การถ่ายทอดประจำปี
เซมินารี สถาบัน และสิ่งอื่นที่ได้ผล


เซมินารี สถาบัน และสิ่งอื่นที่ได้ผล

การถ่ายทอด S&I ประจำปี 2023

วันศุกร์ที่ 27 มกราคม ค.ศ. 2023

ประธานสตีเวน เจ. ลันด์: โอ ดีใจมากครับที่ขอให้ผมแสดงประจักษ์พยานกับคนที่ผมชื่นชมมาก และให้ผมพูดคั่นระหว่างครูที่ยอดเยี่ยมสองท่านนี้ที่ผมรู้จักในศาสนจักร

ผมเพิ่งฟังบรรยายของอาเธอร์ บรูคส์ ศาสตราจารย์จากฮาร์วาร์ด เขาพูดว่า “เรากดดันครูของเรามากเกินไป เพราะเราขอให้พวกเขาเปลี่ยนวิถีประวัติศาสตร์ของมนุษย์” เขาไม่รู้ว่ามันจริงอย่างยิ่ง ยกเว้นในกรณีของคุณ เราไม่กังวลเรื่องประวัติศาสตร์มนุษย์ เพราะมันคือนิรันดร เราจึงคาดหวังจากคุณมาก ชื่นชมคุณและสิ่งที่คุณทำ และยังคาดหวังผลลัพธ์นั้นเหมือนเดิม

เมื่อพูดในการประชุมใหญ่สามัญที่ผ่านมา ผมบอกว่าอยากวางมือบนบ่าผู้สอนศาสนาที่เพิ่งจบและกดความประทับใจของผมไว้ในจิตวิญญาณเขา ด้วยงานมอบหมายให้พูดกับคุณ จึงมีคำแนะนำให้ผมทำแบบนั้นที่นี่—คือให้ผมวางมือบนบ่าคุณ มองตาคุณ และแสดงความรู้สึกของผมเกี่ยวกับโอกาสและความท้าทายของคุณ เราคงไม่ทำถึงขั้นนั้น แต่ตามความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณ ถ้าผมทำ ผมอยากฟังสิ่งที่อยู่ในใจคุณที่ผมควรรู้

ผมคือผลผลิตของเซมินารีเช้าตรู่ที่ส่วนใหญ่สอนในห้องเรียนเล็กๆ แบบเคลื่อนย้ายได้ติดกับวิทยาลัยจูเนียร์แคลิฟอร์เนีย คนที่สอนเราคือผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสชาวสวีเดนซึ่งเป็นภรรยาของสมาชิกในฝ่ายอธิการและปีหลังๆ คือตายายวัยเจ็ดสิบกว่าคู่หนึ่ง—ครูทั้งสามมีคุณสมบัติเหมาะกับหน้าที่นี้มากเพราะพวกเขาทุ่มเทถึงขนาดตื่นก่อนตีห้าและเชื่อมั่นเกี่ยวกับความจริงของการฟื้นฟู ส่วนใหญ่ที่ผมรู้เกี่ยวกับพระกิตติคุณ—ผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ—ส่วนใหญ่ที่ผมรู้เกี่ยวกับพระกิตติคุณผมเรียนในเซมินารี เรื่องใหม่ๆ ส่วนใหญ่ที่ผมเรียนรู้เกี่ยวกับพระกิตติคุณตอนนี้เป็นเพียงการค้นพบสิ่งที่ครูพยายามสอนผมในตอนนั้นอีกครั้ง

เรามาเริ่มกับคำสำคัญที่สุดที่ผมนึกออกกันก่อน: ขอบคุณสำหรับสิ่งที่คุณทำและสิ่งที่คุณเป็น ขอบคุณที่เต็มใจทำงานล้ำค่ามากซึ่งเรียกร้องให้คุณเปลี่ยนหลักสูตร แผนบทเรียน และปฏิทินของคุณให้สอดคล้องกับ จงตามเรามา ไม่ค่อยมีใครในศาสนจักรเข้าใจถ่องแท้ถึงสิ่งที่เราขอให้คุณทำ ขอบคุณที่พยายามเป็นพิเศษเพื่อส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยรู้ว่าคุณกำลังขัดเกลาหลักสูตรอยู่เรื่อยๆ งานของคุณเริ่มออกผลแล้ว

จดหมายฉบับหนึ่งมาถึงสำนักงานของเราเล่าเรื่องทั่วไปว่า “ถ้าพูดตามจริง ครอบครัวฉันไม่ค่อยมีสังสรรค์ในครอบครัว เราไม่ค่อยได้อ่านพระคัมภีร์ส่วนตัว หรือกับครอบครัว หรือศึกษาพระกิตติคุณด้วยกัน เราแข็งขันในศาสนจักร แต่พักหลังนี้ ตั้งแต่ฉันอยู่ในเซมินารี ฉันสามารถแบ่งปันสิ่งที่ได้เรียนรู้จากเซมินารีกับพวกเขา ฉันเชื่อว่าเซมินารีช่วยผลักดันฉันให้อ่านพระคัมภีร์แต่ช่วยฉันผลักดันครอบครัวตัวเองด้วย”

นั่นคือความหวังใช่ไหมครับ? การให้ศาสนจักรสนับสนุนจะย้อนกลับมาเสริมสร้างการให้บ้านเป็นศูนย์กลางของศาสนจักร ขั้นตอนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูต่อเนื่อง และเป็นหลักปฏิบัติที่ได้ผล ศาสนจักรทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อพยายามเข้าใจว่าอะไรได้ผลและอะไรไม่ได้ผล คุณอยู่ตรงกึ่งกลางของหลายสิ่งที่เรารู้ว่าจะสร้างการเชื่อมต่อถาวรกับพระเจ้า

ดังนั้นขณะที่ผมวางมือบนบ่าคุณ—หรือโอบคอคุณ แล้วแต่กรณี—ผมขอเน้นบางเรื่องที่เรารู้ว่าได้ผลเพื่อคุณจะเอาส่วนสำคัญที่สุดในการสอนของคุณมาใช้ มีคนพูดว่าส่วนประกอบแรกของความสำเร็จคือการมาปรากฏตัว โดยเฉลี่ยแล้วเยาวชนที่มาเรียนเซมินารีจะมีผลลัพธ์ดีขึ้นตลอดชีวิต พวกเขามีแนวโน้มจะรับเอ็นดาวเม้นท์ เป็นผู้สอนศาสนา และแต่งงานในพระวิหารมากขึ้น คนที่เรียนเซมินารีสี่ปีจะมีการเชื่อมต่อกับพระกิตติคุณจนตัดแทบไม่ขาด สอง เมื่อเยาวชนจ่ายส่วนสิบเต็ม พวกเขาสร้างความเชื่อมโยงกับพระบิดาบนสวรรค์ที่ยังอยู่ ทุกครั้งที่เชื่อฟ้งพระบัญญัติข้อนั้นและจ่ายส่วนสิบ พวกเขาสร้างสายใยใหม่ของการเสียสละและการเชื่อมต่อ

ผมหวังว่าครูเซมินารีและสถาบันทุกคนจะปรับปรุงวิธีสอนพลังความสัมพันธ์ของส่วนสิบอยู่เสมอ พ่อผมเคยถามตอนผมอายุประมาณ 10 ขวบว่าผมจ่ายส่วนสิบตลอดหรือเปล่า ผมจ่าย แต่จ่ายน้อยมากเพราะไม่ค่อยมีการทำมาค้าขายบนถนนลูกรังที่เราอยู่ พ่อพูดต่อไปว่า “ถ้าลูกตัดสินใจจ่าย ลูกสามารถใช้ชีวิตให้ดีพร้อมในเรื่องนั้นได้” ท่านพูดว่า “เรื่องหนึ่งที่พ่อเสียใจ”—พ่อผมพูด—“คือตอนที่พ่อเป็นทหารเรืออยู่บนเรือสองสามเดือน ไม่มีที่ให้จ่ายส่วนสิบ พ่อเลยเลิกนิสัยนี้ไป พ่อจ่ายครบตั้งแต่นั้น แต่พ่อละอายใจที่ช่วงนั้นไม่ได้จ่าย ถ้าลูกตัดสินใจจ่าย ลูกก็ดีพร้อมในเรื่องนี้ได้” นักเรียนของคุณทำได้เหมือนกัน

เรื่องที่สามที่ผมอยากให้คุณสนใจซึ่งได้ผลจริงๆ คือการประชุม FSY การประชุม FSY เหล่านี้ดีมากๆ ฤดูร้อนที่ผ่านมา เยาวชนอายุ 14-18 ปีหลายคนหรือส่วนใหญ่จาก 200,000 คนทั่วโลกกลับบ้านด้วยความเข้าใจชัดเจนขึ้นและมีจุดมุ่งหมายมากขึ้นว่าพวกเขาเป็นใครและทำไมพระเจ้าทรงขอสิ่งที่ทรงขอ FSY ประสบความสำเร็จจนเราต้องถามตัวเองว่าอะไรคือเคล็ดลับ? อะไรคือผลของ FSY?

ส่วนหนึ่งคือการถอดปลั๊กผู้เข้าร่วมหนึ่งอาทิตย์จากสิ่งที่ทำให้พวกเขาเขวทุกวัน แล้วใส่พวกเขาไว้ในกรอบความคิดที่จดจ่อและรับการสอนได้ง่าย ตลอดช่วงที่พวกเขาแต่ละคนอยู่อย่างสงบในที่ปลอดภัยเหมือนเด็กอยู่บ้าน พวกเขาต้องเจอกับคุณ กับครู และผู้อำนวยการช่วงการประชุม ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเซมินารีและสถาบัน ขณะคุณเอาหลักคำสอนที่บริสุทธิ์และเป็นประโยชน์ใส่สมองพวกเขาจนพวกเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงใจ

คุณจัดเตรียมเครื่องมือที่พวกเขาต้องใช้ในขณะที่วันเสาร์พวกเขาขับไปสู่กลียุคทางวัฒนธรรมที่เป็นชีวิตพวกเขา บทเรียน แบบอย่าง และทุกอย่างที่คุณพูดจะไปอยู่ในกล่องเครื่องมือเสริมทักษะชีวิตของพวกเขา สำหรับเยาวชนบางคน FSY อาจเป็นโอกาสสุดท้ายและดีที่สุดที่พวกเขาจะสร้างสันติกับตัวเองและกับพระผู้เป็นเจ้า ขอบคุณที่ตั้งใจนำความสุดยอดทางวิญญาณ ทางปัญญา และการสอนของคุณมาให้พวกเขา งานวิจัยของศาสนจักรยืนยันว่าหนึ่งในตัวส่งเสริมการเป็นสานุศิษย์ชั่วชีวิตที่ได้ผลดีที่สุดคือความสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ที่มีศรัทธาเหมือนคุณผู้ค้นพบวิธีรับมือกับความท้าทายของชีวิตและพบปีติในพระคริสต์

ประมาณหนึ่งเดือนที่แล้วประธานบอนนี่ เอช. คอร์ดอนกับผมถูกขอให้รายงานต่อฝ่ายประธานสูงสุดเกี่ยวกับโปรแกรม FSY ว่าโปรแกรมนี้เป็นอย่างไรในสหรัฐและแคนาดาช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา เราจบการนำเสนอและตอบคำถามน่าคิดสองสามข้อเกี่ยวกับแผนที่เราจะปรับปรุงให้ดีขึ้น และดูเหมือนจะจบการประชุมแล้ว แต่พอเราเริ่มขยับตัวลุกจากเก้าอี้ ประธานเนลสันโน้มตัวมาพูดว่า “เราต้องสอนพวกเขาให้สวดอ้อนวอน” เรานั่งลงที่เดิมทันที ท่านพูดว่า “เราต้องสอนพวกเขาให้สวดอ้อนวอน สอนว่าพวกเขาสวดอ้อนวอนถึงใคร และสอนภาษาการสวดอ้อนวอน” แล้วท่านพูดต่อว่าท่านเป็นห่วงที่เราเป็นกันเองเกินไปในวิธีที่เราพูดกับพระบิดาบนสวรรค์ แล้วย้ำว่า “เราต้องสอนพวกเขาให้สวดอ้อนวอน สอนว่าพวกเขาสวดอ้อนวอนถึงใคร และสอนภาษาการสวดอ้อนวอน” ขอให้เราสอนพวกเขาสวดอ้อนวอน ทุกครั้งที่เราสวดอ้อนวอน เรากำลังอัญเชิญพระบิดาบนสวรรค์ให้เข้ามาแทรกแซงชีวิตเรา การสวดอ้อนวอนทุกครั้งคือการสวดอ้อนวอนขอปาฏิหาริย์ การสวดอ้อนวอนด้วยความสำนึกคุณทุกครั้งหวังจะทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์ลึกซึ้งขึ้น

ดังนั้นเราจะพูดถึงเครื่องมืออีกอย่างที่สร้างประจักษ์พยาน คู่มือ เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน ขอโทษครับ—เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน: คู่มือแนะแนวการเลือก ซึ่งสอนเราให้เน้นความสัมพันธ์กับพระผู้ช่วยให้รอดและการเป็นเหมือนพระองค์แทนที่จะเน้นกฎ คติพจน์เก่าแก่ที่ว่า “พระเยซูจะทรงทำอะไร?” ยังคงเป็นกฎวิเศษของชีวิต เบื้องหลังการตัดสินใจของเราไม่ใช่หนังสือเล่มเล็กอีกต่อไป แต่คือพันธกิจที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบให้เรา

ประธานเนลสันบอกเราหลายครั้งว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่จะเกิดขึ้นในโลกนี้และเหตุผลที่เราถูกสงวนให้มาในโลกเวลานี้คือการรวบรวมอิสราเอล ด้วยเหตุนี้เมื่อเรากำลังตัดสินใจว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไรเราควรมีคำถามขับเคลื่อนคือ “การตัดสินใจนี้จะช่วยหรือขัดขวางไม่ให้เราสามารถบรรลุจุดประสงค์มรรตัยของเรา?” ขณะพากเพียรดำเนินชีวิตให้คู่ควรอยู่ในกองพันของพระเจ้า เราพยายามทำการเลือกของชีวิตให้สอดคล้องกับพันธกิจของชีวิตเรา

คำถามสำหรับเราทุกคนคือ “เราเชื่อพระคริสต์หรือไม่เมื่อพระองค์ทรงเปิดเผยจุดประสงค์อันสูงส่งของเราผ่านศาสดาพยากรณ์ของพระองค์?” เพราะถ้าเราเชื่อพระองค์ เราจะอยากตัดสินใจให้ดี ท่านที่สวมเสื้อ S&I คือผู้เชี่ยวชาญการช่วยพวกเขาตอบคำถามนั้น ในโลกที่เปลี่ยนแปลงทุกวัน การบีบบังคับจะไม่คุ้มครองเรา แต่หลักธรรมพระกิตติคุณจะคุ้มครอง

เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน คู่มือแนะแนวการตัดสินใจเล่มใหม่ขอให้เยาวชนของเราฝึกใช้ชีวิตผ่านเลนส์ของความละเอียดอ่อนทางวิญญาณไม่ใช่ผ่านความละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรมที่น่ากังขา คู่มือ FSY เล่มใหมไม่ใช่การให้ผู้ใหญ่พูดทวนย้ำคุณค่าต่างๆ กับเยาวชน แต่คือการปรับวิธีดำเนินชีวิตขณะพวกเขาเรียนรู้อัตลักษณ์แท้จริงของตนในฐานะบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงมีงานให้พวกเขาทำ ทรงส่งพวกเขามาโลกนี้เพื่อจุดประสงค์บางอย่างที่จะให้ความหมายแก่ชีวิตพวกเขา เท้าของพวกเขาจะปักหลักบนดินพระกิตติคุณ

คู่มือแนะแนวการเลือกเล่มใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบที่เปิดเผยไว้หนึ่งทศวรรษมาแล้วที่ขับเคลื่อนเราให้มีความเข้มแข็งทางวิญญาณมากขึ้น; เป็นตอนล่าสุดของเรื่องราวยาวเหยียดของการฟื้นฟูซึ่งรวมถึงการขยับจากการสอนที่วอร์ดมาเป็นการสอนประจำบ้านแล้วขยับมาเป็นการปฏิบัติศาสนกิจอย่างประสบความสำเร็จ—การสังสรรค์ในครอบครัวเปลี่ยนเป็นกิจกรรมยามค่ำที่บ้าน สมาชิกทุกคนเป็นผู้สอนศาสนา การยกมาตรฐาน ปรับบทสนทนาแบบท่องจำของผู้สอนศาสนามาเป็น สั่งสอนกิตติคุณของเรา โปรแกรมเด็กและเยาวชนมาแทนลูกเสือและความก้าวหน้าส่วนบุคคล—ซึ่งเยาวชนถูกขอให้ควบคุมชีวิตฝ่ายวิญญาณของตน

ข้อกำหนดการอ่านใหม่สำหรับเซมินารีสอดคล้องกับวิธีให้พระวิญญาณทรงนำบนพื้นฐานของหลักธรรม เราขยับขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงวิธีที่สูงกว่าและศักดิ์สิทธิ์กว่าของการตัดสินใจที่มีจุดมุ่งหมายทางวิญญาณ เป็นเรื่องสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เยาวชนของเรา และตัวเราจะฝึกตัดสินใจว่าเราควรปฏิบัติตัวอย่างไรโดยปฏิบัติตามหลักธรรมศักดิ์สิทธิ์แทนที่จะพะวงกับข้อห้ามที่เจาะจง เยาวชนของเรากำลังพบเจอคำถามทางศีลธรรมซึ่งไม่เป็นคำถามเมื่อหนึ่งทศวรรษหรือสามทศวรรษก่อน ถ้าวันนี้พวกเขาเสียสมดุลโดยตัดสินใจทำรอยสัก ก็แค่รอดูว่าโลกจะใช้ค้อนตอกและใช้คีมหนีบอะไรใส่พวกเขาอีก

ประธานรัสเซลล์เอ็ม. เนลสันอธิบายวิธีทำการตัดสินใจเหล่านั้นว่า คุณจะแค่เช็คเป็นข้อๆ ไม่ได้ ท่านสอนว่า “ข้าพเจ้าสัญญากับท่านว่าหากท่านจะทำงานทางวิญญาณที่จำเป็นต่อการพัฒนาทักษะทางวิญญาณที่สำคัญยิ่งของการเรียนรู้ที่จะรับฟังสุรเสียงกระซิบของพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยความจริงใจและพากเพียร ท่านจะได้รับการนำทาง ทุกอย่าง ที่ท่านต้องการในชีวิต”1

มีเรื่องเล่าไปทั่วเกี่ยวกับเด็กสาววัย 14 ปีที่บอกแม่ในวันหลังการประชุมใหญ่สามัญว่าหนังสือเล่มใหม่ไม่ได้ห้ามเจาะหูหลายรูซะหน่อย เพราะเธอตั้งใจจะเจาะเพิ่มในวันพฤหัสบดี แม่สูดหายใจและบอกเธอว่า “ลูกรู้ว่าเรารู้สึกอย่างไรกับเรื่องนั้น นี่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เราอยากให้ลูกเราทำ แต่เป็นโอกาสที่ลูกจะทูลถามพระบิดาบนสวรรค์ว่าอยากให้ลูกทำอะไร ลูกต้องทำบางอย่าง ค้นคว้า สวดอ้อนวอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ และรอคำตอบ” เด็กสาววัย 14 ปีพบคำตอบ และแม่เปลี่ยนชีวิตเธอ

หลังกลับจากงานเผยแผ่ผมเข้าร่วมกองทัพสหรัฐ วันหนึ่งผมไปรายงานตัวที่ศูนย์ฝึกทหารใหม่โอกแลนด์เพื่อเข้ามาอยู่ในครอบครัวทหารใหม่ของผม เพื่อนใหม่ของผมต่างจากผมและแตกต่างกันเท่าที่คุณนึกภาพออก แต่อีก 24 ชั่วโมงต่อมา เราทุกคนมีผมทรงเดียวกันและแต่งเครื่องแบบเหมือนกัน คืนนั้นตอนเดินเข้าไปในบ้านพักทหาร เราทุกคนเหมือนเป็นเจ้าของ Clean One ในช่วงที่ฝึกติดกันหลายเดือน ผมบอกไม่ได้เลยว่าใครเป็นใครในศูนย์ฝึกทหารใหม่ เราฝึกด้วยกัน บ่นด้วยกัน และปรับทุกข์ด้วยกัน ไม่มีชาวใดๆ ในหมู่พวกเรา ผมเรียนรู้บทเรียนชั่วชีวิตเกี่ยวกับความสำคัญของเครื่องแบบว่า สิ่งที่เราสวมใส่จะทำให้เราแตกแยกหรือเป็นหนึ่งก็ได้ เสื้อผ้าบ่งบอกว่าเราอยู่ฝ่ายใครและจะคาดหวังอะไรจากผู้สวมใส่

ผมเพิ่งอ่านเรื่องหมอทหารเรือคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ยิงต่อสู้ในตะวันออกกลาง เขาแบกทหารที่บาดเจ็บหลายนายไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์แล้วกลับมาสนามรบอีกรอบ แล้วแบกทหารที่บาดเจ็บไปอีก ทหารพันธมิตรบางนายเย้ยเขาว่า “นี่ ทหาร”—พวกเขาตั้งใจจะเย้ยหยัน—“นี่ ทหาร ไม่เห็นหรือว่าตัวเองกำลังแบกศัตรูคนหนึ่งอยู่?” เขาตอบเพียงว่า “ก็ผมเป็นทหารไง คุณไม่เห็นหรือว่าเขาบาดเจ็บอยู่?” เครื่องแบบของเขาแทนบางอย่างที่เหนือกว่า

ศาสดาพยากรณ์ได้เชื้อเชิญเยาวชนเหล่านี้ให้ร่วมกองพันของพระเจ้า เมื่อคุณเป็นทหาร คุณสวมเครื่องแบบ เมื่อมีอันตรายหรือภัยพิบัติ เครื่องแบบของกองพันบอกประชาชนว่าความช่วยเหลือมาถึงแล้ว ทหารที่ชอบธรรมปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ มีคนโปรยดอกไม้ตามทาง มีน้ำตา ความช่วยเหลือมาถึงแล้ว ผู้สอนศาสนาสวมเครื่องแบบ กองทัพของพระผู้เป็นเจ้าทำได้ดีที่สุดในสิ่งที่พวกเขาถูกส่งมาทำเมื่อโดดเด่นออกมาสักนิดจากบรรดาคนที่พวกเขาถูกส่งมาปลดปล่อย

คู่มือกล่าวว่า “พระองค์ทรงทราบ”—พูดถึงพระบิดาบนสวรรค์—“พระองค์ทรงทราบว่าท่านสามารถสร้างความแตกต่างในโลกได้ ซึ่งในหลายกรณีท่านจำเป็นต้องแตกต่างจากโลก”2

ขณะอยู่ในกองทัพ ผมกับเพื่อนชื่อริชลาพักไปเยรูซาเล็มด้วยกัน ขณะเราเดินไปตามถนนของเยรูซาเล็มในชุดกางเกงลีไวกับเสื้อกอล์ฟ เจ้าของร้านอาหรับพูดว่าเรามาจากศูนย์เยรูซาเล็มบีวายยู เราบอกเขาว่าไม่ใช่ เราเป็นแค่ทหารอเมริกันสองนาย

“ใช่ แต่คุณอยู่กับศูนย์เยรูซาเล็มด้วย”

“อะไรทำให้คุณคิดแบบนั้นครับ?”

“เห็นแต่ไกลเราก็จำได้แล้ว”

เรามองหน้ากัน เราดูเหมือนทหารชาวอิสราเอลที่เดินผ่านเราไปไม่มีผิด พวกเขาสวมเครื่องแบบทหารเหมือนเรา—ทรงผมเหมือนเรา ทุกอย่างเหมือนเรา แต่เห็นชัดว่ามีบางอย่างไม่เหมือน

ทุกยุคทุกสมัยผู้ติดตามพระเจ้าส่วนใหญ่อาศัยอยู่ท่ามกลางคนที่มีวัฒนธรรม ค่านิยม และลำดับความสำคัญต่างจากเรา แล้วเราจะเคารพเพื่อนบ้านได้อย่างไรขณะตั้งใจดำเนินชีวิตตามวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของพระกิตติคุณ? เราถูกขอให้เป็นแสงสว่างในโลกขณะพระเจ้าทรงรวบรวมอิสราเอลครั้งสุดท้ายเพื่อเตรียมรับการเสด็จกลับของพระองค์ บ่อยครั้งสมาชิกศาสนจักรมีแสงสว่างที่ตัวเองมองไม่เห็นแต่คนอื่นเห็น ผมคิดว่าที่พวกเขาเห็นคือแสงสว่างของพระคริสต์ บางครั้งริบหรี่ แต่ส่องออกมาผ่านตัวตนที่ตกแล้วของเรา พระคริสต์ทรงเป็นความเข้มแข็งของเยาวชน สิ่งใดที่ทำให้เราเฉออกหรือลดหรืออำพรางหรือบังแสงนั้นจะทำลายจุดประสงค์ของการเกิดมาเวลานี้

คู่มือ เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน จะช่วยให้เรามีแสงนั้นเมื่อเราแสวงหาการดลใจว่าจะทำอย่างไรให้บรรลุจุดประสงค์ที่ทรงกำหนดมากที่สุดผ่านชีวิตเราและการตัดสินใจใช้ชีวิตของเรา การถูกส่งมาเป็นประชากรอันเป็นกรรมสิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าคือคำชม อาจหมายถึงการโดดเด่นจากฝูงชนขณะเราถ่ายทอดผ่านการเลือกของเราว่าเราติดตามใคร งานของเราในการศึกษาของศาสนจักร ในโปรแกรมเด็กและเยาวชน และในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลกไม่ใช่แค่กันไม่ให้คนรุ่นนี้สูญเสียศรัทธาและหลงใช้ชีวิตในแบบที่ไม่คู่ควรกับพวกเขาเท่านั้น แต่ศาสดาพยากรณ์กำลังขอให้เยาวชนชายหญิงปฏิรูปโลกใบนี้เท่าที่จะสามารถทำได้

ศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้ากำลังเรียกสตรีที่สามารถลุกขึ้นมาเป็นผู้นำในโลกที่สตรีจำนวนมากจะยืนกรานโดยชอบที่จะยืนในตำแหน่งอันชอบธรรมของตนด้วยความตั้งใจจะมีความสำคัญและมีอิทธิพลในโลกนี้ แต่ความเลื่อมใสทางศาสนาของพวกเธอดูเหมือนจะขัดกับความปรารถนาอันมีความหมายของหลายคน ทว่าสตรีแห่งไซอันจะห่อหุ้มตนเองไว้ในพลังอำนาจของความเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าและจะเคลื่อนศูนย์กลาง

พระองค์ทรงต้องการให้เราสร้างคนที่มีพลังมาก มีคุณลักษณะครบถ้วนของบุตรพระผู้เป็นเจ้าตามที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ ชีวิตบนโลกมีแม่ทัพโมโรไนแค่คนเดียวหรือ? ผมไม่ได้ยินประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันพูดแบบนั้นเมื่อท่านกล่าวถึงคนชั้นหนึ่งรุ่นนี้ ท่านประกาศกับพวกเขาว่า “พระบิดาบนสวรรค์ของเราทรงเก็บรักษาดวงวิญญาณที่สูงส่งที่สุดหลายดวงของพระองค์—บางที … เป็นทีมที่ดีที่สุดของพระองค์—สำหรับระยะสุดท้ายนี้ ดวงวิญญาณที่สูงส่งเหล่านั้น—ผู้เล่นที่ดีที่สุดเหล่านั้น วีรบุรุษวีรสตรีเหล่านั้น—คือ ท่าน!”3

ขอบคุณอีกครั้งที่คุณเป็นพลังให้เยาวชนของศาสนจักรและอาณาจักรนี้ของพระเจ้าเกิดการเปลี่ยนใจเลื่อมใสอันยั่งยืน ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน