การพึ่งพาตนเอง
เรียนรู้—ใช้เวลาไม่เกิน 45 นาที


เรียนรู้—ใช้เวลาไม่เกิน 45 นาที

การสนทนาวันนี้:

4 ออมและลงทุนเพื่ออนาคต

ภาพ
กราฟิกของบ้าน

แผนที่ความสำเร็จด้านการพิทักษ์การเงิน

อ่าน:เมื่อผู้คนได้ยินคำว่า การลงทุน พวกเขาอาจนึกถึงห้องค้าหลักทรัพย์ที่เสียงดังและชุลมุนวุ่นวายไปด้วยคนขายหุ้นหรือตราสารหนี้ แม้นั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุน แต่ การลงทุน เป็นเรื่องของการทุ่มเทเวลา ความพยายาม และเงินให้แก่บางสิ่งบางอย่างและคาดหวังผลตอบแทนบางอย่างเช่นกัน ในความหมายนี้ การลงทุนเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการพึ่งพาตนเอง

ในบทนี้ท่านจะสำรวจวิธีลงทุนสามวิธี:

  1. ออมเงิน

  2. คิดเรื่องการมีบ้านเป็นของตนเอง

  3. แสวงหาการศึกษา

1. ออมเงิน

ไตร่ตรอง:ใช้เวลาสองนาทีตรึกตรองคำถามต่อไปนี้และจดความคิดของท่าน: ฉันอยากออมเงินไว้สำหรับอะไรมากที่สุด

อ่าน:วิธีลงทุนที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งคือออมเงิน ท่านทำงานเพื่อตั้งกองทุนฉุกเฉินเรื่อยมา เริ่มจากมูลค่าเท่ากับรายจ่ายหนึ่งเดือนเพิ่มเป็นมูลค่าเท่ากับรายจ่ายสามถึงหกเดือน ลองนึกภาพความเป็นไปได้ถ้าท่านออมเงินต่อเนื่องแม้หลังจากตั้งกองทุนฉุกเฉินได้แล้ว

เอ็ลเดอร์แอล. ทอม เพอร์รีย์สอนว่า “จงจ่ายเงินที่กำหนดล่วงหน้าเข้าไปในเงินออมให้ตัวท่านโดยตรง … ข้าพเจ้าแปลกใจที่คนจำนวนมากทำงานทั้งชีวิตให้ร้านขายของชำ เจ้าของที่ดิน โรงไฟฟ้า พนักงานขายรถยนต์ และธนาคาร แต่คิดถึงความพยายามของตนน้อยมากจนไม่จ่ายอะไรให้ตนเองเลย” (“Becoming Self-Reliant,” Ensign, Nov. 1991, 66)

ดังที่อธิบายไว้ข้างต้นโดยใช้ตัวอย่างเรื่องขวดโหล สำคัญอย่างยิ่งที่ต้อง “จ่ายให้ตนเอง” ก่อนโดยใส่เงินไว้ในเงินออม ซึ่งจะช่วยท่านสร้างความมั่นคงทางการเงิน

ภาพ
ขวดโหลแบบคนทั่วไป
ภาพ
ขวดโหลแบบพึ่งพาตนเอง

สนทนา:ใช้เวลาหนึ่งนาทีทบทวนตัวอย่างเรื่องขวดโหลอีกครั้ง อะไรมีความหมายมากที่สุดสำหรับท่านเกี่ยวกับตัวอย่างนี้ ท่านกำลังแสดงศรัทธาโดยใช้วิธีพึ่งพาตนเองอย่างไร

2. คิดเรื่องการมีบ้านเป็นของตนเอง

อ่าน:การซื้อบ้านอาจจะเป็นวิธีลงทุนอีกวิธีหนึ่ง แต่ใช่ว่าทุกคนจะต้องมีบ้านเป็นของตนเอง และบ่อยครั้งการเช่าก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่า

อ่าน:สำหรับท่านที่คิดจะซื้อบ้าน จงจำหลักธรรมสองข้อนี้:

  • ซื้อบ้านต่อเมื่อสมควรแก่เวลาและสถานที่

  • ซื้อต่อเมื่อท่านจ่ายได้สบาย

ตอนนี้เราจะสนทนาข้อเท็จจริงบางประการที่ส่งผลต่อหลักการเหล่านี้

สนทนา:เหตุใดจึงสำคัญที่ท่านต้องถามคำถามเหล่านี้กับตนเองก่อนซื้อบ้าน

อ่าน:คนส่วนใหญ่กู้เงินมาซื้อบ้านเรียกว่า การจำนอง การจำนองคือหนี้ และท่านจะต้องจ่ายดอกเบี้ย ท่านถูกคาดหวังให้ชำระรายเดือนและจ่ายคืนเงินกู้

เพื่อความมั่นคงทางการเงินระยะยาว ค่าผ่อนบ้านแต่ละเดือนของท่านไม่ควรเกิน 25 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ประจำเดือน จงใช้สิ่งนี้เป็นแนวทางตัดสินว่าท่านสามารถจ่ายได้เท่าใด ไม่ใช่ตัดสินว่าผู้ให้ยืมยอมให้ท่านยืมเท่าใด

สนทนา:การซื้อบ้านที่ท่านจ่ายได้สบายหมายความว่าอย่างไร

อ่าน:จำไว้เสมอว่าเมื่อมีบ้านเป็นของตนเองท่านจะมีค่าใช้จ่ายอื่นอีกนอกเหนือจากค่าผ่อนบ้าน เมื่อท่านมีบ้านเป็นของตนเอง ท่านต้องรับผิดชอบค่าซ่อมบำรุง ข้าวของแตกหักเสียหาย ใช้จนเก่าหรือชำรุด และบางทีต้องปรับให้ทันสมัย ที่ปรึกษาการเงินแนะนำให้ออมเงินอย่างน้อย 1 เปอร์เซ็นต์ต่อปีเป็นค่าซ่อมบำรุงบ้านของท่าน

ปลดหนี้ค่าผ่อนบ้าน

อ่าน:ดังที่อธิบายไว้ข้างต้น การจำนองคือเงินกู้—คือหนี้—ทำให้ท่านต้องเสียดอกเบี้ย ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสันย้ำคำสอนของประธานเจ. รูเบน คลาร์กดังนี้ “จงให้หัวหน้าครัวเรือนทุกคนตั้งเป้าหมายว่าจะมีบ้านเป็นของตนเองและไม่มีค่าผ่อนบ้าน” (“Prepare for the Days of Tribulation,” Ensign, Nov. 1980, 33) การผ่อนบ้านให้หมดก่อนเวลาอาจต้องเสียสละพอสมควร แต่ยิ่งท่านชำระให้หมดเร็วเท่าใด ท่านจะเสียดอกเบี้ยน้อยลงเท่านั้น มีวิธีชำระค่าผ่อนบ้านสองวิธี:

  • จ่ายเพิ่ม

  • ปรับระยะกู้ให้สั้นลงเพื่อจ่ายดอกเบี้ยน้อยลง

การชำระเงินต้นเพิ่มจะลดค่าผ่อนลงหลายปีและลดดอกเบี้ยหลายหมื่นดอลลาร์ ตัวอย่างเช่น ถ้าท่านต้องผ่อนบ้าน 150,000 บาทนาน 30 ปีด้วยอัตราดอกเบี้ย 4.5 เปอร์เซ็นต์ ท่านจะต้องจ่ายดอกเบี้ยทั้งหมด 123,610 บาท ลองดูแผนภูมิด้านล่างว่าท่านจะประหยัดเวลาและเงินได้มากเท่าใดถ้าจ่ายเพิ่มเดือนละ 100 ถึง 200 บาท

เพิ่ม 100 บาทต่อเดือน

เพิ่ม 200 บาทต่อเดือน

ประหยัดเวลา

เกือบ 7 ปี

เกือบ 11 ปี

ประหยัดเงิน

29,715 บาท

47,462 บาท

อีกทางเลือกหนึ่งของการผ่อนบ้านให้หมดเร็วขึ้นคือผ่อนสั้นลง การผ่อนสั้นลงมาพร้อมอัตราดอกเบี้ยลดลง ท่านจ่ายรายเดือนสูงขึ้น แต่ปีที่ท่านต้องจ่ายจะลดลงและดอกเบี้ยจะลดลงหลายพัน

ลองเปรียบเทียบค่าผ่อนบ้านเท่ากับข้างต้น แต่คราวนี้ผ่อน 15 ปี ตัวอย่างเดิมคือค่าผ่อนบ้าน 150,000 บาทนาน 30 ปีด้วยอัตราดอกเบี้ย 4.5 เปอร์เซ็นต์ ลองเปรียบเทียบกับการผ่อนบ้าน 15 ปีด้วยอัตราดอกเบี้ย 3.5 เปอร์เซ็นต์

ผ่อนบ้าน 30 ปี

ผ่อนบ้าน 15 ปี

อัตราดอกเบี้ย

4.5%

3.5%

ค่าผ่อนรายเดือน

760 บาท

1,072 บาท

รวมดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย

123,610 บาท

43,018 บาท

เวลาที่ผ่อนหมด

30 ปี

15 ปี

ในกรณีนี้ การผ่อน 15 ปีหมายถึงผ่อนเดือนละประมาณ 312 ดอลลาร์ แต่จะช่วยท่านประหยัด:

  • ค่าผ่อน 15 ปี

  • ดอกเบี้ยกว่า 80,000 ดอลลาร์

สนทนา:ท่านจะยอมสละอะไรเพื่อจ่ายค่าผ่อนบ้านเพิ่มหรือผ่อนสั้นลงเพื่อปลอดหนี้เร็วที่สุด

3. แสวงหาการศึกษา

อ่าน:การศึกษาเป็นการลงทุนอีกแบบหนึ่ง ตามปกติการอบรมหรือการศึกษาเพิ่มเติมจะมีค่าใช้จ่าย ถ้าท่านจะลงทุนด้านการศึกษา ต้องแน่ใจว่าจะได้งานดีกว่าเดิมเพื่อจะได้ผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนของท่าน ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์แนะนำว่า “ส่วนใหญ่โลกจะจ่ายให้ท่านตามมูลค่าของท่าน และมูลค่าของท่านจะเพิ่มขึ้นเมื่อท่านมีการศึกษาและความชำนาญในสาขาที่ท่านเลือก” (“A Prophet’s Counsel and Prayer for Youth,” Ensign, Jan. 2001, 4)

บางครั้งอาจสมควรมีหนี้เพื่อการศึกษา แต่มีวิธีชำระค่าเล่าเรียนอีกหลายวิธี จงสำรวจทางเลือกทั้งหมดก่อนเป็นหนี้ ถ้าท่านเป็นหนี้เพื่อการศึกษา จงพยายามชำระหนี้ให้หมดเร็วที่สุด

กลุ่มการพึ่งพาตนเองที่เรียนเรื่องการศึกษาเพื่องานที่ดีกว่าเดิมอาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับท่านเมื่อคิดจะลงทุนเรื่องการศึกษา

สนทนา:การศึกษาเป็นการลงทุนให้ตัวท่านอย่างไร

สนทนาในสภาครอบครัวของท่านเรื่องการออมเงิน การมีบ้านเป็นของตนเอง และการลงทุนตัวท่านผ่านการศึกษา

อ่าน:คำมั่นสัญญาข้อหนึ่งของท่านสัปดาห์นี้คือสนทนาเรื่องการออมเงิน การมีบ้านเป็นของตนเอง และการลงทุนเรื่องการศึกษาระหว่างสภาครอบครัว สนทนาสิ่งที่ท่านอยากออมเงินไว้ใช้สำหรับสิ่งนั้น ท่านควรเช่าหรือซื้อบ้าน (หรือท่านจะเริ่มจ่ายค่าผ่อนบ้านอย่างไร) และเป้าหมายการศึกษาที่ท่านควรทำให้บรรลุผลสำเร็จคืออะไร ท่านอาจต้องใช้โครงร่าง “ตัวอย่างการสนทนาในสภาครอบครัว” ด้านล่าง

ตัวอย่างการสนทนาในสภาครอบครัว

เริ่มและจบด้วยการสวดอ้อนวอนเพื่ออัญเชิญพระวิญญาณ

ส่วนที่ 1: ทบทวน

  • ท่านต้องการออมเงินไว้ทำอะไรในวันหน้า ทบทวนคำตอบของท่านเพื่อไตร่ตรองคำถามใน หน้า 167

  • ข้อดีและข้อเสียของการมีบ้านเป็นของตนเองกับการเช่าบ้านคืออะไร ทบทวนกิจกรรมใน หน้า 169

ส่วนที่ 2: วางแผน

  • ท่านจะออมเงินอย่างไรสำหรับความต้องการในอนาคต

  • ถ้าตอนนี้ท่านไม่มีบ้านเป็นของตนเอง ท่านควรคิดจะซื้อบ้านหรือไม่ หรือท่านควรเช่าต่อไปสักระยะหนึ่ง

  • ถ้าตอนนี้ท่านมีบ้านเป็นของตนเอง ท่านจะจ่ายค่าผ่อนบ้านให้หมดเร็วที่สุดได้อย่างไร การขายบ้านและการเช่าอยู่สักระยะหนึ่งจะเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันของท่านมากกว่าหรือไม่

  • ท่านควรลงทุนเพื่อการศึกษาและศึกษาเพิ่มเติมด้านใดเพื่อให้ได้งานที่ดีกว่าเดิม