2017
ทูลขอ: ยากอบ 1:5–6
มกราคม 2017


สาระสำคัญสหกิจกรรมปี 2017

ทูลขอ

ยากอบ 1:5–6

“ถ้าใครในพวกท่านขาดสติปัญญา ให้คนนั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานให้กับทุกคนด้วยพระทัยกว้างขวางและไม่ทรงตำหนิ แล้วเขาก็จะได้รับตามที่ทูลขอ

“แต่จงขอด้วยความเชื่อและไม่สงสัย เพราะว่าคนที่สงสัยนั้นเป็นเหมือนคลื่นในทะเลที่ถูกลมพัดซัดไปมา”

ยากอบ 1:5–6

เหตุใดจึงเลือกสาระสำคัญดังกล่าว และนั่นมีความหมายต่อท่านอย่างไร บราเดอร์สตีเฟน ดับเบิลยู. โอเวนประธานเยาวชนชายสามัญ และซิสเตอร์บอนนี แอล. ออสคาร์สันประธานเยาวชนหญิงสามัญแบ่งปันความคิดของพวกเขา

เหตุใดจึงใช้พระคัมภีร์ข้อนี้

ซิสเตอร์ออสคาร์สัน: พระเจ้าทรงทราบว่าท่านจะต้องได้ข่าวสารอะไร และที่น่าทึ่งคือสาระสำคัญตอบปัญหาบางประเด็นที่เกิดขึ้นระหว่างปีและเหมาะอย่างยิ่งกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในชีวิตท่าน

เมื่อเราสนทนากันว่าน่าจะใช้ ยากอบ 1:5–6 เป็นสาระสำคัญของปีนี้ พระวิญญาณสถิตอยู่ในห้องนั้น เราทุกคนเห็นพ้องว่าจะเป็นพระคัมภีร์ที่ดีสำหรับเยาวชนของเราเพราะข้อนี้มีความเชื่อมโยงกันหลายประการ ข้อนี้มีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสนจักร—เป็นข้อพระคัมภีร์ที่โจเซฟ สมิธอ่านซึ่งกระตุ้นให้ท่านเข้าไปในป่าศักดิ์สิทธิ์และสวดอ้อนวอน ความเชื่อมโยงอันสำคัญยิ่งประการที่สองคือ ข้อนี้แสดงประจักษ์พยานถึงพันธกิจอันสูงส่งของโจเซฟ สมิธ สิ่งที่เราต้องการในเวลาที่ชื่อเสียงของท่านและประวัติศาสนจักรยังคงเป็นที่กังขาของชาวโลก อีกทั้งเป็นข่าวสารที่บอกว่าเราจะได้รับการเปิดเผยส่วนตัวในชีวิตเราอย่างไร ซึ่งทุกคนจำเป็นต้องรู้

บราเดอร์โอเวน: มีมากมายเกิดขึ้นในชีวิตท่านทุกวันนี้ และท่านมีคำถามมากมาย เนื่องด้วยสื่อสังคมและโปรแกรมค้นหาทั้งหมดที่เรามี ท่านจึงมีแหล่งข้อมูลมากมายให้หาคำตอบสำหรับคำถามเรื่องศรัทธาของท่าน พระคัมภีร์ข้อสำคัญข้อนี้แสดงให้เห็นขั้นตอนการเปิดเผยของโจเซฟ สมิธ ซึ่งเป็นต้นแบบที่เราพึงตาม

เยาวชนจะใช้และทำให้ ยากอบ 1:5–6 เป็นเรื่องใกล้ตัวได้อย่างไร

ซิสเตอร์ออสคาร์สัน: พระคัมภีร์ข้อนี้มีข่าวสารอันสำคัญยิ่ง กล่าวว่า “จงขอด้วยความเชื่อและไม่สงสัย” (ยากอบ 1:6) นี่สะเทือนอารมณ์อย่างยิ่ง ท่านต้องทูลขอด้วยความเชื่อ และไม่สงสัย

บราเดอร์โบเวน: และการทูลขอด้วยความเชื่อหมายถึงการทูลขอด้วยเจตนาแท้จริง เมื่อโจเซฟ สมิธได้รับคำตอบว่าควรนับถือนิกายใด ท่านไม่เพียงแต่พูดว่า “ดีแล้วที่รู้ แต่ …” ท่านออกไปด้วยศรัทธา

ซิสเตอร์ออสคาร์สัน: จำไว้ว่าการสวดอ้อนวอนที่ชอบธรรมไม่ใช่การทูลขอสิ่งที่เราต้องการแต่คือการหาให้พบว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงปรารถนาอะไรจากเรา

ท่านจะให้คำแนะนำอะไรแก่เยาวชนเกี่ยวกับการใช้การสวดอ้อนวอนในชีวิตพวกเขา

ซิสเตอร์ออสคาร์สัน: จงสวดอ้อนวอนให้เป็นนิสัย ท่านจะลืมสวดอ้อนวอนไม่ได้ ท่านจะเพิกเฉยเรื่องนี้ไม่ได้ พี่ชายของเจเร็ดให้แบบอย่างในเรื่องนี้ (ดู อีเธอร์ 2:14)

บราเดอร์โอเวน: การลืมสวดอ้อนวอนบ้างบางครั้งเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ที่แย่กว่านั้นคือการหันหลังให้พระเจ้าและไม่ต้องการสวดอ้อนวอน เมื่อท่านรู้สึกเหมือนไม่ควรสวดอ้อนวอน นั่นคือเวลาที่ท่านจำเป็นต้องสวดอ้อนวอนอย่างยิ่ง หากท่านกล่าวคำสวดอ้อนวอนและอ่านพระคัมภีร์ ท่านจะมีพระวิญญาณ และหากท่านไม่ทำเช่นนั้น ท่านจะเหินห่างจากพระองค์

ซิสเตอร์ออสคาร์สัน: เราพูดกับพระผู้เป็นเจ้าได้โดยตรง พระองค์ไม่ทรงวางข้อจำกัดด้านเวลา นับเป็นของขวัญล้ำค่าที่ได้รู้ว่าเราสามารถทำเช่นนั้นได้และพระองค์ทรงอยู่ที่นั่นเสมอ

คุณฝึกสวดอ้อนวอนอย่างมีความหมายอย่างไร

ซิสเตอร์ออสคาร์สัน: ดิฉันนึกไม่ออกสักประสบการณ์หนึ่ง นั่นเป็นการสั่งสมชั่วชีวิต การสวดอ้อนวอนกลายเป็นส่วนหนึ่งที่มีความหมายมากที่สุดของวันเพราะดิฉันพยายามทำสม่ำเสมอ ดิฉันฟังและรับคำตอบได้ดีขึ้นมาก เราเรียนรู้และเราดีขึ้นเมื่อเรามีส่วนในกระบวนการนี้มากขึ้น แค่ทำสม่ำเสมอทุกๆ วัน ให้แน่ใจว่าดิฉันไม่พลาดโอกาสที่จะพูดคุยกับพระบิดาบนสวรรค์ของดิฉัน ยิ่งเราสวดอ้อนวอน เราจะยิ่งฟังคำตอบเหล่านั้นได้ดีขึ้น

บราเดอร์โอเวน: สมัยเป็นเยาวชนเมื่อผมต้องการรู้อะไรบางอย่าง ผมจะนึกถึงนิมิตแรกและคิดว่า “โจเซฟ สมิธก็อยากรู้ ผมไม่ต้องการปรากฏการณ์ใหญ่โต แต่ต้องการคำตอบ” และด้วยเหตุนี้ผมจึงทำตามรูปแบบนั้นด้วยศรัทธา ผมจำได้ว่าผมคุกเข่า ก้มศีรษะ และสวดอ้อนวอนออกเสียง การทำตามรูปแบบนั้นอย่างต่อเนื่องเป็นพรให้ชีวิตผมได้รับการเปิดเผยส่วนตัวหลายครั้ง

เรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งที่เยาวชนจะได้เรียนรู้จากพระคัมภีร์ข้อนี้คืออะไร

บราเดอร์โบเวน: ผมแค่ต้องการเน้นย้ำรูปแบบของการสวดอ้อนวอนที่โจเซฟ สมิธวางไว้ เมื่อท่านอายุแค่ 14 ปี ท่านสับสน ท่านจึงอ่านพระคัมภีร์ นิมิตแรกไม่ใช่เวลาชั่วประเดี๋ยวขณะที่โจเซฟคุกเข่า มีงานมากมายก่อนหน้านั้น ท่านใคร่ครวญคำถามของท่านหลายต่อหลายครั้ง เมื่อท่านพบ ยากอบ 1:5–6 ท่านกล่าวว่า “ไม่เคยมีข้อความใดในพระคัมภีร์มาสู่จิตใจมนุษย์ด้วยพลังได้มากไปกว่าข้อความนี้ที่ขณะนั้นมาสู่จิตใจข้าพเจ้า” (โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:12) ข้อนั้นเข้ามาในใจท่านด้วยพลังแรงกล้า และท่านทำตามนั้น ท่านสวดอ้อนวอนด้วยเจตนาแท้จริงและเดินหน้าด้วยศรัทธา และนั่นคือสิ่งที่เราหวังจะให้ท่านรู้สึกกับพระคัมภีร์ข้อนี้ตลอดปี 2017