คู่มือและการเรียก
24. การเสนอชื่อผู้สอนศาสนาและการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนา


“24. การเสนอชื่อผู้สอนศาสนาและการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนา” คู่มือทั่วไป: การรับใช้ในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย (2020)

“24. การเสนอชื่อผู้สอนศาสนาและการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนา” คู่มือทั่วไป: การรับใช้ในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย

ภาพ
ผู้สอนศาสนากำลังเดิน

24.

การเสนอชื่อผู้สอนศาสนาและการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนา

24.0

บทนำ

ในสมัยโบราณ พระเจ้าประทานงานมอบหมายให้รวบรวมอิสราเอลในบรรดา “ชนทุกชาติ … บัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์” (มัทธิว 28:19; ดู ข้อ 20 ด้วย) พระเจ้าทรงรื้อฟื้นงานมอบหมายนั้นในยุคสุดท้ายนี้ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 39:11; 68:6–8; 112:28–30) สมาชิกทุกคนของศาสนจักรทำพันธสัญญาเมื่อรับบัพติศมาว่าจะเป็นพยานของพระผู้เป็นเจ้าและปฏิบัติศาสนกิจต่อผู้อื่น (ดู โมไซยาห์ 18:8–10)

การรับใช้พระเจ้าในฐานะผู้สอนศาสนาเป็นสิทธิพิเศษอันศักดิ์สิทธิ์ นำพรนิรันดร์มาให้บุคคลนั้นและคนที่เขารับใช้ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:14–16)

หมายเรียกผู้สอนศาสนาครอบคลุมถึงงานมอบหมายให้สอนพระกิตติคุณ สนับสนุนงานของแผนกหรือหน่วยต่างๆ ของศาสนจักร หรือรับใช้ในชุมชนท้องถิ่น

พระเจ้าทรงขอให้เยาวชนชายที่มีค่าควรทุกคนเตรียมตัวรับใช้งานเผยแผ่ สำหรับเยาวชนชายวิสุทธิชนยุคสุดท้าย การรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาเป็นความรับผิดชอบฐานะปุโรหิต (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 36:1, 4–7)

พระเจ้าทรงยินดีให้เยาวชนหญิงที่สามารถและมีค่าควรรับใช้งานเผยแผ่ด้วยหากพวกเธอปรารถนา สำหรับเยาวชนหญิง งานเผยแผ่เป็นโอกาสอันทรงพลังยิ่งแต่ท่านเลือกได้ การเตรียมทำงานเผยแผ่จะเป็นพรแก่เยาวชนหญิงไม่ว่าจะตัดสินใจรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาหรือไม่ก็ตาม

ศาสนจักรต้องการผู้สอนศาสนาอาวุโสเช่นกันและส่งเสริมให้พวกเขาเตรียมตัวรับใช้

24.1

การเรียกให้รับใช้

ผู้สอนศาสนาแต่ละคนได้รับเรียกให้ช่วยเหลือพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ในงานของพระองค์ ผู้สอนศาสนาเป็นตัวแทนของพระเยซูคริสต์และศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระองค์ พวกเขารับใช้พระเจ้าอย่างไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนในงานแห่งความรักท่ามกลางบุตรธิดาของพระองค์ งานเผยแผ่ด้านการสอนและการบำเพ็ญประโยชน์เป็นพรทั้งแก่ผู้สอนศาสนาและผู้อื่น (ดู มัทธิว 16:25; 22:36–40)

ศาสนจักรให้หมายเรียกผู้สอนศาสนากับสมาชิกผู้ปรารถนาจะรับใช้ มีค่าควร และมีความสามารถ สมาชิกเหล่านี้พยายามรับใช้พระเจ้าด้วยสุด “ใจ, พลัง, ความนึกคิด, และพละกำลัง” ของพวกเขา พวกเขาพัฒนา “ศรัทธา, ความหวัง, จิตกุศลและความรัก” พวกเขามี “ดวงตาที่เห็นแก่รัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้าอย่างเดียว” ขณะพวกเขาทำสิ่งเหล่านี้ พระเจ้าจะทรงทำให้พวกเขามีคุณสมบัติสมกับงาน (หลักคำสอนและพันธสัญญา 4:2, 5; ดู ข้อ 1–7)

ผู้สอนศาสนาเป็นตัวแทนของพระเจ้าและต้องได้รับการเรียกโดยผู้มีอำนาจที่ถูกต้อง (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 42:11; หลักแห่งความเชื่อข้อ 5) โดยทั่วไปประธานศาสนจักรเป็นผู้ให้หมายเรียกการรับใช้งานเผยแผ่ สำหรับผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์ ประธานสเตคเป็นผู้ให้หมายเรียก

24.2

งานมอบหมายของผู้สอนศาสนา

หมายเรียกให้รับใช้เป็นผู้สอนศาสนาจะมีงานมอบหมายระบุชัดเจน งานมอบหมายเหล่านี้หลากหลายมาก โดยทั่วไปจะระบุ:

  • รูปแบบการรับใช้

  • สถานที่

  • ระยะเวลาการรับใช้

งานมอบหมายแต่ละอย่างได้รับการนำทางโดยการเปิดเผยเพื่อให้เหมาะกับผู้สอนศาสนาและความต้องการของบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้า

งานมอบหมายอาจเปลี่ยนโดยการเปิดเผยต่อเนื่องเมื่อสภาวการณ์เปลี่ยนไป งานมอบหมายที่เฉพาะเจาะจงมีความสำคัญ แต่เป็นรองจากการเรียกให้รับใช้เป็นผู้สอนศาสนา (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 80:3)

24.2.1

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านการสอน

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวส่วนใหญ่ได้รับมอบหมายให้สอนพระกิตติคุณไกลบ้าน ศาสนจักรให้งานมอบหมายเหล่านี้โดยการเปิดเผยต่ออัครสาวก ผู้สอนศาสนาเหล่านี้รับใช้ภายใต้การกำกับดูแลของประธานคณะเผยแผ่

ชายโสดอายุ 18–25 ปีอาจรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาด้านการสอน โดยทั่วไปรับใช้นาน 24 เดือน

หญิงโสดอายุ 19–29 ปีอาจรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาด้านการสอน โดยทั่วไปรับใช้นาน 18 เดือน

24.2.2

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านบำเพ็ญประโยชน์

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวบางคนได้รับมอบหมายให้รับใช้ในศาสนจักรและชุมชนขณะอยู่ที่บ้าน ศาสนจักรให้งานมอบหมายเหล่านี้โดยการเปิดเผยต่ออัครสาวกและให้กับผู้สมัครที่สภาวการณ์เหมาะจะทำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์มากที่สุด (ดู 24.3.3)

บุคคลเหล่านี้มีมาตรฐานการเตรียมและความมีค่าควรเหมือนกับคนที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานเผยแผ่ด้านการสอน หนุ่มสาวทุกคนที่สมัครเป็นผู้สอนศาสนาได้รับการเสนอชื่อผ่านขั้นตอนเดียวกัน

ผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์รับใช้ในท้องที่ภายใต้การกำกับดูแลของประธานสเตค พวกเขาแต่ละคนได้รับงานมอบหมายที่ปรับตามสภาวการณ์และขึ้นอยู่กับโอกาสบำเพ็ญประโยชน์ (ดู 24.7.1) พวกเขารับใช้เต็มระดับความสามารถของตน

ชายโสดอายุ 18–25 ปีอาจรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์ โดยทั่วไปรับใช้นาน 6–24 เดือน

หญิงโสดอายุ 19–29 ปีอาจรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์ โดยทั่วไปรับใช้นาน 6–18 เดือน

งานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์สำหรับผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวยังมีไม่ครบทุกภาคของโลก ดูรายชื่อภาคที่มีงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ใน ChurchofJesusChrist.org/service-missionary. เว็บไซต์ดังกล่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ด้วย ที่ใดไม่มีงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ สมาชิกหนุ่มสาวอาจรับใช้ในโปรแกรมผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์ (ดู 24.2.4)

24.2.3

ผู้สอนศาสนาอาวุโส

สมาชิกอายุ 40 ปีขึ้นไปที่แต่งงานแล้วอาจได้รับเรียกเป็นคู่ผู้สอนศาสนาอาวุโสหากพวกเขาไม่มีบุตรที่พึ่งพาอาศัยพวกเขา

หญิงโสดอายุ 40 ปีขึ้นไปอาจได้รับเรียกเป็นผู้สอนศาสนาอาวุโสเช่นกันหากพวกเขาไม่มีบุตรธิดาอยู่ที่บ้าน

ชายโสดอายุ 40 ปีขึ้นไปจะไม่รับใช้เป็นผู้สอนศาสนาอาวุโส แต่พวกเขาอาจรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์ (ดู 24.2.4)

ศาสนจักรกระตุ้นให้ผู้สอนศาสนาอาวุโสทุกคนหาคนสอนและช่วยคนเหล่านั้นเตรียมรับบัพติศมา ผู้สอนศาสนาอาวุโสอาจได้รับมอบหมายให้สนับสนุน:

  • สมาชิก ผู้นำระดับภาค และผู้นำระดับท้องที่

  • แผนกต่างๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกของศาสนจักร

  • องค์กรการกุศล

โดยทั่วไปผู้สอนศาสนาอาวุโสรับใช้ไกลบ้านนาน 6–23 เดือน โดยทั่วไปคนที่รับใช้นอกประเทศที่อาศัยอยู่จะรับใช้อย่างน้อย 18 เดือน

ศาสนจักรไม่ได้ขอให้ผู้สอนศาสนาอาวุโสทำงานชั่วโมงเท่ากัน ทำกิจกรรมเดียวกัน หรือทำตามความคาดหวังเดียวกันกับผู้สอนศาสนาหนุ่มสาว แต่การรับใช้ของพวกเขาก็ยังเรียกร้องมาก ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงควรมีสุขภาพดีพอจะรับใช้ และควรมีคุณสมบัติทางการเงินด้วย (ดู 24.3.4.2)

อธิการ ประธานสเตค และผู้นำคนอื่นๆ พิจารณาร่วมกับการสวดอ้อนวอนว่าใครจะรับใช้ อธิการหรือประธานสเตคจะสัมภาษณ์สมาชิกเหล่านี้เพื่อพิจารณาความพร้อมทำงานและเชื้อเชิญให้พวกเขาเตรียมรับใช้

ศาสนจักรให้งานมอบหมายสำหรับผู้สอนศาสนาอาวุโสโดยการเปิดเผยต่ออัครสาวก ผู้นำอาจเสนอรูปแบบงานมอบหมายที่เฉพาะเจาะจงสำหรับผู้สอนศาสนาอาวุโส แต่ผู้นำไม่ควรให้คำมั่นสัญญาเกี่ยวกับงานมอบหมายที่ผู้สอนศาสนาจะได้รับ ผู้สมัครอาจแสดงความประสงค์จะทำงานมอบหมายอย่างหนึ่งแต่ควรจะยอมรับงานมอบหมายใดก็ตามที่ให้

ดูข้อมูลเพิ่มเติมใน SeniorMissionary.ChurchofJesusChrist.org.

ภาพ
ผู้สอนศาสนาคู่สามีภรรยากำลังสอนผู้หญิง

24.2.4

ผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์

นอกจากการเรียกในวอร์ดบ้านหรือสเตคบ้านแล้ว สมาชิกอาจรับใช้พระเจ้าในฐานะผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์ด้วย ผู้สอนศาสนาเหล่านี้ให้การรับใช้ที่มีค่าในแผนก สิ่งอำนวยความสะดวก และคณะเผยแผ่ต่างๆ ของศาสนจักร (ดู 24.7.1) พวกเขาอาศัยอยู่ที่บ้าน

ชายและหญิงอายุ 26 ปีขึ้นไปอาจได้รับการเรียกเป็นผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์

นอกจากนี้ ชายหนุ่มอายุ 18–25 ปีและหญิงสาวอายุ 19–25 ปียังอาจรับใช้ในโปรแกรมผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์ด้วยหากพวกเขาอาศัยอยู่ในที่ซึ่งไม่มีงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์สำหรับผู้สอนศาสนาหนุ่มสาว พวกเขาอาจรับใช้เช่นกันหากแต่งงานแล้วหรือเคยรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านการสอนหรือด้านบำเพ็ญประโยชน์มาแล้ว

ผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์ได้รับการเรียกโดยประธานสเตค และรับใช้ภายใต้การกำกับดูแลของประธานสเตค จำนวนเวลาที่รับใช้แต่ละสัปดาห์ขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเขา โอกาสการรับใช้ในเขตนั้น และการกำกับดูแลจากฝ่ายประธานภาค

ผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์ได้รับงานมอบหมายจากประธานสเตคของพวกเขา ประธานสเตคปรึกษากับผู้สอนศาสนาและคนอื่นๆ และแสวงหาการเปิดเผยร่วมกับการสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับงานมอบหมายแต่ละอย่าง เขาจะทบทวน SeniorMissionary.ChurchofJesusChrist.org เมื่อกำหนดงานมอบหมายต่างๆ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์ใน 24.7

24.2.5

สรุปงานมอบหมายของผู้สอนศาสนา

ตารางต่อไปนี้สรุปงานมอบหมายแบบต่างๆ ของผู้สอนศาสนา

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านการสอน
(ดู 24.2.1)

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านบำเพ็ญประโยชน์
(ดู 24.2.2)

ผู้สอนศาสนาอาวุโส
(ดู 24.2.3)

ผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์
(ดู 24.2.4)

เรียกโดย

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านการสอน
(ดู 24.2.1)

ประธานศาสนจักร

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านบำเพ็ญประโยชน์
(ดู 24.2.2)

ประธานศาสนจักร

ผู้สอนศาสนาอาวุโส
(ดู 24.2.3)

ประธานศาสนจักร

ผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์
(ดู 24.2.4)

ประธานสเตค

มอบหมายโดย

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านการสอน
(ดู 24.2.1)

อัครสาวก

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านบำเพ็ญประโยชน์
(ดู 24.2.2)

อัครสาวก

ผู้สอนศาสนาอาวุโส
(ดู 24.2.3)

อัครสาวก

ผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์
(ดู 24.2.4)

ประธานสเตค

วางมือมอบหน้าที่โดย

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านการสอน
(ดู 24.2.1)

ประธานสเตค

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านบำเพ็ญประโยชน์
(ดู 24.2.2)

ประธานสเตค

ผู้สอนศาสนาอาวุโส
(ดู 24.2.3)

ประธานสเตค

ผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์
(ดู 24.2.4)

ประธานสเตคหรือที่ปรึกษา

อาศัย

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านการสอน
(ดู 24.2.1)

ไกลบ้าน

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านบำเพ็ญประโยชน์
(ดู 24.2.2)

ที่บ้าน

ผู้สอนศาสนาอาวุโส
(ดู 24.2.3)

ไกลบ้านหรือที่บ้าน

ผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์
(ดู 24.2.4)

ที่บ้าน

ผู้นำทางศาสนา

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านการสอน
(ดู 24.2.1)

ประธานคณะเผยแผ่หรือประธานสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านบำเพ็ญประโยชน์
(ดู 24.2.2)

ประธานสเตค

ผู้สอนศาสนาอาวุโส
(ดู 24.2.3)

ประธานคณะเผยแผ่ ประธานพระวิหาร หรือประธานสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ หรือประธานภาค

ผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์
(ดู 24.2.4)

ประธานสเตค

รายงานต่อ

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านการสอน
(ดู 24.2.1)

ประธานคณะเผยแผ่หรือประธานสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านบำเพ็ญประโยชน์
(ดู 24.2.2)

หัวหน้าเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์

ผู้สอนศาสนาอาวุโส
(ดู 24.2.3)

ประธานคณะเผยแผ่ ประธานพระวิหาร หรือประธานสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ประธานภาค ผู้อำนวยการศูนย์ต้อนรับนักท่องเที่ยว หรือผู้จัดการแผนกหรือผู้จัดการสิ่งอำนวยความสะดวกของศาสนจักร

ผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์
(ดู 24.2.4)

ผู้จัดการด้านการมอบหมายให้รับใช้

ข้อกำหนดด้านอายุ

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านการสอน
(ดู 24.2.1)

18–25 (ชาย)
19–29 (หญิง)

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านบำเพ็ญประโยชน์
(ดู 24.2.2)

18–25 (ชาย)
19–29 (หญิง)

ผู้สอนศาสนาอาวุโส
(ดู 24.2.3)

40 ปีขึ้นไปหากแต่งงานหรือหากเป็นสตรีโสด

ผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์
(ดู 24.2.4)

26 ปีขึ้นไป

24.3

การเตรียมพร้อมและการมีคุณสมบัติเหมาะจะรับใช้งานเผยแผ่

ศาสนจักรขอให้ผู้มุ่งหวังเป็นผู้สอนศาสนารับใช้งานเผยแผ่เพราะรักพระเจ้าและบุตรธิดาของพระองค์ พวกเขาควรคุ้นเคยกับ คำถามสัมภาษณ์เพื่อเสนอชื่อผู้สอนศาสนา

24.3.1

การเปลี่ยนใจเลื่อมใสพระเยซูคริสต์

ผู้หวังเป็นผู้สอนศาสนาพยายามเพิ่มพลังการเปลี่ยนใจเลื่อมใสของตนต่อพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระองค์ พวกเขา:

  • ทำงานเพื่อเพิ่มพลังศรัทธาของตนในพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์

  • เสริมสร้างประจักษ์พยานของตนในพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเยซูคริสต์ (ดู แอลมา 5:45–47)

  • ดำเนินชีวิตตามหลักคำสอนของพระคริสต์โดย “เลือกกลับใจและทำงานชอบธรรม” (แอลมา 13:10; ดู 2 นีไฟ 31:9–21 ด้วย)

  • สวดอ้อนวอน ศึกษาพระคัมภีร์ (โดยเฉพาะพระคัมภีร์มอรมอน) และคำสอนของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่ และรักษาพระบัญญัติ (ดู แอลมา 17:2–3)

  • มีส่วนร่วมในงานพระวิหารและประวัติครอบครัว (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 109:22)

  • มีส่วนร่วมในเซมินารีหรือสถาบัน (สำหรับเยาวชนและคนหนุ่มสาว)

24.3.2

การทำตามมาตรฐานความมีค่าควร

ผู้มุ่งหวังเป็นผู้สอนศาสนาพยายามมีค่าควรต่อความเป็นเพื่อนของพระวิญญาณ ซึ่งจำเป็นต่อการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาที่มีประสิทธิภาพ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 42:13–14) การมีคุณสมบัติเหมาะสมกับความเป็นเพื่อนของพระวิญญาณรวมถึงการสะอาดจากบาปด้วย (ดู ฮีลามัน 4:24; หลักคำสอนและพันธสัญญา 38:42)

24.3.2.1

การกลับใจ

การกลับใจและการอภัยบาปเป็นของประทานที่มีให้บุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า ของประทานเหล่านี้เกิดขึ้นได้ผ่านเดชานุภาพการไถ่ของพระเยซูคริสต์ การกลับใจเรียกร้องให้ใช้ศรัทธาในพระคริสต์ มีเจตนาแท้จริง และรักษาพระบัญญัติ รวมถึงการสารภาพและละทิ้งบาปด้วย กรณีทำบาปร้ายแรงการกลับใจเรียกร้องให้สารภาพต่ออธิการหรือประธานสเตค

บุคคลที่กลับใจได้รับการให้อภัยและสะอาดผ่านการชดใช้และพระคุณของพระเยซูคริสต์ พระเจ้าไม่ทรงจำบาปอีก (ดู อิสยาห์ 43:25; เจคอบ 6:5; แอลมา 34:15–17; ฮีลามัน 5:10–11; หลักคำสอนและพันธสัญญา 58:42–43 ดู 32.1 ในคู่มือนี้ด้วย)

สมาชิกผู้ปรารถนาจะรับใช้งานเผยแผ่ควรหันมาหาพระผู้ช่วยให้รอดขณะพวกเขากลับใจและเตรียมรับใช้ พวกเขาอาจแสวงหาความช่วยเหลือด้วยความรักจากสมาชิกครอบครัวและผู้นำศาสนจักรระดับท้องที่ด้วย

ผู้สมัครเป็นผู้สอนศาสนาต้องกลับใจจากบาปร้ายแรงก่อนประธานสเตคจึงจะส่งการเสนอชื่อได้ (ดู 32.6–32.8; ดู 24.4.4 ด้วย) ขั้นตอนการกลับใจรวมถึงเวลามากพอให้บุคคลแสดงผ่านการดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรมว่าเขาได้รับวิญญาณของพระคริสต์อันนำไปสู่การปลดบาปแล้ว

24.3.2.2

การสารภาพในภายหลัง

บุคคลที่ได้รับหมายเรียกผู้สอนศาสนาหรือเริ่มรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาโดยไม่กลับใจจากบาปร้ายแรงอาจต้องอยู่บ้านหรือกลับบ้าน เขาอาจรับใช้หลังจากกลับใจ ขึ้นอยู่กับสภาวการณ์ (ดู 24.6.3.2)

24.3.3

สุขภาพทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์

งานเผยแผ่ศาสนาเป็นงานท้าทาย ข้อเรียกร้องทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์จะทำให้เครียดได้ บ่อยครั้งผู้สอนศาสนาทำงานในสภาพที่ไม่คุ้นเคย การเปลี่ยนแปลงในเรื่องอาหาร สภาพอากาศ หรือสภาพความเป็นอยู่อาจส่งผลต่อสุขภาพได้ ตารางการทำงานของผู้สอนศาสนาเรียกร้องมากเช่นกัน (ดู แอลมา 17:5; 26:27–28, 30) ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านการสอนต้องมุ่งมั่น อีกทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์สามารถทำงานตามตารางการทำงานของผู้สอนศาสนาเต็มเวลาได้ (ดู มาตรฐานผู้สอนศาสนาสำหรับสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์ [2019], 2.4)

ผู้มุ่งหวังเป็นผู้สอนศาสนาเตรียมรับใช้โดยทำให้สุขภาพทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์แข็งแรง พวกเขาลงมือพัฒนาความสามารถในการปรับตัวและการพึ่งพาตนเองด้วย

ผู้นำอาจจำเป็นต้องหารือกับผู้สมัครด้วยความระมัดระวังเกี่ยวกับความท้าทายด้านสุขภาพของผู้สมัครก่อนส่งใบเสนอชื่อ ผู้สมัครบางคนอาจต้องได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญในกรณีที่พวกเขามีความท้าทายด้านสุขภาพ (ดู 31.3.6) ผู้สมัครที่กินยาตามแพทย์สั่งต้องรับปากว่าจะกินยาตลอดการรับใช้ของตนตามคำแนะนำของบุคลากรผู้ดูแลสุขภาพ

ภาพ
ผู้สอนศาสนาสอนครอบครัว

24.3.4

การเงิน

การเสียสละด้านการเงินเป็นส่วนหนึ่งของการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนา (ดู มาระโก 1:17–18; แอลมา 15:16) ผู้สอนศาสนาและครอบครัวของพวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบเบื้องต้นในการบริจาคเงินเพื่อการรับใช้ของผู้สอนศาสนา พวกเขาควรทำการเตรียมและการเสียสละที่เหมาะสม และควรพึ่งพาตนเองทางการเงินถึงระดับที่สามารถบริจาคเงินตามคำมั่นสัญญาได้

24.3.4.1

การจัดเงินทุนให้ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวที่รับใช้ไกลบ้าน

ผู้สมัครหนุ่มสาวที่เตรียมตามความสามารถของตนแล้วไม่ควรเลื่อนเวลารับใช้เพราะเหตุผลทางการเงิน คนที่ต้องการความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อบริจาคเงินตามคำมั่นสัญญาสามารถรับความช่วยเหลือจากญาติพี่น้องและเพื่อนๆ

หากยังต้องการความช่วยเหลืออธิการหรือประธานสเตคจะขอให้สมาชิกในวอร์ดหรือสเตคบริจาคสมทบทุนผู้สอนศาสนาวอร์ด

จะไม่ใช้งบประมาณหน่วยท้องที่และทุนบริจาคอดอาหาร

เงินบริจาครายเดือนตามคำมั่นสัญญา ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านการสอนและครอบครัวของพวกเขาบริจาคเงินจำนวนหนึ่งทุกเดือนเพื่อช่วยค่าใช้จ่ายในโปรแกรมผู้สอนศาสนา ศาสนจักรกำหนดจำนวนเงินในวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้:

  • ผู้สอนศาสนาจากบางประเทศเข้าร่วมโปรแกรมบริจาคแบบถัวเฉลี่ย หมายความว่าจะบริจาคเงินจำนวนเท่ากันให้ผู้สอนศาสนาแต่ละคนไม่ว่าเขาจะรับใช้ที่ใด จำนวนเงินจะระบุที่สำนักงานใหญ่ของศาสนจักร ผู้นำจะติดต่อแผนกผู้สอนศาสนา (ดู 24.9.3) หรือสำนักงานภาคเพื่อขอรายชื่อประเทศในโปรแกรมนี้และจำนวนถัวเฉลี่ย

  • ในประเทศอื่น อธิการ ประธานสเตค ผู้สอนศาสนา และครอบครัวปรึกษากันเกี่ยวกับเงินบริจาครายเดือน อธิการและประธานสเตคพิจารณาแนวทางจากฝ่ายประธานภาค พวกเขากระตุ้นให้เสียสละทางการเงินและพึ่งพาตนเองตามสภาวการณ์ของผู้สอนศาสนาและครอบครัวของเขา พวกเขาตกลงกันเรื่องจำนวนบริจาคและลงบันทึกไว้ในใบเสนอชื่อผู้สอนศาสนา ผู้สอนศาสนากับครอบครัวจ่ายตามที่รับปากไว้จนครบ คนอื่นๆ จะบริจาคสมทบเงินส่วนนี้ได้ต่อเมื่อพวกเขาอยู่ในประเทศบ้านเกิดของผู้สอนศาสนา (ดู “ทุนผู้สอนศาสนาวอร์ด” ในท้ายหมวดนี้)

โดยบริจาคสมทบทุนผู้สอนศาสนาวอร์ด อธิการตรวจสอบเงินบริจาคแต่ละเดือน ไม่ควรบริจาคเกินจำนวนรายเดือนล่วงหน้า เพราะจะคืนเงินบริจาคล่วงหน้าไม่ได้หากผู้สอนศาสนากลับบ้านก่อนกำหนด

ค่าใช้จ่ายในสนามเผยแผ่ แต่ละเดือนผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวได้รับเงินจากคณะเผยแผ่เพื่อจ่ายค่าอาหาร ค่าเดินทาง และค่าครองชีพอื่นๆ เงินเหล่านี้เป็นเงินศักดิ์สิทธิ์ ผู้สอนศาสนาใช้เพื่อจุดประสงค์เกี่ยวกับงานเผยแผ่เท่านั้น ไม่ควรนำไปใช้จ่ายส่วนตัว เก็บออม หรือส่งให้สมาชิกครอบครัวหรือคนอื่นๆ ผู้สอนศาสนาคืนเงินที่ไม่ต้องใช้ให้คณะเผยแผ่

ผู้สอนศาสนาใช้เงินส่วนตัวเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ค่าใช้จ่ายส่วนตัวเหล่านี้ควรน้อยที่สุด (ดู มาตรฐานผู้สอนศาสนาสำหรับสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์, 4.8)

24.3.4.2

การจัดเงินทุนให้ผู้สอนศาสนาอาวุโสที่รับใช้ไกลบ้าน

เงินบริจาครายเดือนตามคำมั่นสัญญา ผู้สอนศาสนาอาวุโสที่รับใช้ไกลบ้านบริจาคสมทบทุนผู้สอนศาสนาวอร์ดบ้านของพวกเขาทุกเดือน เงินบริจาคเหล่านี้ช่วยจ่ายค่าที่พักและค่ายานพาหนะ (ดู “ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม” ในหมวดนี้) เงินบริจาคอาจมากกว่าค่าที่พักหรือค่ายานพาหนะที่ศาสนจักรจัดให้

  • ผู้สอนศาสนาอาวุโสจากประเทศที่เข้าร่วมโปรแกรมบริจาคถัวเฉลี่ยบริจาคตามจำนวนที่ระบุไว้ในซองหมายเรียก

  • ในประเทศอื่น อธิการ ประธานสเตค และผู้สอนศาสนาปรึกษากันเกี่ยวกับเงินบริจาครายเดือน ผู้นำกระตุ้นให้เสียสละเงินตามสภาวการณ์ของผู้สอนศาสนา พวกเขาเห็นตรงกันเรื่องจำนวนและบันทึกไว้ในใบเสนอชื่อผู้สอนศาสนา เงินจำนวนนี้อย่างน้อยต้องเป็นจำนวนที่ฝ่ายประธานภาค (ในการหารือกับแผนกผู้สอนศาสนา) กำหนดให้ผู้สอนศาสนาอาวุโส คนอื่นๆ ที่อยู่ในประเทศบ้านเกิดของผู้สอนศาสนาอาจบริจาคสมทบเงินส่วนนี้เช่นกัน

อธิการตรวจสอบว่ามีการบริจาคเงินแต่ละเดือน ไม่ควรบริจาคเกินจำนวนรายเดือนล่วงหน้า

ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นอกจากเงินบริจาครายเดือนตามคำมั่นสัญญาซึ่งช่วยจ่ายค่าที่พักและยานพาหนะแล้ว ผู้สอนศาสนาอาวุโสต้องจ่ายค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งหมดเอง รวมทั้งค่าอาหาร

24.3.4.3

การจัดเงินทุนให้ผู้สอนศาสนาที่รับใช้ที่บ้าน

ผู้สอนศาสนาที่รับใช้ที่บ้านรับผิดชอบเงินทั้งหมดที่ตนต้องใช้จ่าย คนที่ต้องการความช่วยเหลือทางการเงินจะได้จากสมาชิกครอบครัวและเพื่อนๆ จะไม่ใช้เงินวอร์ดหรือสาขากับความต้องการที่เกี่ยวข้องกับงานเผยแผ่

24.3.4.4

ประกันสุขภาพและค่ารักษาพยาบาล

ศาสนจักรสนับสนุนอย่างยิ่งให้ผู้สอนศาสนาทุกคน รวมทั้งผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านการสอน เก็บประกันสุขภาพที่มีอยู่แล้วไว้หากอยู่ในวิสัยที่ทำได้

ผู้สอนศาสนาที่รับใช้ที่บ้านต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าประกันอื่นๆ เอง ผู้สอนศาสนาอาวุโสที่รับใช้ไกลบ้านต้องจ่ายเองเช่นกัน ผู้สอนศาสนาอาวุโสที่จะรับใช้นอกประเทศบ้านเกิดสามารถทำประกันผ่าน Senior Service Medical Plan

24.3.5

บทบาทของสมาชิกครอบครัวและผู้นำในการเตรียมผู้สอนศาสนา

สมาชิกครอบครัว อธิการ และผู้นำคนอื่นๆ ช่วยเยาวชนเตรียมรับใช้งานเผยแผ่ อธิการเชื้อเชิญให้เยาวชายแต่ละคนเป็นผู้สอนศาสนา รวมทั้งเยาวหญิงแต่ละคนผู้ปรารถนาจะรับใช้ด้วย

  • ช่วยให้พวกเขาเป็นสมาชิกผู้สอนศาสนาที่มีประสิทธิภาพในการแบ่งปันพระกิตติคุณก่อนรับหมายเรียกให้รับใช้

  • ให้โอกาสพวกเขาได้รับใช้และสอน

  • จัดเตรียมโอกาสให้พวกเขาไปกับผู้สอนศาสนาเต็มเวลา

  • เชิญผู้สอนศาสนาที่รับใช้อยู่ในปัจจุบันและคนอื่นๆ ที่เคยรับใช้งานเผยแผ่มาบอกเล่าประสบการณ์การสอนและการรับใช้ของตน

  • รักและสร้างแรงบันดาลใจให้แต่ละคนเตรียมตัวให้พร้อมรับใช้งานเผยแผ่

  • กระตุ้นให้พวกเขาอุทิศเวลาเพิ่มขึ้นให้กับการสวดอ้อนวอนและการศึกษาพระคัมภีร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระคัมภีร์มอรมอน

  • จัดหลักสูตรการเตรียมตัวเป็นผู้สอนศาสนา

สมาชิกครอบครัวและผู้นำกระตุ้นให้สมาชิกอาวุโสพิจารณาเรื่องการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาอาวุโส อาจรวมถึงการช่วยพวกเขา:

  • ทบทวนความสามารถทางร่างกายและทางการเงินของตนเพื่อรับใช้งานเผยแผ่ ไม่ว่าไกลบ้านหรือขณะอยู่ที่บ้าน

  • ระบุโอกาสสอนศาสนาที่พวกเขาจะทำได้

  • เป็นสมาชิกผู้สอนศาสนาที่มีประสิทธิภาพในการแบ่งปันพระกิตติคุณก่อนรับหมายเรียกให้รับใช้

  • เข้าใจพรที่การรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาจะมีให้ครอบครัวของพวกเขา (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 31:5–6)

สมาชิกครอบครัวและผู้นำกระตุ้นให้ผู้สมัครเป็นผู้สอนศาสนาทุกคนศึกษา:

สมาชิกครอบครัวและผู้นำช่วยให้ผู้สมัครทุกคนมุ่งมั่นทำตามมาตรฐานผู้สอนศาสนา พวกเขากระตุ้นให้ผู้สมัครศึกษาคู่มือมาตรฐานผู้สอนศาสนาซึ่งเกี่ยวข้องกับงานมอบหมายที่พวกเขาอาจได้รับ:

24.4

การเสนอชื่อผู้สอนศาสนา

ผู้สมัครบางคนไม่ได้อยู่ในวอร์ดต่อเนื่องนานหนึ่งปีเป็นอย่างน้อย ในสถานการณ์เหล่านี้อธิการหารือแต่เนิ่นๆ กับอธิการวอร์ดเดิมของผู้สมัครในขั้นตอนการเสนอชื่อ

24.4.1

การประเมินสุขภาพ

งานสอนศาสนาเรียกร้องมากทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ผู้สมัครทุกคนต้องให้แพทย์ประเมินความพร้อมด้านสุขภาพของตน

สำนักงานภาคและแผนกผู้สอนศาสนาจะทบทวนแบบประเมินสุขภาพ บางครั้งความกังวลด้านสุขภาพอาจส่งผลต่อความสามารถในการรับใช้ไกลบ้านของผู้สมัคร ในบางสถานการณ์อาจคืนใบเสนอชื่อพร้อมคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีปรับปรุงความพร้อมด้านสุขภาพของผู้สมัคร

24.4.2

การสัมภาษณ์และแบบฟอร์มการเสนอชื่อ

อธิการและประธานสเตคดำเนินการสัมภาษณ์ผู้สมัครแต่ละคนอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อตรวจสอบความพร้อมทางวิญญาณ และหนุนใจ พวกเขาใช้ คำถามสัมภาษณ์เพื่อเสนอชื่อเป็นผู้สอนศาสนา โดยสนทนากับผู้สมัครเกี่ยวกับ:

  • ประจักษ์พยานในพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู (ดู 24.3.1)

  • การทำตามมาตรฐานความมีค่าควร (ดู 24.3.2)

  • ความพร้อมด้านสุขภาพร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ (ดู 24.3.3)

  • ความพร้อมด้านการเงิน (ดู 24.3.4)

อธิการและประธานสเตคทบทวนข้อมูลเกี่ยวกับมาตรฐานความมีค่าควรและความพร้อมด้านสุขภาพใน Missionary Online Recommendation System (ระบบการเสนอชื่อผู้สอนศาสนาทางออนไลน์) เช่นกัน หากประธานสเตคในสหรัฐและแคนาดามีคำถาม เขาติดต่อแผนกผู้สอนศาสนา (ดู 24.9.3) ที่อื่นให้ติดต่อสำนักงานภาค อธิการและประธานสเตคไม่เพิ่มมาตรฐานด้านคุณสมบัติใดๆ ให้กับผู้สมัคร ทั้งไม่เปลี่ยนคำถามสัมภาษณ์ด้วย

ข้อมูลในแบบฟอร์มการเสนอชื่อมีส่วนช่วยในขั้นตอนการเปิดเผยของการเรียกผู้สอนศาสนา ผู้นำต้องแน่ใจว่าผู้สมัครเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดที่ขอ

หากอธิการและประธานสเตคมีข้อกังวลเกี่ยวกับการทำตามมาตรฐานความมีค่าควรของผู้สมัครหรือเกี่ยวกับความพร้อมด้านสุขภาพของผู้สมัคร พวกเขาปรึกษากันและกับผู้สมัคร พวกเขาอาจปรึกษากับบิดามารดาด้วยหากผู้สมัครหนุ่มสาวอนุญาต อธิการและประธานสเตคไม่ส่งใบเสนอชื่อจนกว่าบุคคลกลับใจจากบาปร้ายแรง (ดู 24.3.2.1) พวกเขาอาจสนทนาเรื่องความเป็นไปได้ของการได้รับมอบหมายให้เป็นผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์ โดยขึ้นอยู่กับสุขภาพทางร่างกาย จิตใจ หรืออารมณ์ของผู้สมัคร

ในกรณีเร่งด่วนเมื่ออธิการหรือประธานสเตคไม่อยู่ เขาอาจมอบอำนาจให้ที่ปรึกษาคนหนึ่งของเขาดำเนินการสัมภาษณ์เหล่านี้

ในท้องถิ่นประธานคณะเผยแผ่หรือที่ปรึกษาที่เขามอบหมายสัมภาษณ์และเสนอชื่อผู้สมัครเป็นผู้สอนศาสนา ประธานท้องถิ่นไม่ดำเนินการสัมภาษณ์เหล่านี้

ภาพ
ผู้สอนศาสนาคุยกับชายคนหนึ่ง

24.4.3

การส่งใบเสนอชื่อ

ประธานสเตคจะส่งใบเสนอชื่อผู้สมัครเป็นผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวได้ไม่เกิน 120 วันก่อนวันที่ผู้สมัครจะพร้อมรับใช้ ประธานสเตคจะส่งใบเสนอชื่อผู้สมัครเป็นผู้สอนศาสนาอาวุโสได้ไม่เกินเก้าเดือนก่อนวันที่ผู้สมัครจะพร้อมรับใช้ วันพร้อมรับใช้ต้องเป็นวันที่บรรลุเงื่อนไขต่อไปนี้ทั้งหมดแล้ว:

  • บุคคลมีอายุครบตามเกณฑ์การรับใช้

  • บุคคลได้รับการยืนยันเป็นสมาชิกศาสนจักรนานอย่างน้อยหนึ่งปี

  • บุคคลเรียนจบมัธยมปลายหรือไม่ได้เรียนมัธยมปลายหรือเทียบเท่าแล้ว (ใช้กับผู้สมัครเป็นผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวที่อายุ 18 ปี)

ผู้สมัครเป็นผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวและประธานสเตคของพวกเขาวางแผนว่าประธานสเตคควรส่งใบเสนอชื่อเมื่อใด พวกเขาจะใช้ Submission Planning Tool (เครื่องมือวางแผนการส่ง) และ Mission Release Date Planning Tool (เครื่องมือวางแผนวันปลดผู้สอนศาสนาพ้นจากหน้าที่) หากต้องการความช่วยเหลือ

โดยปกติจะส่งใบเสนอชื่อผู้สอนศาสนาผ่านวอร์ดบ้านและสเตคบ้าน อธิการของวอร์ดไกลบ้าน เช่น วอร์ดหนุ่มสาวโสด อาจดำเนินการเสนอชื่อผู้สอนศาสนา พวกเขาต้องหารือกับอธิการจากวอร์ดบ้านก่อน ควรระบุวอร์ดบ้านให้เป็นวอร์ดจัดหาเงินทุน

24.4.4

คนที่ไม่สามารถรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาเต็มเวลา

บางครั้งสมาชิกที่ปรารถนาจะรับใช้อาจไม่ได้รับการเรียกเป็นผู้สอนศาสนาเต็มเวลา อาจจะเนื่องด้วยปัญหาสุขภาพ การไม่ทำตามมาตรฐานความมีค่าควร ประเด็นทางกฎหมาย หรือสภาวการณ์อื่น อธิการและประธานสเตคแสดงความรักและความขอบคุณที่สมาชิกเต็มใจรับใช้ ประธานสเตคอาจยกเว้นเขาจากการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาเต็มเวลา

ประธานสเตคและอธิการกระตุ้นให้สมาชิกมุ่งหน้าบนเส้นทางพันธสัญญาในฐานะสานุศิษย์ชั่วชีวิตของพระเยซูคริสต์ อีกทั้งกระตุ้นให้สมาชิกหนุ่มสาวพยายามทำเรื่องสำคัญอื่นๆ ต่อไป เช่น การศึกษาหรืองานอาชีพ

24.5

หลังจากได้รับหมายเรียกผู้สอนศาสนา

ขอให้ผู้สอนศาสนาที่เพิ่งได้รับการเรียกอ่านหรืออ่านทวนพระคัมภีร์มอรมอนก่อนเริ่มงานเผยแผ่ พวกเขาทำตามคำแนะนำของกษัตริย์เบ็นจามินให้ “ระวังตน และความนึกคิดของท่าน, และคำพูดของท่าน, และการกระทำของท่าน” (โมไซยาห์ 4:30)

พวกเขาทำตามคำแนะนำที่มากับหมายเรียกทันที พวกเขาควรทบทวนหนังสือ การปรับตัวให้เข้ากับชีวิตผู้สอนศาสนา หรือ การปรับตัวให้เข้ากับชีวิตผู้สอนศาสนาด้านบำเพ็ญประโยชน์: หนังสืออ่านประกอบ ด้วย พวกเขาและสมาชิกครอบครัวควรศึกษาสภาพที่พวกเขาจะรับใช้

สมาชิกครอบครัวและผู้นำสนับสนุนผู้สอนศาสนาในความพยายามเหล่านี้ อีกทั้งเน้นความสำคัญของการทำดีและคงไว้ซึ่งค่าควรของพระวิญญาณ

24.5.1

เอ็นดาวเม้นท์พระวิหารและการรับใช้ในพระวิหาร

หากผู้สอนศาสนาที่เพิ่งได้รับเรียกยังไม่ได้รับศาสนพิธีเอ็นดาวเม้นท์พระวิหาร พวกเขาควรรับก่อนเริ่มการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาหากทำได้ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 43:15–16; 105:33) รวมถึงผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์ด้วยหากเหมาะกับสภาวการณ์ของพวกเขา ดูข้อมูลเกี่ยวกับการรับเอ็นดาวเม้นท์ใน 27.2

ผู้สอนศาสนาที่เพิ่งได้รับเรียกผู้รับเอ็นดาวเม้นท์แล้วอาจรับใช้เป็นเจ้าหน้าที่ศาสนพิธีพระวิหารก่อนเริ่มรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาเมื่อเห็นเหมาะสม (ดู 25.5)

24.5.2

การประชุมศีลระลึก

ฝ่ายอธิการเชิญผู้สอนศาสนาที่เพิ่งได้รับเรียกให้พูดในการประชุมศีลระลึกก่อนพวกเขาเริ่มงานเผยแผ่ นี่เป็นการประชุมศีลระลึกปกติ ควรเน้นที่ศีลระลึกและพระผู้ช่วยให้รอด ควรเชิญผู้สอนศาสนาให้พูดเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ พระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู ปีติของการแบ่งปันพระกิตติคุณและการรับใช้ผู้อื่น

โดยปกติจะไม่เชิญสมาชิกครอบครัวและเพื่อนๆ ของผู้สอนศาสนาให้พูด และการประชุมศีลระลึกไม่ควรเกินเวลาปกติ

สมาชิกและผู้นำควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจทำให้เขวจากความศักดิ์สิทธิ์ของการเรียกเป็นผู้สอนศาสนาหรือก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ตัวอย่างเช่น พวกเขาจะไม่ทำดังนี้:

  • พิมพ์โปรแกรมการประชุมศีลระลึกพิเศษ

  • ตั้งแถวต้อนรับหลังการประชุมศีลระลึก

  • จัดโอเพ่นเฮ้าส์ ยกเว้นสำหรับงานชุมนุมครอบครัว หากจัดงานชุมนุมครอบครัว ศาสนจักรแนะนำไม่ให้จัดตรงกับการประชุมวันอาทิตย์

24.5.3

การวางมือมอบหน้าที่ให้ผู้สอนศาสนา

ประธานสเตคบ้านวางมือมอบหน้าที่ให้ผู้สอนศาสนาแต่ละคนใกล้วันเริ่มงานเผยแผ่ของเขามากที่สุด ในกรณีเร่งด่วนเมื่อประธานสเตคไม่อยู่ เขาอาจมอบอำนาจให้ที่ปรึกษาคนหนึ่งวางมือมอบหน้าที่ให้ผู้สอนศาสนา เขาอาจมอบความรับผิดชอบให้ที่ปรึกษาวางมือมอบหน้าที่ให้ผู้สอนศาสนาอาวุโสเช่นกัน

ประธานคณะเผยแผ่หรือที่ปรึกษาคนหนึ่งของเขาวางมือมอบหน้าที่ให้ผู้สอนศาสนาที่ได้รับเรียกจากท้องถิ่นในคณะเผยแผ่ของตน ประธานท้องถิ่นไม่วางมือมอบหน้าที่ให้ผู้สอนศาสนา

พี่น้องชายที่จะรับใช้ไกลบ้านต้องได้รับฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคก่อนรับการวางมือมอบหน้าที่ให้เป็นผู้สอนศาสนา พี่น้องชายที่จะรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาอาวุโสควรดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคหากเหมาะสมกับสภาวการณ์ของเขา ดูคำแนะนำเรื่องการแต่งตั้งสู่ตำแหน่งในฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคใน 18.10

ประธานสเตคหรือที่ปรึกษาที่เขามอบหมายสัมภาษณ์ผู้สอนศาสนาก่อนวางมือมอบหน้าที่ไม่นาน หากผู้สอนศาสนาไม่ทำตามมาตรฐานความมีค่าควรอีกต่อไปหรือหากมีปัญหาสุขภาพ เขาจะไม่ได้รับการวางมือมอบหน้าที่ ประธานสเตคติดต่อแผนกผู้สอนศาสนา (ดู 24.9.3) หรือสำนักงานภาคเพื่อขอคำแนะนำ

การวางมือมอบหน้าที่ควรเป็นประสบการณ์พิเศษ สมาชิกครอบครัวและเพื่อนสนิทอาจเข้าร่วม ประธานสเตคช่วยให้พวกเขาเข้าใจและรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์และความสำคัญของการเรียกให้รับใช้เป็นตัวแทนของพระเยซูคริสต์และศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูของพระองค์

ไม่ควรบันทึกเสียงการวางมือมอบหน้าที่และพรที่ให้ แต่ผู้สอนศาสนาควรเขียนในบันทึกส่วนตัวเกี่ยวกับประสบการณ์และจดพรส่วนที่มีความหมายเป็นพิเศษ

ประธานสเตคอธิบายว่าผู้สอนศาสนาควรทำตามมาตรฐานผู้สอนศาสนาหลังจากรับการวางมือมอบหน้าที่

การวางมือมอบหน้าที่ให้ผู้สอนศาสนามีไว้สำหรับการเรียกให้รับใช้ ไม่ใช่สำหรับการมอบหมายงานเฉพาะเจาะจงให้ผู้สอนศาสนา หากงานมอบหมายของผู้สอนศาสนาเปลี่ยน เขาไม่ต้องรับการวางมือมอบหน้าที่อีก หากผู้สอนศาสนาพ้นจากหน้าที่และต่อมาได้รับอนุมัติให้กลับมารับใช้ (ดู 24.6.3.2) เขารับการวางมือมอบหน้าที่เป็นผู้สอนศาสนาอีกครั้ง

24.6

การรับใช้ไกลบ้าน

24.6.1

การเดินทางไปสนามเผยแผ่

ศาสนจักรจ่ายค่าเดินทางให้ผู้สอนศาสนาด้านการสอนไปศูนย์ฝึกอบรมผู้สอนศาสนา (เอ็มทีซี) และออกจากศูนย์ไปคณะเผยแผ่ที่มอบหมาย ศาสนจักรจ่ายค่าเดินทางเหล่านี้ให้ผู้สอนศาสนาอาวุโสที่รับใช้ไกลบ้านนานเกินหนึ่งปีด้วย

คนในครอบครัวอาจพาผู้สอนศาสนามาเอ็มทีซี แต่ศาสนจักรไม่ได้คาดหวังให้ทำเช่นนั้น เอ็มทีซีไม่มีสถานที่รวมตัวให้ครอบครัวกล่าวลาผู้สอนศาสนาของพวกเขา

เพื่อความปลอดภัยของสนามบินและเหตุผลอื่น ศาสนจักรไม่อนุญาตให้ครอบครัวและคนอื่นๆ มาพบผู้สอนศาสนาที่สนามบินเมื่อผู้สอนศาสนาออกจากเอ็มทีซีไปคณะเผยแผ่ที่มอบหมาย

ภาพ
ผู้สอนศาสนาคู่สามีภรรยากำลังสอนผู้หญิง

24.6.2

ในสนามเผยแผ่

24.6.2.1

การจัดกำลังผู้สอนศาสนา

ประธานสเตคและประธานคณะเผยแผ่ปรึกษากันเกี่ยวกับความต้องการผู้สอนศาสนาในวอร์ดและสาขาที่กำหนด ไม่จำเป็นต้องมอบหมายผู้สอนศาสนาให้ทุกหน่วย บางหน่วยอาจมีมากกว่าหนึ่งคู่ ประธานคณะเผยแผ่พิจารณาเรื่องการจัดกำลังผู้สอนศาสนา

24.6.2.2

การรับใช้สมาชิกและชุมชน

ประธานสเตคและประธานคณะเผยแผ่ปรึกษากันว่าจะให้ผู้สอนศาสนารับใช้สมาชิกและชุมชนอย่างไร พวกเขาจะใช้ JustServe.org หากมี

24.6.2.3

ที่พัก อาหาร และการเดินทาง

ประธานสเตคและประธานคณะเผยแผ่พิจารณาว่าสมาชิกในท้องที่จะจัดหาที่พักและอาหารให้ผู้สอนศาสนาได้หรือไม่หรือได้มากน้อยเพียงใด การจัดหาที่พักหรืออาหารไม่ควรเป็นภาระแก่สมาชิกในท้องที่

ศาสนจักรไม่ได้คาดหวังให้สมาชิกคอยรับส่งผู้สอนศาสนา คนที่พวกเขาสอน หรือคนที่เพิ่งรับบัพติศมา

ฝ่ายประธานภาคอาจให้แนวทางสำหรับการจัดหาที่พัก อาหาร และการเดินทางให้ผู้สอนศาสนาในภาค

24.6.2.4

ภาพ
ไอคอน แนวทางการปรับ
ผู้สอนศาสนาในตำแหน่งต่างๆ ของสาขา

ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ผู้สอนศาสนาที่รับใช้ไกลบ้านอาจได้รับมอบหมายให้รับใช้ในตำแหน่งต่างๆ ของสาขา หากสาขาอยู่ในสเตค ผู้สอนศาสนาได้รับการวางมือมอบหน้าที่ภายใต้การกำกับดูแลของฝ่ายประธานสเตคด้วยการอนุมัติของประธานคณะเผยแผ่

หากสาขาอยู่ในท้องถิ่น ผู้สอนศาสนาไม่ต้องรับการวางมือมอบหน้าที่ สิทธิอำนาจให้รับใช้ในหน่วยที่มอบหมายให้คณะเผยแผ่ดูแลรวมอยู่ในการวางมือมอบหน้าที่ให้เป็นผู้สอนศาสนา หากเอ็ลเดอร์ปฏิบัติหน้าที่ซึ่งต้องใช้กุญแจฐานะปุโรหิต พวกเขาทำเช่นนั้นด้วยสิทธิอำนาจที่มอบหมายจากประธานคณะเผยแผ่

24.6.2.5

การขอให้ช่วยเหลือคนอื่นๆ ทางการเงิน หรือเรื่องการศึกษา หรือการย้ายถิ่นฐาน

ผู้สอนศาสนาและครอบครัวของพวกเขาไม่ควรให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับคนในเขตที่ผู้สอนศาสนากำลังรับใช้ รวมทั้งเงินช่วยเรื่องการศึกษา ผู้สอนศาสนาและครอบครัวของพวกเขาจะไม่อุปถัมภ์คนที่ต้องการย้ายถิ่นฐานไปอยู่ประเทศอื่น (ดู 38.8.19)

24.6.2.6

ยารักษาโรค

ผู้สอนศาสนารับผิดชอบเรื่องยารักษาโรคที่ตนต้องใช้ สมาชิกครอบครัวหรือคนอื่นๆ ต้องไม่ส่งยาให้ผู้สอนศาสนา หากไม่มียาในคณะเผยแผ่ ให้ผู้สอนศาสนาปรึกษากับประธานคณะเผยแผ่

24.6.2.7

การถึงแก่กรรมของคนในครอบครัว

หากคนในครอบครัวของผู้สอนศาสนาถึงแก่กรรม ผู้สอนศาสนาจะเลือกกลับบ้านชั่วคราวเพื่อไปร่วมพิธีศพก็ได้ แต่โดยทั่วไป ศาสนจักรแนะนำให้ผู้สอนศาสนายังอยู่ในสนามเผยแผ่ เมื่อทำได้เขาอาจดูพิธีศพผ่านการสตรีมทางอินเทอร์เน็ต

หากผู้สอนศาสนาเลือกกลับไปร่วมพิธีศพ ให้ประธานคณะเผยแผ่ติดต่อแผนกผู้สอนศาสนา

24.6.2.8

บันทึกสมาชิกภาพและส่วนสิบ

วอร์ดบ้านเก็บบันทึกสมาชิกภาพของผู้สอนศาสนา วอร์ดบ้านลงบันทึกสถานะส่วนสิบของผู้สอนศาสนาด้วย ผู้สอนศาสนาไม่จ่ายส่วนสิบจากเงินสนับสนุนที่ได้จากคณะเผยแผ่ แต่พวกเขาจ่ายส่วนสิบหากมีรายได้ส่วนตัว

24.6.3

การกลับบ้านจากงานเผยแผ่

24.6.3.1

การกลับบ้านตามกำหนดการเดิม

ผู้สอนศาสนาและสมาชิกครอบครัวไม่ควรขอพ้นจากหน้าที่ก่อนเวลาหรือขยายเวลาการรับใช้เพื่อความสะดวกส่วนตัว

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวควรเดินทางจากคณะเผยแผ่กลับบ้านโดยตรง จะอนุญาตให้เดินทางไปที่อื่นได้ต่อเมื่อบิดาหรือมารดาหรือผู้ปกครองอย่างน้อยหนึ่งคนร่วมเดินทางไปด้วย

ผู้สอนศาสนาไม่พ้นจากหน้าที่จนกว่าจะรายงานตัวต่อประธานสเตคของพวกเขา พวกเขาทำตามมาตรฐานผู้สอนศาสนาจนถึงเวลานั้น

24.6.3.2

การกลับบ้านก่อนกำหนด

ผู้สอนศาสนาบางคนพ้นจากหน้าที่ก่อนกำหนดเพราะสุขภาพ ความมีค่าควร หรือเหตุผลอื่น อธิการและประธานสเตคให้การสนับสนุนผู้สอนศาสนาที่กลับก่อนกำหนดเป็นพิเศษ ผู้นำช่วยพวกเขาทำให้ตนมีสุขภาพดีดังเดิมหรือกลับไปรับใช้หากทำได้

สำหรับผู้สอนศาสนาที่พร้อมกลับไปรับใช้ ประธานสเตคติดต่อแผนกผู้สอนศาสนาเพื่อเสนอเรื่องนี้ (ดู 24.9.3) ผู้สอนศาสนาบางคนที่กลับไปรับใช้อาจได้รับมอบหมายใหม่ให้ไปทำงานเผยแผ่ด้านการสอนต่างจากเดิมหรือทำงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์

เมื่อกลับไปรับใช้ไม่ได้ ผู้นำกระตุ้นให้สมาชิกมุ่งหน้าบนเส้นทางพันธสัญญาในฐานะสานุศิษย์ชั่วชีวิตของพระเยซูคริสต์ ผู้นำกระตุ้นให้ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวพยายามทำเรื่องสำคัญอื่นๆ ต่อไปเช่น การศึกษาและงานอาชีพ

24.7

งานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์

24.7.1

การระบุโอกาสสำหรับผู้สอนศาสนาด้านบำเพ็ญประโยชน์

อธิการ ประธานสเตค และผู้สอนศาสนาด้านบำเพ็ญประโยชน์ปรึกษากันเพื่อระบุโอกาสรับใช้ในท้องที่ สำหรับผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านบำเพ็ญประโยชน์ หัวหน้าเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์และบิดามารดาหรือผู้ปกครองของผู้สอนศาสนาจะเข้าร่วมการสนทนา

จะระบุโอกาสสำหรับผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านบำเพ็ญประโยชน์หลังจากพวกเขาได้รับเรียกให้รับใช้ จะระบุโอกาสสำหรับผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์ก่อนหรือหลังจากพวกเขาได้รับเรียก

จะให้การรับใช้แบบพบหน้ากันหรือทางไกลโดยใช้เทคโนโลยีก็ได้ ผู้นำอาจใช้แหล่งช่วยต่อไปนี้หาข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสในการรับใช้:

24.7.2

ที่พักและการเดินทาง

ผู้สอนศาสนาด้านบำเพ็ญประโยชน์อาศัยอยู่ในบ้านของตนหรืออยู่กับสมาชิกครอบครัวอีกคนหนึ่งที่สำนักงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์อนุมัติ พวกเขาจัดเตรียมหรือจัดการเรื่องการเดินทางของตนไปยังสถานที่รับใช้ตามที่จำเป็น

24.7.3

การอบรมและการนิเทศ

ผู้สอนศาสนาด้านบำเพ็ญประโยชน์ได้รับการอบรมและการนิเทศ ณ ที่ซึ่งพวกเขารับใช้ และอาจได้รับการอบรมและการนิเทศจากหัวหน้าเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ด้วย พวกเขาได้รับคำแนะนำวันต่อวันเกี่ยวกับหน้าที่ของตนจากหัวหน้าเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ (สำหรับผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านบำเพ็ญประโยชน์) หรือผู้จัดการฝ่ายมอบหมายการบำเพ็ญประโยชน์ (สำหรับผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์)

ประธานสเตคเป็นผู้นำทางศาสนาของผู้สอนศาสนา เขาช่วยให้ผู้สอนศาสนาเข้าใจและทำตามมาตรฐานผู้สอนศาสนาด้านบำเพ็ญประโยชน์ด้วย (ดู มาตรฐานผู้สอนศาสนาสำหรับสานุศิษย์ของพระเยซูคริสต์—งานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์)

24.7.4

ผู้สอนศาสนาด้านบำเพ็ญประโยชน์ในการเรียกต่างๆ ของวอร์ดหรือสเตค

อธิการหรือประธานสเตคอาจให้การเรียกในวอร์ดหรือสเตคแก่ผู้สอนศาสนาด้านบำเพ็ญประโยชน์หากการเรียกไม่ขัดกับงานมอบหมายหรือตารางการทำงานของผู้สอนศาสนา สำหรับผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวด้านบำเพ็ญประโยชน์ ผู้นำเหล่านี้ประสานงานกับหัวหน้าเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์

24.7.5

การจบงานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์

ประธานสเตค หัวหน้าเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์ (สำหรับผู้สอนศาสนาหนุ่มสาว) และผู้สอนศาสนาด้านบำเพ็ญประโยชน์ปรึกษากันเพื่อพิจารณาว่าผู้สอนศาสนาจะจบการรับใช้เมื่อใด

งานเผยแผ่ด้านบำเพ็ญประโยชน์สำหรับผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวไม่นานเกิน 24 เดือนสำหรับผู้ชาย และไม่นานเกิน 18 เดือนสำหรับผู้หญิง

ผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยนชน์อาจขยายเวลาการรับใช้จนถึงวันที่ประธานสเตคและผู้สอนศาสนาตกลงกันไว้

ภาพ
หญิงคนหนึ่งกำลังพูดที่แท่นพูด

24.8

หลังจากการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนา

24.8.1

ใบรับรองพระวิหาร

24.8.1.1

ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวที่รับใช้ไกลบ้าน

ดูคำแนะนำเกี่ยวกับใบรับรองพระวิหารสำหรับผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวที่กลับบ้านใน 26.5.3

24.8.1.2

ผู้สอนศาสนาอาวุโสที่รับใช้ไกลบ้าน

ประธานคณะเผยแผ่จะดำเนินการสัมภาษณ์ใบรับรองพระวิหารเมื่อจำเป็น หากผู้สอนศาสนามีค่าควร ประธานคณะเผยแผ่ออกใบรับรองใบใหม่ที่หมดอายุในสองปี

24.8.1.3

ผู้สอนศาสนาด้านบำเพ็ญประโยชน์

ผู้สอนศาสนาบำเพ็ญประโยชน์ควรเตรียมการผ่านผู้นำระดับท้องที่สำหรับการสัมภาษณ์เพื่อต่ออายุใบรับรองพระวิหาร (ดู 26.3.1)

24.8.2

การสัมภาษณ์ปลดผู้สอนศาสนาให้พ้นจากหน้าที่

ประธานสเตคปลดผู้สอนศาสนาให้พ้นจากหน้าที่และดำเนินการสัมภาษณ์ปลด ที่ปรึกษาคนหนึ่งของเขาจะปลดผู้สอนศาสนาอาวุโสด้านบำเพ็ญประโยชน์ให้พ้นจากหน้าที่ ในท้องถิ่นโดยปกติประธานคณะเผยแผ่หรือที่ปรึกษาที่เขามอบหมายจะปลดผู้สอนศาสนาให้พ้นจากหน้าที่ ดูข้อยกเว้นใน 6.3

แนวทางการสัมภาษณ์ต่อไปนี้อาจเป็นประโยชน์

  • ชมเชยพวกเขาสำหรับการรับใช้งานเผยแผ่

  • เชิญพวกเขาบอกเล่าประสบการณ์งานเผยแผ่

  • กระตุ้นให้พวกเขาเป็นสานุศิษย์ชั่วชีวิตของพระเยซูคริสต์ต่อไป

  • แนะนำให้พวกเขาต่อยอดนิสัยดีๆ ที่พวกเขาพัฒนาสมัยเป็นผู้สอนศาสนา

  • กระตุ้นให้พวกเขาทำตามพระวิญญาณทุกวันและดำเนินชีวิตอย่างน่าเคารพนับถือ

  • กระตุ้นให้พวกเขาพิจารณาและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต รวมทั้งการศึกษาและงานอาชีพสำหรับผู้สอนศาสนาหนุ่มสาว ช่วยพวกเขาตั้งเป้าหมายและวางแผนเมื่อจำเป็น ทบทวนความก้าวหน้าบน My Plan (แผนของฉัน) กับผู้สอนศาสนาหนุ่มสาว

  • หลีกเลี่ยงการสัญญาว่าจะได้รับพรที่เฉพาะเจาะจงเป็นรางวัลสำหรับการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนา

  • กระตุ้นให้พวกเขาดำเนินชีวิตมีค่าควรถือใบรับรองพระวิหารเสมอ

24.8.3

การรายงานของผู้สอนศาสนาและการพูดในการประชุมศีลระลึก

ประธานสเตคและประธานท้องถิ่นเชิญผู้สอนศาสนาที่เพิ่งพ้นจากหน้าที่ให้รายงานการรับใช้ของพวกเขาในการประชุมสภาสูงหรือการประชุมสภาท้องถิ่น ทั้งนี้รวมถึงผู้สอนศาสนาด้านบำเพ็ญประโยชน์ด้วย อธิการอาจเชิญผู้สอนศาสนาที่เพิ่งพ้นจากหน้าที่ให้รายงานในการประชุมสภาวอร์ดเช่นกัน

ในกรณีที่เหมาะสมกับระยะทางหรือสภาวการณ์อื่น ผู้สอนศาสนาที่เพิ่งพ้นจากหน้าที่อาจรายงานโดยใช้เทคโนโลยีหรือรายงานเฉพาะในการประชุมสภาวอร์ด

ฝ่ายอธิการจัดเวลาให้ผู้สอนศาสนาที่เพิ่งพ้นจากหน้าที่พูดในการประชุมศีลระลึก ทั้งนี้รวมถึงผู้สอนศาสนาด้านบำเพ็ญประโยชน์ด้วย การประชุมนี้เป็นการประชุมศีลระลึกปกติ ฝ่ายอธิการพึงแน่ใจว่าได้ทำตามหลักธรรมที่ระบุไว้ใน 24.5.2

ผู้สอนศาสนาที่เพิ่งพ้นจากหน้าที่อาจพูดในการประชุมศีลระลึกในวอร์ดอื่นเมื่อสมาชิกในฝ่ายประธานสเตคหรือในฝ่ายประธานท้องถิ่นเชิญ สมาชิกในสภาสูงหรือในสภาท้องถิ่นอาจเชิญพวกเขาเช่นกัน

24.8.4

การเรียก

ผู้นำให้งานมอบหมายการปฏิบัติศาสนกิจและการเรียกกับผู้สอนศานาที่เพิ่งพ้นจากหน้าที่ทันที รวมถึงการพิจารณาให้เป็นเจ้าหน้าที่ศาสนพิธีพระวิหารเมื่อเหมาะสมด้วย (ดู 25.5)

24.9

แหล่งข้อมูลสำหรับการเสนอชื่อผู้สอนศาสนาและการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนา

24.9.1

คู่มือและแบบฟอร์ม

24.9.2

เว็บไซต์

24.9.3

ข้อมูลติดต่อแผนกผู้สอนศาสนา

  • โทรศัพท์: 1-801-240-2222 หรือ 1-800-453-3860 ต่อ 2-2222