การเรียกในคณะเผยแผ่
2. การวางระเบียบและกิจกรรมผู้สอนศาสนา


ภาพ
พระเยซูทรงสอนสานุศิษย์

2

การวางระเบียบและกิจกรรมผู้สอนศาสนา

2.0

คำนำ

พระเจ้าตรัสว่า “เจ้าจะวางระเบียบตัวเจ้าและกำหนดสิ่งที่อยู่ในความพิทักษ์ให้ชาย [และหญิง] ทุกคน” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 104:11) หมวดนี้ของคู่มือเล่มนี้พูดถึงการวางระเบียบงานเผยแผ่และอธิบายว่าท่านจะสามารถทำงานและอยู่กับคู่ผู้สอนศาสนา มีส่วนร่วมในกิจกรรมงานเผยแผ่ วางแผนกำหนดการประจำวัน และรับใช้ผู้อื่นด้วยความรักอันบริสุทธิ์ของพระคริสต์ (ดู โมโรไน 7:44–47) ได้ดีที่สุดอย่างไร

เพื่อความชัดเจน มาตรฐานเหล่านี้ใช้คำว่า หัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาว หมายถึงผู้สอนศาสนาที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำ เช่น คู่รุ่นพี่ ซิสเตอร์ผู้นำการอบรม หรือหัวหน้าโซน ผู้นำคณะเผยแผ่ หมายถึงประธานคณะเผยแผ่ของท่านผู้ถือกุญแจฐานะปุโรหิตและภรรยาของเขา

มาตรฐานเหล่านี้ใช้คำว่า อธิการ ประธานสเตค วอร์ด และ สเตค ด้วย จงประยุกต์ใช้แนวทางที่เกี่ยวข้องให้เหมาะกับประธานสาขา ประธานท้องถิ่น สาขา และท้องถิ่นสมาชิก

2.1

ผู้นำคณะเผยแผ่

ความรับผิดชอบสำคัญที่สุดของท่านไม่ว่ามีงานมอบหมายใดในการเป็นผู้นำ คือเป็นผู้สอนศาสนาที่ซื่อสัตย์และทุ่มเท คำแนะนำนี้จากพระเจ้าที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญาประยุกต์ใช้กับท่านเช่นกัน: “สิ่งซึ่งจะล้ำค่าที่สุดสำหรับเจ้าคือประกาศการกลับใจแก่ [คนรุ่น] นี้, เพื่อเจ้าจะนำจิตวิญญาณทั้งหลายมาสู่เรา” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 15:6)

2.1.1

ผู้นำคณะเผยแผ่: ประธานคณะเผยแผ่ของท่านและภรรยาของเขา

ประธานคณะเผยแผ่และภรรยาของเขาผู้รับใช้เป็นผู้นำคณะเผยแผ่ของท่านด้วยกัน ต่างได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้าและได้รับการวางมือมอบหน้าที่ให้นำคณะเผยแผ่ พวกเขาทั้งคู่รักและรับใช้ท่าน ช่วยให้ท่านบรรลุจุดประสงค์การเป็นผู้สอนศาสนาของท่าน อีกทั้งช่วยให้ท่านปลอดภัยและมีความสุขด้วย

ผู้นำคณะเผยแผ่ของท่านมีความรับผิดชอบมากมายในคณะเผยแผ่ พวกเขาจะทำงานด้วยกันเพื่อสนับสนุนและให้กำลังใจท่าน ฟังข้อกังวลของท่าน ตอบคำถาม ประเมินความก้าวหน้า และให้คำปรึกษา เพราะประธานคณะเผยแผ่ของท่านถือกุญแจฐานะปุโรหิตที่แน่นอน เขาจึงทำหน้าที่ผู้พิพากษาใหญ่ในคณะเผยแผ่ ท่านควรสารภาพการล่วงละเมิดทางเพศและบาปร้ายแรงอื่นๆ ของท่านกับประธานคณะเผยแผ่ (ดู โมไซยาห์ 26:29–30) จงพูดความจริงกับเขา เขาจะช่วยให้ท่านกลับใจ (ดู เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน [2011], 28–29)

ท่านอาจเชิญภรรยาประธานคณะเผยแผ่ ผู้สอนศาสนาอาวุโส หรือคู่ผู้สอนศาสนาของท่านเข้าร่วมการสัมภาษณ์กับประธานคณะเผยแผ่ การตัดสินใจเชิญบางคนเข้าร่วมการสัมภาษณ์กับท่านไม่น่าจะทำให้ผู้นำคณะเผยแผ่รักท่าน เป็นห่วงท่าน หรือชื่นชมท่านน้อยลง

2.1.2

ฝ่ายประธานคณะเผยแผ่

ประธานคณะเผยแผ่ของท่านควบคุมดูแลคณะเผยแผ่ด้วยกุญแจฐานะปุโรหิต เขาเป็นสมาชิกในฝ่ายประธานคณะเผยแผ่พร้อมกับที่ปรึกษาสองคน

ที่ปรึกษาในฝ่ายประธานคณะเผยแผ่ เหมือนที่ปรึกษาในฝ่ายประธานสเตคหรือฝ่ายอธิการคือช่วยวางระเบียบและช่วยในการทำงาน ที่ปรึกษาในฝ่ายประธานคณะเผยแผ่ไม่แก้ไขปัญหาเรื่องความมีค่าควรของผู้สอนศาสนา

2.1.3

การวางระเบียบผู้นำในคณะเผยแผ่

ประธานคณะเผยแผ่ของท่านใช้การเปิดเผยและกุญแจฐานะปุโรหิตวางระเบียบงาน เขามอบหมายให้ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวเป็นผู้อบรม คู่รุ่นพี่ หัวหน้าดิสตริกท์ ซิสเตอร์ผู้นำการอบรม หัวหน้าโซน และผู้ช่วย ส่วนผู้ช่วย ผู้สอนศาสนาประจำสำนักงาน และผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ ไม่ทำการมอบหมายงานให้หัวหน้าผู้สอนศาสนาหรือมอบหมายเขตให้ท่านรับใช้ แต่ประธานคณะเผยแผ่อาจหารือกับภรรยาหรือผู้ช่วยของเขาเกี่ยวกับการมอบหมายงานให้ผู้สอนศาสนา

ผู้นำคณะเผยแผ่ของท่านและผู้ช่วย หัวหน้าโซน และซิสเตอร์ผู้นำการอบรมเป็นสมาชิกของสภาผู้นำงานเผยแผ่ ผู้นำเหล่านี้หารือกันเกี่ยวกับการตอบรับความต้องการของผู้สอนศาสนา วางแผนช่วยให้งานเผยแผ่ก้าวหน้า และทำให้งานรุดหน้า

2.1.4

ความรับผิดชอบของหัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาว

หัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวทำตามคำแนะนำของพระเยซูคริสต์เหมือนผู้สอนศาสนาทุกคนคือ “รับใช้ [พระผู้เป็นเจ้า] ด้วยสุดใจ, พลัง, ความนึกคิด และพละกำลัง [ของพวกเขา]” และ “นึกถึงศรัทธา, คุณธรรม, ความรู้, ความยับยั้งตน, ความอดทน, ความกรุณาฉันพี่น้อง, ความเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้า, จิตกุศล, ความนอบน้อม, ความขยันหมั่นเพียร” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 4:2, 6) การมอบหมายให้เป็นผู้นำไม่ได้บ่งบอกถึงการยอมรับเป็นพิเศษหรือการเลื่อนตำแหน่งหรือสะท้อนคุณค่าของผู้สอนศาสนา

หัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวมีความรับผิดชอบในการ:

  • หา สอน ให้บัพติศมา และผูกมิตรผู้คน

  • เป็นแบบอย่างตามมาตรฐานความประพฤติของผู้สอนศาสนา (ดู 3.0)

  • อบรมผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ และนำการเปลี่ยนคู่ (ดู 2.3.1)

  • แบ่งปันข้อมูลและคำแนะนำจากสภาผู้นำงานเผยแผ่ให้ผู้สอนศาสนาที่พวกเขานำ

  • รักและผูกมิตรกับผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ ช่วยให้พวกเขาเห็นคุณค่าความพยายามของตน

  • ฟังข้อกังวลของผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ ให้การสนับสนุนและคำปรึกษา

  • ติเตียนแก้ไขผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ อย่างเมตตาและเป็นส่วนตัวตามความจำเป็น หลังจากนั้นให้แสดง “ความรักเพิ่มขึ้น” (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 121:41–43)

  • ทำงานใกล้ชิดกับผู้นำและสมาชิกในท้องที่

เอ็ลเดอร์และซิสเตอร์ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าควรฝึกการเป็นผู้นำเหมือนพระคริสต์เฉกเช่นผู้สอนศาสนาทุกคน หากความประพฤติของผู้สอนศาสนาคนใด รวมทั้งหัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาว ดูเหมือนไม่สอดคล้องกับพระบัญญัติและมาตรฐานผู้สอนศาสนา ให้สนทนาเรื่องนี้กับผู้สอนศาสนาคนนั้น หากปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขหลังจากนั้น ให้บอกข้อกังวลของท่านกับหัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวของท่านหรือประธานคณะเผยแผ่ ไม่ใช่บอกผู้สอนศาสนาคนอื่น สมาชิก หรือเพื่อนๆ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานมอบหมายและความรับผิดชอบเฉพาะเจาะจงของหัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาว (ผู้อบรม คู่รุ่นพี่ หัวหน้าดิสตริกท์ ซิสเตอร์ผู้นำการอบรม หัวหน้าโซน และผู้ช่วยประธาน) ได้จากหมวด 7.1 “ความรับผิดชอบในการเป็นหัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาว

2.1.5

ความรับผิดชอบส่วนตัว

จง “ขยายตำแหน่ง [ของท่าน] แด่พระเจ้า” (เจคอบ 1:19) พึ่งพาตนเองทางวิญญาณ และ “กระทำด้วย [ตัวท่านเอง]” (2 นีไฟ 2:16) โดยวางใจพระเจ้าและทำตามพระวิญญาณ เมื่อท่านมีคำถามหรือข้อกังวลให้:

  • ประยุกต์ใช้คำสอนให้ “ศึกษาไตร่ตรองในความคิดของเจ้า; จากนั้น … ถามเราว่ามันถูกต้องหรือไม่” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 9:8)

  • แสวงหาการนำทางผ่านการเปิดเผยส่วนตัว สวดอ้อนวอน และศึกษาพระคัมภีร์ (โดยเฉพาะ พระคัมภีร์มอรมอน) สั่งสอนกิตติคุณของเรา คำสอนของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่ และมาตรฐานเหล่านี้

หากท่านต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมหลังจากประยุกต์ใช้หลักธรรมเหล่านี้แล้ว ให้ขอจากคู่หรือหัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวของท่าน บ่อยครั้งพวกเขาสามารถช่วยให้ท่านพบคำตอบของคำถามของท่านและไขข้อกังวลของท่าน หากไม่ ให้ติดต่อหัวหน้าคณะเผยแผ่ บิดามารดา หรือผู้นำฐานะปุโรหิตที่บ้านท่าน กรุณาอย่าติดต่อสำนักงานใหญ่ของศาสนจักร หากติดต่อ ทางสำนักงานจะโอนเรื่องกลับมาที่ประธานคณะเผยแผ่ของท่าน

พูดคุยกับประธานคณะเผยแผ่ของท่านเกี่ยวกับปัญหาความมีค่าควร พูดคุยกับผู้นำคณะเผยแผ่ของท่านเกี่ยวกับข้อกังวลปัจจุบันทันด่วนเรื่องความปลอดภัย รวมถึงการประทุษร้ายหรือการทารุณกรรม หรือปัญหาอื่นที่แก้ไขกับผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ ไม่ได้

อาจมีหลายครั้งในช่วงงานเผยแผ่เมื่อท่านพบว่ายากจะจดจ่อกับงานเนื่องด้วยความท้าทายในขณะนั้น เรื่องส่วนตัวหรือเรื่องครอบครัว หรือแม้กระทั่งประสบการณ์ในอดีต นั่นเข้าใจได้ อย่าลังเลที่จะบอกข้อกังวลกับคู่ หัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาว หรือผู้นำคณะเผยแผ่ของท่านและขอความช่วยเหลือ

จงจดจำพระดำรัสเชื้อเชิญของพระผู้ช่วยให้รอดที่ว่า “จงดูที่เราในความนึกคิดทุกอย่าง; อย่าสงสัย, อย่ากลัว จงดูแผลถูกแทงที่สีข้างเรา, และรอยตะปูที่มือและเท้าของเราด้วย; จงซื่อสัตย์, รักษาบัญญัติของเรา, และเจ้าจะสืบทอดอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นมรดก เอเมน” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 6:36–37)

2.2

คู่

พระเจ้าทรงเรียกผู้สอนศาสนาให้สั่งสอนพระกิตติคุณเป็นคู่ “ให้พวกเขาไปเป็นคู่ๆ, และให้พวกเขาสั่งสอนไประหว่างทางดังนั้นในการชุมนุมทุกครั้ง, โดยให้บัพติศมาด้วยน้ำ, และโดยการวางมือ” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 52:10) ท่านจะทำงานกับคู่หลายคนตลอดงานเผยแผ่ของท่าน คู่:

  • เป็นหนึ่งเดียวกันในการทำงานและเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ด้วยกัน

  • สนับสนุนความผาสุกทางกาย อารมณ์ และวิญญาณของกันและกัน

  • พยายามดูแลกันให้ปลอดภัย

  • รับผิดชอบต่อกันในการรักษามาตรฐานผู้สอนศาสนา

2.2.1

การสนับสนุนกัน

คู่ผู้สอนศาสนาควรช่วยกันเรียนรู้ เติบโต และพัฒนาคุณลักษณะเหมือนพระคริสต์ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 4 และ “ฉันจะพัฒนาคุณลักษณะเหมือนพระคริสต์อย่างไร” ใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา [2018], บทที่ 6) การเรียนรู้ความอดทนและความรัก ฝึกให้อภัย และยอมรับความแตกต่างในบุคลิกภาพจะเป็นพรแก่ท่านตลอดชีวิต

คู่จะ:

  • รัก เคารพ และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กัน

  • ศึกษาด้วยกันทุกวันและสวดอ้อนวอนด้วยกันบ่อยๆ ตลอดวัน

  • อ่อนน้อมถ่อมตนและรับรู้ข้อดีของกันและกัน

  • ปฏิบัติต่อกันเช่นเดียวกับที่ท่านต้องการให้คู่ปฏิบัติต่อท่าน

  • หลีกเลี่ยงการวิจารณ์และความขัดแย้ง

  • หลีกเลี่ยงการพูดถึงกันในแง่ลบกับผู้สอนศาสนาคนอื่น สมาชิกศาสนจักร หรือครอบครัวและเพื่อนๆ ที่บ้าน

หากท่านสังเกตเห็นสถานการณ์หรือพฤติกรรมไม่เหมาะสมใดๆ ก็ตาม ให้พูดคุยเรื่องนี้กับคู่ของท่าน หากเรื่องดังกล่าวไม่ได้รับการแก้ไขหรือหากคู่ของท่านข่มเหงท่าน จงกล้าและมีความรักให้คู่ของท่านในการขอให้ประธานคณะเผยแผ่ช่วยเหลือ (ดู 3.9.2)

2.2.2

การอยู่ด้วยกัน

การอยู่กับคู่จะช่วยป้องกันอันตรายทางกายและทางวิญญาณ ข้อกล่าวหาเท็จ และความเหงา จงเชื่อฟังมาตรฐานผู้สอนศาสนาข้อนี้ทุกที่ทุกเวลา อย่าอยู่คนเดียว

  • ท่านควรจะสามารถเห็นและได้ยินคู่ตลอดเวลาเว้นแต่ท่านอยู่ในห้องน้ำ ในการสัมภาษณ์กับผู้นำคณะเผยแผ่ หรือกำลังดำเนินการสัมภาษณ์บัพติศมา (ดู 2.3.6)

  • ท่านควรนอนห้องเดียวกันแต่ไม่นอนเตียงเดียวกัน

  • เมื่อต่างคนต่างทำงานของตนขณะอยู่ในที่พัก ให้ใช้สามัญสำนึกป้องกันตัวและทำตามมาตรฐานความประพฤติของผู้สอนศาสนา (ดู 3.0)

  • อย่าหาเวลาอยู่ตามลำพัง ตัวอย่างเช่น อย่าเข้านอนดึกกว่าคู่หรือตื่นเช้ากว่าคู่

  • หากท่านกับคู่ถูกแยกจากกัน ให้ติดต่อประธานคณะเผยแผ่ทันที

2.2.3

การทำงานในเขตของท่าน

“ไปทำงานด้วยสุดกำลังวังชา [ของท่าน]” (เจคอบ 5:72) และทุ่มเทความพยายามในเขตการสอนที่มอบหมายให้ท่าน เน้นทำงานในเขตที่ท่านน่าจะช่วยให้ผู้คนทำและรักษาพันธสัญญาได้มากกว่า ตัวอย่างเช่น เน้นละแวกใกล้อาคารศาสนจักรหรือในละแวกที่มีสมาชิกแข็งขันอาศัยอยู่ จงจดจำคำสัญญาของพระเจ้าที่ว่า “ผู้ใดที่รับเจ้า, ที่นั่นเราจะอยู่” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 84:88)

ท่านอาจออกนอกเขตที่ได้รับมอบหมายเพื่อเปลี่ยนคู่ (ดู 2.3.1) หรือย้าย (ดู 2.3.2) หากท่านต้องออกนอกเขตของท่านด้วยเหตุผลอื่น ให้ขออนุญาตจากหัวหน้าดิสตริกท์ของท่านเพื่อออกนอกเขตแต่ยังอยู่ในดิสตริกท์ของท่าน หรือจากหัวหน้าโซนหากท่านต้องเดินทางออกนอกดิสตริกท์ ท่านต้องได้รับอนุญาตจากประธานคณะเผยแผ่หรือบุคคลที่เขากำหนดเพื่อออกนอกโซนของท่าน

หากท่านต้องออกนอกเขตที่มอบหมายเนื่องด้วยเหตุฉุกเฉิน เช่น ภัยธรรมชาติหรือการประทุษร้ายหรือต้องได้รับการดูแลรักษาฉุกเฉิน ให้หาที่ปลอดภัยหรือการดูแลรักษาก่อนแล้วค่อยติดต่อประธานคณะเผยแผ่หรือหัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวทันทีที่ท่านสามารถติดต่อได้

2.2.4

การทำงานกับคนนอกเขต

ในช่วงงานเผยแผ่ท่านอาจจะพบคนที่อยู่นอกเขตที่มอบหมายให้ท่าน หากพวกเขาสนใจจะเรียนพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ท่านอาจ:

  • แบ่งปันข่าวสารกับพวกเขา

  • ติดต่อกับพวกเขาบนสื่อสังคมที่อนุมัติแล้ว (ดู 7.5.6)

  • ส่งต่อพวกเขาให้แก่ผู้สอนศาสนาที่อยู่ในเขตที่พวกเขาอาศัยอยู่และบอกผู้สอนศาสนาที่ได้รับมอบหมายเกี่ยวกับข้อมูลของพวกเขา (ดู 2.3.4)

  • เมื่อประธานคณะเผยแผ่ของท่านอนุญาต ให้ใช้เทคโนโลยี (ดู 7.4.5) ทำงานกับผู้สอนศาสนาในเขตที่บุคคลเหล่านั้นอาศัยอยู่เพื่อช่วยสอนและสนับสนุนพวกเขา ท่านสามารถเชิญครอบครัวและเพื่อนๆ ของท่านเองให้ช่วยสอนพวกเขาเมื่อได้รับอนุญาต (ดู 3.9.5)

เมื่อทำงานกับผู้สอนศาสนา หรือสมาชิกคนอื่นๆ ทั้งในและนอกเขตหรือคณะเผยแผ่ของท่าน ให้:

  • หารือกันเพื่อรู้วิธีที่ดีที่สุดในการช่วยให้ผู้สนใจเข้าใกล้พระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์มากขึ้น

  • เคารพเวลาของสมาชิกและของผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ

  • ให้ผู้สอนศาสนาที่ได้รับมอบหมายดูแลเขตที่ผู้สนใจอาศัยอยู่เป็นผู้นำในการสอนทันทีที่เห็นสมควร

2.3

กิจกรรมงานเผยแผ่ศาสนา

ผู้สอนศาสนามีส่วนร่วมในกิจกรรมหลากหลายแบบเพื่อปฏิบัติตามพระบัญชาของพระเจ้าให้ “เตรียมสิ่งจำเป็นทุกอย่าง” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:119) ทั้งนี้เพื่อทำให้งานของพระองค์สำเร็จลุล่วง กิจกรรมเหล่านี้ได้แก่การมีส่วนร่วมในการสลับคู่และการย้าย การทำงานกับสมาชิก การตอบใบแนะนำชื่อ การสอน และมีส่วนร่วมในสภาและการประชุมต่างๆ และการรับใช้ เอ็ลเดอร์อาจดำเนินพิธีบัพติศมาอันเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมผู้สอนศาสนาของพวกเขาด้วย

2.3.1

การสลับคู่

ในการสลับคู่ หัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาว เช่น ซิสเตอร์ผู้นำการอบรมหรือผู้ช่วยประธาน จะทำงานกับผู้สอนศาสนาอีกคน ระหว่างสลับคู่หัวหน้าจะสอน อบรม และเรียนรู้จากผู้สอนศาสนา หัวหน้าจะทำตามพระดำรัสแนะนำของพระเจ้าที่พบในพระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญาให้เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ “ในการสนทนาทุกอย่าง [ของพวกเขา], ในการสวดอ้อนวอนทุกครั้ง [ของพวกเขา], ในคำแนะนำทั้งปวง [ของพวกเขา], และในการกระทำทั้งหมด [ของพวกเขา]” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 108:7)

หัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวรับผิดชอบในการวางแผนการสลับคู่กับผู้สอนศาสนาที่พวกเขานำ ซิสเตอร์สลับคู่กับซิสเตอร์คนอื่นๆ และเอ็ลเดอร์สลับคู่กับเอ็ลเดอร์คนอื่นๆ

ในคณะเผยแผ่ส่วนใหญ่ โดยทั่วไปหัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวสลับคู่หนึ่งครั้งทุกการย้าย

  • หัวหน้าดิสตริกท์สลับคู่กับเอ็ลเดอร์แต่ละคนในดิสตริกท์ของตน

  • หัวหน้าโซนสลับคู่กับหัวหน้าดิสตริกท์แต่ละคนและเมื่อจำเป็นจะสลับคู่กับเอ็ลเดอร์คนอื่นๆ ในโซนของตน

  • ซิสเตอร์ผู้นำการอบรมสลับคู่กับซิสเตอร์แต่ละคนในโซนของตนหรือโซนที่ได้รับมอบหมาย

  • ผู้ช่วยประธานสลับคู่กับหัวหน้าโซนหรือเอ็ลเดอร์คนอื่นๆ ตามที่ประธานคณะเผยแผ่กำกับ

  • โดยทั่วไปแล้วการสลับคู่ใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง สำหรับการสลับคู่แต่ละครั้งหัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวควร:

    • สลับคู่ในเขตของหัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาว บางครั้งอาจสลับคู่ในเขตของผู้สอนศาสนาเมื่อเห็นสมควร

    • วางแผนการสลับคู่ล่วงหน้า

    • ทำงานด้วยกันเพื่อตั้งเป้าหมายกับผู้สอนศาสนาว่าจะทำอะไรให้สำเร็จลุล่วงระหว่างสลับคู่ มีส่วนร่วมในงานเผยแผ่ศาสนาทุกส่วน รวมทั้งการหา การสอน การศึกษากับคู่ การศึกษาภาษา (หากทำได้) การวางแผนประจำวัน และการผูกมิตร

    • อบรมการใช้พระคัมภีร์และหลักธรรมจาก สั่งสอนกิตติคุณของเรา

    • ทบทวนและสนทนาเรื่องคนที่ผู้สอนศาสนากำลังทำงานด้วยหรือสอน

    • ให้คำติชมที่เฉพาะเจาะจงและเป็นประโยชน์แก่ผู้สอนศาสนา รวมทั้งสิ่งที่ผู้สอนศาสนาทำได้ดีและวิธีที่ผู้สอนศาสนาจะปรับปรุงให้ดีขึ้น

    • เปิดรับคำติชมจากผู้สอนศาสนาในด้านที่ต้องปรับปรุง

    • ทบทวนและสนทนาสิ่งที่ผู้สอนศาสนาแต่ละคนเรียนรู้ระหว่างการสลับคู่

    • รายงานเรื่องการสลับคู่ในจดหมายประจำสัปดาห์ถึงประธานคณะเผยแผ่

2.3.2

การย้าย

สำนักงานเผยแผ่จะจัดเตรียมการเดินทางของท่านระหว่างการย้ายเพื่อไม่ได้ท่านเดินทางคนเดียว ในบางกรณี เพราะระยะทางและข้อควรพิจารณาอื่นๆ ประธานคณะเผยแผ่จึงอาจให้ท่านเดินทางคนเดียว ในสถานการณ์เหล่านี้ จงระมัดระวังเป็นพิเศษ ใช้สามัญสำนึก และทำตามพระวิญญาณ

เมื่อท่านต้องย้าย:

  • ตรงดิ่งไปเขตใหม่เพื่อสมทบกับคู่ใหม่

  • อย่ากินหรือดื่มสิ่งที่ท่านวางทิ้งไว้โดยไม่มีใครดูแลขณะเดินทาง

  • เมื่อท่านเดินทาง ต้องแน่ใจว่าโทรศัพท์ของท่านมีแบตเตอรี่เพียงพอสำหรับการเดินทาง หากท่านเดินทางคนเดียวนานกว่าสามชั่วโมง ให้รายงานสำนักงานเผยแผ่เป็นระยะ

หากคู่ของท่านต้องย้ายและท่านไม่ย้าย ให้ทำงานกับผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ ตามที่หัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวของท่านมอบหมายจนกว่าคู่ใหม่ของท่านจะมา

2.3.3

โอกาสในการสอนกับสมาชิก

เชิญสมาชิกร่วมทำงานกับท่านอย่างปกติและเป็นธรรมชาติเมื่อท่านหา สอน ให้บัพติศมา และผูกมิตร กระตุ้นและช่วยให้สมาชิกเป็นเพื่อนกับคนที่ท่านกำลังสอนและเชิญคนเหล่านั้นมาร่วมกิจกรรมวอร์ดและกิจกรรมครอบครัว ขอให้สมาชิกแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวที่เกี่ยวข้องและประจักษ์พยานของพวกเขา

ผู้สอนศาสนาจำเป็นต้องอยู่ด้วยกันกับคู่ จึงไม่มีการสลับคู่ผู้สอนศาสนากับสมาชิก อย่างไรก็ดี สมาชิกสตรี (อย่างน้อยต้องอายุ 16 ปี แต่ทำตามแนวทางโดยยึดกฎหมายท้องที่เป็นหลัก) อาจไปสอนกับซิสเตอร์ผู้สอนศาสนาสองคนหรือมากกว่านั้น สมาชิกชาย (อย่างน้อยต้องอายุ 19 ปี แต่ทำตามแนวทางโดยยึดกฎหมายท้องที่เป็นหลัก) อาจไปสอนกับเอ็ลเดอร์ผู้สอนศาสนาสองคนหรือมากกว่านั้น คู่สามีภรรยาจะสอนกับซิสเตอร์หรือเอ็ลเดอร์ก็ได้

2.3.4

ใบแนะนำชื่อ

ใบแนะนำชื่อคือเมื่อมีคนขอให้ผู้สอนศาสนาติดต่อเขา

เมื่อทำงานกับคนที่ท่านได้ใบแนะนำชื่อมา ให้:

  • ติดต่อผู้สอนศาสนา สมาชิก หรือแต่ละคนที่ให้ใบแนะนำชื่อหากอยู่ในวิสัยที่ทำได้ หารือกับพวกเขาเกี่ยวกับวิธีช่วยบุคคลนั้น

  • พยายามติดต่อบุคคลนั้นทันที ปกติจะภายใน 24 ชั่วโมง

  • ฟังและเรียนรู้วิธีช่วยบุคคลที่ท่านได้ใบแนะนำชื่อมา

  • ส่งสิ่งที่ขอมา

  • สอนตามความต้องการและความสนใจของบุคคล

  • ทำงานต่อเนื่องกับผู้สอนศาสนา สมาชิก หรือแต่ละคนที่ให้ใบแนะนำชื่อ (ดู 2.2.4)

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับใบแนะนำชื่อได้จาก “ใบแนะนำชื่อจากสมาชิก ผู้สอนศาสนา และสำนักงานใหญ่” ใน “ฉันจะหาคนเรียนอย่างไร” ใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา บทที่ 9

2.3.5

การประชุมและสภา

ผู้สอนศาสนาหารือกันขณะให้และรับการอบรมและขณะวางแผนและประสานงานเผยแผ่ศาสนา การประชุมและสภาควรเชื้อเชิญพระวิญญาณและควรเป็นเวลาสำหรับการเปิดเผย (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 6:32) นอกจากนี้ การมารวมกันของผู้สอนศาสนาจะให้โอกาสท่านจรรโลงใจกันและชื่นชมยินดีในการทำงานด้วยกัน (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 43:8; 50:22)

การประชุมที่จัดโดยคู่ผู้สอนศาสนา หัวหน้าผู้สอนศาสนาหนุ่มสาว และผู้นำคณะเผยแผ่ได้แก่:

  • ช่วงวางแผนประจำวันและประจำสัปดาห์

  • การประชุมสภาดิสตริกท์

  • การประชุมโซน

  • การประชุมสภาผู้นำงานเผยแผ่

การประชุมที่จัดโดยผู้นำในท้องที่ได้แก่:

  • การประชุมประสานงานเผยแผ่ศาสนา

  • การประชุมสภาวอร์ด

2.3.6

การสัมภาษณ์บัพติศมา

เมื่อดำเนินการสัมภาษณ์บัพติศมา เอ็ลเดอร์ควร:

  • ทบทวนสิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 20:37

  • ทำตามการนำทางของพระวิญญาณบริสุทธิ์

  • ถามคำถามสัมภาษณ์บัพติศมาที่อยู่ในหัวข้อ “บัพติศมาและการยืนยัน: คำถามและคำตอบ” ของบทที่ 12 ใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา

  • ปรับคำถามให้เหมาะกับอายุและวุฒิภาวะของแต่ละคน

  • แจ้งประธานโควรัมเอ็ลเดอร์หรือหัวหน้าเผยแผ่วอร์ดเรื่องการสัมภาษณ์บัพติศมา

หากผู้รับการสัมภาษณ์ต้องการ เขาอาจเชิญบิดามารดา คู่สมรส หรือผู้ใหญ่คนอื่นเข้าร่วมการสัมภาษณ์บัพติศมาด้วย จงไวต่อความรู้สึกของบุคคลเมื่อสัมภาษณ์เรื่องคู่สมรสหรือบุตรของเขาที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทำตามแนวทางใน สั่งสอนกิตติคุณ สำหรับการสัมภาษณ์หรือการขออนุญาตให้บัพติศมาคู่สมรสหรือบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (ดู “ดำเนินการสัมภาษณ์อย่างไร” ใน “ฉันจะเตรียมผู้คนให้พร้อมรับบัพติศมาและการยืนยันอย่างไร” ใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา บทที่ 12)

หัวหน้าดิสตริกท์สัมภาษณ์ผู้จะรับบัพติศมาที่ผู้สอนศาสนาในดิสตริกท์ของตนสอน รวมทั้งคนที่ผู้ช่วยประธาน หัวหน้าโซน และซิสเตอร์ผู้นำการอบรมในดิสตริกท์ของตนสอน

หัวหน้าโซนสัมภาษณ์ผู้จะรับบัพติศมาที่หัวหน้าดิสตริกท์ในโซนของตนสอน

หากหัวหน้าดิสตริกท์และหัวหน้าโซนที่ได้รับมอบหมายไม่ว่าง ประธานคณะเผยแผ่อาจมอบหมายให้เอ็ลเดอร์อีกคนเป็นผู้สัมภาษณ์

2.3.7

บัพติศมา

ทำงานกับประธานโควรัมเอ็ลเดอร์หรือหัวหน้าเผยแผ่วอร์ดเพื่อจัดเตรียมพิธีบัพติศมา (ดู “พิธีบัพติศมา” ใน “ฉันจะเตรียมผู้คนให้พร้อมรับบัพติศมาและการยืนยันอย่างไร” ใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา บทที่ 12) เริ่มเตรียมพิธีบัพติศมาทันทีที่ทำได้

2.4

กิจกรรมและกำหนดการประจำวัน

วางแผนกำหนดการของท่านให้บรรลุจุดประสงค์ผู้สอนศาสนาของท่านและมุ่งเน้นความต้องการของผู้อื่น จดจำสิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้กับคนที่พระองค์ทรงเรียกให้สั่งสอนพระกิตติคุณ: “และหากเป็นไปว่าเจ้าจะทำงานตลอดวันเวลาของเจ้าในการป่าวร้องการกลับใจแก่คนพวกนี้, และนำ, แม้จิตวิญญาณเดียวมาหาเรา, ปีติของเจ้าพร้อมกับเขาจะใหญ่หลวงเพียงใดในอาณาจักรแห่งพระบิดาของเรา!” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:15)

2.4.1

กิจกรรมประจำวันตามปกติ

รวมกิจกรรมต่อไปนี้ไว้ในกำหนดการประจำวันของท่านด้วย:

  • ตั้งและทบทวนเป้าหมายส่วนตัว เป้าหมายกับคู่ และเป้าหมายคณะเผยแผ่

  • วางแผนกำหนดการของท่านสำหรับวันนั้น

  • เตรียมบทเรียน

  • ศึกษาพระคัมภีร์ สั่งสอนกิตติคุณของเรา คำสอนของศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกที่มีชีวิตอยู่ และแหล่งข้อมูลอื่นที่ได้รับอนุมัติ (ดู 2.4.4)

  • ทบทวนหัวข้อเรื่องสุขภาพหรือความปลอดภัยหนึ่งหัวข้อ หรือหัวข้อเรื่องมาตรการคุ้มครองการใช้เทคโนโลยี (ดู 4.0–4.7)

  • การหาคนให้สอน

  • ทำงานกับผู้นำและสมาชิกในท้องที่

  • รับใช้ผู้อื่นในกิจกรรมที่วางแผนไว้หรือไม่ได้วางแผนไว้

  • ดูแลความต้องการส่วนตัว เช่น การกินอาหารและการเตรียมตัวสำหรับวันนั้น

2.4.2

ตัวอย่างกำหนดการประจำวัน

กำหนดการประจำวันสำหรับงานเผยแผ่ของท่านอาจมีลักษณะคล้ายกำหนดการด้านล่าง ประธานคณะเผยแผ่อาจปรับกำหนดการประจำวันสำหรับวันหยุด เหตุการณ์พิเศษในคณะเผยแผ่ และอื่นๆ

6:30 น.

เริ่มต้นวัน

6:30–10:00 น.

สวดอ้อนวอน

ออกกำลังกาย (30 นาที)

อาบน้ำ กินอาหารเช้า และเตรียมตัวสำหรับวันนั้น

ศึกษาส่วนตัว (60 นาที)

วางแผน (30 นาที)

10:00–21:00 น.

หา สอน และรับใช้ผู้อื่น*

อัปเดตบันทึกแบบดิจิทัลหรือแบบกระดาษตลอดวัน

ทบทวนพอสังเขปในหัวข้อเรื่องสุขภาพหรือความปลอดภัยหรือมาตรการคุ้มครองการใช้เทคโนโลยี

จัดการศึกษากับคู่และเตรียมบทเรียน (30 นาที)

ศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติมสำหรับผู้สอนศาสนาคนใหม่และผู้อบรมคนใหม่ในช่วง 12 สัปดาห์แรกในสนามเผยแผ่ (30-60 นาที หากทำได้)

ศึกษาภาษาที่ใช้ในคณะเผยแผ่ของท่าน (30-60 นาที หากทำได้)

กินอาหารกลางวันและอาหารเย็น (รวมกันไม่เกินสองชั่วโมง)

21:00 น.

กลับที่พัก เว้นแต่ท่านมีนัดสอน หากมีนัดให้กลับก่อน 21:30 น.

21:00–21:30 น.

เขียนในบันทึก เตรียมเข้านอน และสวดอ้อนวอน

21:30–22:30 น.

เข้านอน

*กิจกรรมประจำวันของท่านควรมุ่งเน้นเรื่องการปฏิสัมพันธ์กับผู้คน กระจายกิจกรรมการวางแผนและการศึกษาให้ครอบคลุมตลอดทั้งวันเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เวลานานในอะพาร์ตเมนต์ของท่าน หากระยะทางและเวลาเอื้ออำนวย ท่านอาจเข้าออกอะพาร์ตเมนต์ตลอดทั้งวันเพื่อตอบรับความต้องการเหล่านี้

กำหนดการที่อนุมัติสำหรับงานเผยแผ่ของท่านจะให้เวลาท่านทำงาน พักผ่อน และตั้งต้นจดจ่อใหม่ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอและกินอาหารถูกหลักโภชนาการเพื่อความผาสุกทางวิญญาณ ทางอารมณ์ และทางกายของท่าน

2.4.3

ช่วงวางแผนและตั้งเป้าหมาย

จัดช่วงวางแผนประจำวันและประจำสัปดาห์กับคู่ของท่าน พิจารณาความต้องการของคนที่ท่านกำลังสอนและวิธีทำงานกับสมาชิกขณะท่านทบทวนความก้าวหน้า ตั้งเป้าหมาย และวางแผนสำหรับวันและสัปดาห์ (ดู “วิธีตั้งเป้าหมาย” “ช่วงวางแผนประจำสัปดาห์” และ “ช่วงวางแผนประจำวัน” ใน “ฉันจะใช้เวลาอย่างฉลาดอย่างไร” ใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา บทที่ 8)

2.4.4

ช่วงศึกษา

ใช้เวลาศึกษาส่วนตัวและศึกษากับคู่เพื่อจดจ่อกับพระคัมภีร์ (โดยเฉพาะ พระคัมภีร์มอรมอน) สั่งสอนกิตติคุณของเรา คำสอนของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิต (อยู่ในคลังค้นคว้าพระกิตติคุณ) และมาตรฐานเหล่านี้ แหล่งข้อมูลที่ได้รับอนุมัติเหล่านี้จะทำให้ความรู้ของท่านแน่นขึ้นและประจักษ์พยานของท่านเข้มแข็งขึ้นในพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์และช่วยท่านเตรียมตอบรับความต้องการของคนที่ท่านสอน

หากท่านได้รับมอบหมายให้เรียนรู้ภาษาใหม่ จงศึกษาและฝึกทุกวัน

หากท่านเป็นผู้สอนศาสนาคนใหม่ จงศึกษากับผู้อบรมของท่านเพิ่มอีก 30 ถึง 60 นาทีทุกวันในช่วง 12 สัปดาห์แรกในสนามเผยแผ่ (ดู “สำหรับผู้สอนศาสนาคนใหม่: การศึกษากับคู่เพิ่มเติม” ใน “บทนำ: ฉันจะใช้สั่งสอนกิตติคุณของเราให้ดีที่สุดได้อย่างไร” ใน สั่งสอนกิตติคุณของเรา)

2.4.5

การรับประทานอาหารกับผู้อื่น

หากเหมาะสม ประธานคณะเผยแผ่และประธานสเตคในท้องที่จะให้แนวทางสำหรับจัดเวลารับประทานอาหารกับคนในคณะเผยแผ่ของท่าน เมื่อสมาชิกหรือคนอื่นๆ จัดเตรียมอาหาร:

  • จงเคารพสถานการณ์และเวลาส่วนตัวของพวกเขา

  • ขอบคุณสำหรับอาหารที่พวกเขามอบให้

  • ขอเวลาสอนบทเรียน 15 ถึง 20 นาทีก่อนหรือหลังอาหารเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้คนที่ท่านเยี่ยมหรือให้โอกาสท่านปรับปรุงความสามารถในการสอนโดยพระวิญญาณ

ควรมีผู้ใหญ่เพศเดียวกับท่านอยู่กับท่านและคู่เมื่อท่านรับประทานอาหารกับเพศตรงข้าม

2.5

วันเตรียม

ประธานคณะเผยแผ่ของท่านจะกำหนดสัปดาห์ละหนึ่งวันให้เป็นวันเตรียม วันเตรียมจะให้เวลาท่านเติมพลังทางกาย วิญญาณ และอารมณ์ขณะท่าน “ยืนเป็นพยานเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าทุกเวลาและในทุกสิ่ง, และในทุกแห่ง” (โมไซยาห์ 18:9) อีกทั้งจะให้ท่านกับคู่ได้มีโอกาสอยู่กับผู้สอนศาสนาคนอื่นๆ ในดิสตริกท์ของท่านและมีกิจกรรมสันทนาการที่ดีงามร่วมกันด้วย (ดู 3.6)

โปรดจดจำพระดำรัสเตือนของพระเจ้าที่เหมาะกับยุคสมัย: “อย่าวิ่งเร็วหรือทำงานเกินพละกำลังที่เจ้ามี” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 10:4) และ “เข้านอนแต่หัวค่ำ, เพื่อเจ้าจะไม่เหนื่อยอ่อน; ตื่นแต่เช้า, เพื่อร่างกายเจ้าและความคิดเจ้าจะกระปรี้กระเปร่า” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:124)

2.5.1

กิจกรรมในวันเตรียม

กิจกรรมในวันเตรียมอาจรวมถึง (แต่ไม่จำกัดเฉพาะ) กิจกรรมต่อไปนี้:

  • ติดต่อสื่อสารกับครอบครัวท่าน ประธานคณะเผยแผ่ และเพื่อนๆ (ดู 3.9)

  • ซักรีดเสื้อผ้า

  • ตัดผมและการดูแลตนเองด้านอื่น

  • ทำความสะอาด

  • ไปซื้อของ

  • พักผ่อน

  • เข้าร่วมกิจกรรมสันทนาการที่อนุมัติ (ดู 3.6)

2.5.2

ตัวอย่างกำหนดการวันเตรียม

กำหนดการวันเตรียมอาจมีลักษณะดังนี้:

6:30 น.

เริ่มต้นวัน

6:30–8:00 น.

สวดอ้อนวอน

อาบน้ำ กินอาหารเช้า และเตรียมสำหรับวันนั้น

วางแผน (30 นาที)

ศึกษาส่วนตัว (30 นาที)

8:00–18:00 น.

ทำกิจกรรมในวันเตรียม (ดู 2.5.1)

หมายเหตุ: กิจกรรมทั้งหมดในวันเตรียมควรเสร็จสิ้นก่อน 18:00 น.

18:00–21:00 น.

หา สอน และรับใช้ผู้อื่น

21:00 น.

กลับที่พัก หากท่านมีนัดสอน ให้กลับก่อน 21:30 น.

21:00–21:30 น.

เขียนในบันทึก เตรียมเข้านอน และสวดอ้อนวอน

21:30–22:30 น.

เข้านอน

2.6

กิจกรรมในวันสะบาโต

วางแผนกิจกรรมในวันสะบาโตที่ช่วยให้ท่านบรรลุจุดประสงค์ผู้สอนศาสนาของท่านในการหา สอน ให้บัพติศมา และช่วยให้ผู้อื่นเรียนรู้เกี่ยวกับพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ และเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น ระลึกถึงคำสอนของพระเจ้าเกี่ยวกับวันสะบาโตใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 59:13–19 แล้วสังเกตคำและวลีที่บ่งบอกว่าสะบาโตที่แท้จริงรวมถึงปีติ การชื่นชมยินดี ใจยินดี และสีหน้ารื่นเริง

กิจกรรมในวันสะบาโตรวมถึงการเข้าร่วมประชุมที่โบสถ์ การประชุมใหญ่สามัญ การประชุมใหญ่สเตคภาคทั่วไปวันอาทิตย์ และการประชุมเพิ่มเติม เช่น สภาวอร์ดเมื่อได้รับเชิญ รวมทั้งการร่วมอดอาหารประจำเดือนด้วย

ในงานเผยแผ่ศาสนาของท่าน พระเจ้าไม่ได้ทรงขอให้ท่านปล่อยให้ตัวเองหิว ยกเว้นในช่วงอดอาหารประจำเดือนตามปกติ หรือเสียสละการนอนเพื่อเป็นผู้สอนศาสนาที่อุทิศตนมากขึ้น ท่านอาจอดอาหารเป็นครั้งคราวด้วยเหตุผลพิเศษ แต่อย่าอดอาหารแต่ละครั้งนานเกิน 24 ชั่วโมง

2.7

การรับใช้ในชุมชน

ท่านสามารถเรียนรู้ที่จะเป็นสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์โดยรับใช้ดังพระองค์ทรงรับใช้ หาโอกาสรับใช้คู่ของท่าน คนที่ท่านกำลังสอน สมาชิก และคนอื่นๆ ในชุมชน “เพื่อท่านจะเรียนรู้ว่าเมื่อท่านอยู่ในการรับใช้เพื่อนมนุษย์ของท่าน ท่านก็อยู่ในการรับใช้พระผู้เป็นเจ้าของท่านนั่นเอง” (โมไซยาห์ 2:17)

ท่านควรรับใช้ด้วยความปรารถนาจะช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความจริงใจโดยไม่หวังผลตอบแทน จงทำตามกฎเกณฑ์ทั้งหมดของโครงการรับใช้ (ดู 7.2) โดยเฉพาะเกี่ยวกับการไม่สอนขณะรับใช้ และการไม่รับใช้ในที่ซึ่งท่านจะอยู่กับเด็กตามลำพัง หากมีคนแสดงความสนใจในข่าวสารของท่าน ให้ตอบสั้นๆ และนัดพบกับพวกเขาเวลาอื่นและที่อื่นเพื่อแบ่งปันข่าวสาร

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากหมวด 7.2 “แนวทางการรับใช้