัปดาห์นี้ ท่านจะสร้างตารางคล้ายกัน จงเติมข้อมูลหนี้แต่ละอย่างให้ครบถ้วน

3. ปรารถนาจะปลดหนี้

อ่าน:เพื่อทำเรื่องยากๆ รวมทั้งการปลดหนี้ ความปรารถนาของท่านต้องแรงกล้ากว่าอุปสรรค เอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์สอนว่า “เมื่อเรามีวิสัยทัศน์ว่าเราจะเป็นอะไรได้ ความปรารถนาและพลังความสามารถที่จะกระทำจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก” (“ความปรารถนา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2011, 55) เพื่อพบความสำเร็จ จงเน้นเป้าหมายปลดหนี้และนึกภาพในใจว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรเมื่อท่านไม่มีภาระหนี้สิน เอ็ลเดอร์นีล เอ. แม็กซ์เวลล์สอนว่า “อะไรที่เราปรารถนาอย่างไม่ลดละ ในที่สุดจะกลายเป็นสิ่งที่เราจะเป็น” (“ตามความปรารถนาของใจ [เรา],” เลียโฮนา, ม.ค. 1997, 22)

สนทนา:เหตุใดท่านจึงปรารถนาจะปลอดหนี้ ท่านจะสามารถทำอะไรได้บ้างที่ท่านไม่สามารถทำได้ตอนนี้

4. เอาชนะ “ความเป็นมนุษย์ปุถุชน”

อ่าน:ในพระคัมภีร์มอรมอน กษัตริย์เบ็นจามินสอนว่า “เพราะมนุษย์ปุถุชนเป็นศัตรูต่อพระผู้เป็นเจ้า, และเป็นมาแล้วนับแต่การตกของอาดัม, และจะเป็นไป, ตลอดกาลและตลอดไป, เว้นแต่เขาจะยอมต่อการชักจูงของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์, และทิ้งความเป็นมนุษย์ปุถุชนและกลับเป็นวิสุทธิชนโดยผ่านการชดใช้ของพระคริสต์พระเจ้า, และกลายเป็นดังเด็ก, ว่าง่าย, อ่อนโยน, ถ่อมตน, อดทน, เปี่ยมด้วยความรัก” (โมไซยาห์ 3:19) เพื่อทิ้งความเป็นมนุษย์ปุถุชน เราพึงจดจำหลักธรรมที่เรียนรู้จากบทที่ 4 เกี่ยวกับการมองการณ์ไกลอยู่เสมอ เหมือนเด็กในการทดลองมาร์ชเมลโล เราต้องฝึกหยุดยั้งความพอใจระยะสั้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายระยะยาว

แนวโน้ม “ความเป็นมนุษย์ปุถุชน” ได้แก่

  • การใช้จ่ายตามอารมณ์และขาดความยับยั้งชั่งใจ

  • ความเมินเฉยหรือไม่สนใจสภาพการเงินที่แท้จริงของท่าน

  • ความโลภและการเปรียบเทียบตัวเรากับผู้อื่น

การยอมต่อความเป็นมนุษย์ปุถุชนจะทำให้เราเป็นหนี้และประสบภาวะตึงเครียดทางการเงิน ตรงกันข้าม เมื่อเราหมายมั่นทำตาม “การชักจูงของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์” เราจะเข้มแข็งโดยเดชานุภาพของการชดใช้ขณะเผชิญความยากลำบาก

สนทนา:ทิ้งความเป็นมนุษย์ปุถุชนหมายความว่าอย่างไร

อ่าน:เรามาดูแนวโน้มบางอย่างเหล่านี้ของความเป็นมนุษย์ปุถุชนในบริบทของการพึ่งพาตนเองให้ละเอียดมากขึ้น

การใช้จ่ายตามอารมณ์และขาดความยับยั้งชั่งใจ

ไตร่ตรอง:ใช้เวลาหนึ่งนาทีขบคิดคำถามต่อไปนี้และเขียนคำตอบของท่านด้านล่าง: ท่านซื้อของแพงแบบขาดความยับยั้งชั่งใจครั้งสุดท้ายเมื่อใด ท่านซื้ออะไร ท่านน่าจะใช้เงินนั้นอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกับสิ่งอื่นได้อย่างไร

อ่าน:เราทุกคนเคยซื้อของตามอารมณ์หรือขาดความยับยั้งชั่งใจ บางครั้งเราจ่ายเงินเมื่อเรารู้สึกท้อหรือโกรธ บางครั้งเราจ่ายเงินเพราะเรารู้สึกว่าเรามีสิทธิ์ให้รางวัลตนเอง บางทีการขายลดราคาหรือการส่งเสริมการขายล่อลวงเราให้เชื่อว่าเราต้องการสิ่งที่เราไม่ต้องการจริงๆ มีหลายเหตุผลว่าทำไมเราจ่ายเงินซื้อสิ่งที่เราไม่ต้องการจริงๆ แทนที่จะจ่ายให้สิ่งสำคัญที่สุด กิจกรรมต่อไปนี้จะช่วยให้เราเข้าใจว่าทำไมเราซื้อแบบขาดความยับยั้งชั่งใจ

สนทนา:เราจะเอาชนะแนวโน้มที่ทำให้ซื้อแบบขาดความยับยั้งชั่งใจได้อย่างไร ท่านเคยทำอะไรในอดีตเพื่อเอาชนะแรงผลักดันเช่นนั้น

ความเมินเฉยหรือไม่สนใจสถานะการเงินของเรา

อ่าน:ในพระคัมภีร์มอรมอนนีไฟตำหนิเลมันกับเลมิวเอลเพราะมีใจ “เกินกว่าจะรู้สึก” และไม่สามารถรู้สึกได้ว่าพระวิญญาณทำงานในพวกเขา (ดู 1 นีไฟ 17:45) บ่อยครั้งเราเลือกทำใจแข็งกระด้าง เราจึงรู้สึกถึงการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณได้ยากเมื่อเราต้องเปลี่ยน บางครั้งการมีใจ “เกินกว่าจะรู้สึก” อาจทำให้เราเลือกเมินเฉยสถานการณ์ที่แท้จริงของเรา เราอาจไม่ต้องการติดตามรายจ่ายหรือดูบัญชีธนาคาร ถ้าเราใช้บัตรเครดิตหรือเครดิตผู้บริโภคอื่นๆ ความประมาทเช่นนี้จะนำเราให้เป็นหนี้อย่างรวดเร็ว

บางครั้งคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายจะใช้จ่ายอย่างไม่ระมัดระวัง โดยคิดว่าอีกฝ่ายรับผิดชอบสถานะการเงินของครอบครัว พึงจดจำว่า ทั้งสองฝ่ายรับผิดชอบการเงินของครอบครัวเท่ากัน และการเมินเฉยหรือโยนความรับผิดชอบรังแต่จะผลักเราเข้าสู่ความเดือดร้อนทางการเงินมากขึ้นเรื่อยๆ

สนทนา:เหตุใดบางคนจึงอยากจะเมินเฉยสถานการณ์แท้จริงของตน ท่านจะเอาชนะการมีใจ “เกินกว่าจะรู้สึก” เกี่ยวกับสถานะการเงินของท่านได้อย่างไรหากต้องเอาชนะ

ความโลภและการเปรียบเทียบตัวเรากับผู้อื่น

อ่าน:คนเรามักชอบเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น และเราถูกกระหน่ำด้วยข่าวสารและโฆษณาที่ยุยงให้เราซื้อสิ่งที่เราไม่จำเป็นต้องใช้ บางครั้งเรารู้สึกว่าเรามีสิทธิ์ได้สิ่งที่เราจ่ายไม่ไหวหรือไม่จำเป็นต้องใช้เลย การยอมต่อความโลภจะชักนำเราให้ซื้ออย่างไม่ฉลาดทันที

สนทนา:เราจะเอาชนะแนวโน้มของการเปรียบเทียบตัวเรากับผู้อื่นได้อย่างไร

สนทนาลำดับความสำคัญด้านการเงินในสภาครอบครัวของท่าน

อ่าน:ระหว่างสภาครอบครัวของท่านสัปดาห์นี้ ท่านจะสนทนาวิธีที่ท่านจะเอาชนะและป้องกันตัวท่านจากแนวโน้มของ “ความเป็นมนุษย์ปุถุชน” สนทนากันเรื่องหนี้ปัจจุบันของท่านและสร้าง “รายการหนี้สิน” (ดูแผ่นเปล่าของรายการหนี้สินใน หน้า 123) ท่านอาจจะใช้โครงร่าง “ตัวอย่างการสนทนาในสภาครอบครัว” ด้านล่างเพื่อนำสภาของท่าน ขณะท่านระบุหนี้ด้วยกัน และขณะท่านคิดหาวิธีเอาชนะแนวโน้ม “ความเป็นมนุษย์ปุถุชน” ท่านจะได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้าให้ล้างหนี้ของท่าน

ตัวอย่างการสนทนาในสภาครอบครัว

จงเริ่มและจบด้วยการสวดอ้อนวอนเพื่ออัญเชิญพระวิญญาณ

ส่วนที่ 1: ทบทวน

  • ท่านแสดงให้เห็นแนวโน้มความเป็นมนุษย์ปุถุชนของท่านด้วยวิธีใดบ้าง

  • ท่านซื้อของชิ้นใหญ่แบบไม่ยับยั้งชั่งใจครั้งล่าสุดเมื่อใด ท่านน่าจะทำอะไรกับเงินนั้นแทน

  • เมื่อท่านปลอดหนี้ ท่านจะสามารถทำอะไรที่ท่านไม่สามารถทำได้ตอนนี้

ส่วนที่ 2: วางแผน

  • นำรายการหนี้สินมารวมกันโดยใช้ตารางใน หน้า 123

  • ถามตัวท่านว่า:

    • ท่านจะทำอะไรต่างจากเดิมได้บ้างเพื่อล้างหนี้ของท่าน

    • ท่านจะปฏิบัติอะไรได้บ้างเพื่อเอาชนะและป้องกันแนวโน้มความเป็นมนุษย์ปุถุชน

    • ท่านจะให้พระเจ้ามีส่วนช่วยท่านทิ้งความเป็นมนุษย์ปุถุชนได้อย่างไร