2016
การฟื้นคืนชีวิต—จุดเริ่มต้นของความเป็นอมตะ
มีนาคม 2016


จนกว่าเราจะพบกันอีก

การฟื้นคืนชีวิต—จุดเริ่มต้นของความเป็นอมตะ

จาก “การฟื้นคืนชีวิต,” เลียโฮนา, ก.ค. 2000, 17–20

ความตายไม่ใช่บทสรุปอัตลักษณ์ของเรา

ภาพ
Resurrected Christ

พระคริสต์ผู้ฟื้นคืนพระชนม์, โดยโรเบิร์ต ที. แบร์เรตต์

ข้าพเจ้ายังสงสัยว่าเราซาบซึ้งอย่างเต็มที่ถึงความสำคัญอย่างยิ่งยวดเกี่ยวกับความเชื่อของเราในการฟื้นคืนชีวิตที่เป็นสากลและจริงแท้แน่นอนหรือไม่ … ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธประกาศดังนี้

“หลักธรรมพื้นฐานของศาสนาเราคือประจักษ์พยานของอัครสาวกและศาสดาพยากรณ์เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ ว่าพระองค์สิ้นพระชนม์ ทรงถูกฝัง ทรงคืนพระชนม์อีกครั้งในวันที่สาม และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ เรื่องอื่นทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับศาสนาเราล้วนเป็นเพียงส่วนประกอบของเรื่องดังกล่าว” [ดู คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ (2007), 52–53]

ในบรรดาเรื่องราวการปฏิบัติศาสนกิจอันรุ่งโรจน์ทั้งหมด เหตุใดศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธจึงใช้ประจักษ์พยานเรื่องการสิ้นพระชนม์ การฝัง และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระผู้ช่วยให้รอดเป็นหลักธรรมพื้นฐานของศาสนาของเรา … เราหาคำตอบนี้ได้จากข้อเท็จจริงที่ว่า การฟื้นคืนพระชนม์ของพระผู้ช่วยให้รอดเป็นศูนย์กลางของสิ่งที่ศาสดาพยากรณ์เรียกว่า “แผนอันสำคัญยิ่งและเป็นนิรันดร์แห่งการปลดปล่อยจากความตาย” (2 นีไฟ 11:5)

ในการเดินทางสู่ความเป็นนิรันดร์ของเรา การฟื้นคืนชีวิตเป็นป้ายบอกทางขนาดใหญ่ที่แสดงจุดสิ้นสุดของความเป็นมรรตัยและจุดเริ่มต้นของความเป็นอมตะ … เรารู้จากการเปิดเผยในปัจจุบันด้วยว่า หากวิญญาณและร่างกายของเราไม่กลับมารวมกันอีกครั้งในการฟื้นคืนชีวิต เราจะได้รับ “ความสมบูรณ์แห่งปีติ” ไม่ได้ (คพ. 93:33–34) …

“ความหวังที่ยั่งยืน” ที่เราได้รับจากการฟื้นคืนชีวิต [ดู 1 เปโตร 1:3] คือความมั่นใจว่าความตายไม่ใช่บทสรุปอัตลักษณ์ของเราแต่เป็นเพียงขั้นตอนที่จำเป็นในการเปลี่ยนจุดหมายที่กำหนดไว้แล้วจากความเป็นมรรตัยสู่ความเป็นอมตะ ความหวังเช่นนี้เปลี่ยนแปลงมุมมองทั้งหมดของชีวิตมรรตัย …

ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นคืนชีวิตให้ความเข้มแข็งและมุมมองแก่เราที่จะอดทนต่อความท้าทายของชีวิตมรรตัยที่เราแต่ละคนอีกทั้งคนที่เรารักประสบ ไม่ว่าจะเป็นความบกพร่องทางกาย จิตใจ หรืออารมณ์ที่เราเป็นมาแต่กำเนิดหรือได้มาในช่วงชีวิตมรรรตัย เพราะการฟื้นคืนชีวิต เราจึงรู้ว่าความบกพร่องในชีวิตมรรตัยเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น!

ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นคืนชีวิตยังเป็นแรงผลักดันอันทรงพลังแก่เราที่จะรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าในช่วงชีวิตมรรตัยของเรา การฟื้นคืนชีวิตมีความหมายมากกว่าการรวมกันของวิญญาณและร่างกายที่ถูกปิดกั้นไว้ในหลุมศพ … ศาสดาพยากรณ์อมิวเล็คสอนว่า “วิญญาณเดียวกันนั้นซึ่งครอบครองร่างกายของท่านในเวลาที่ท่านออกไปจากชีวิตนี้, วิญญาณเดียวกันนั้นจะมีพลังครอบครองร่างของท่านในโลกนิรันดร์นั้น” (แอลมา 34:34) …

ความเชื่อมั่นที่ว่าการฟื้นคืนชีวิตยังรวมถึงโอกาสที่จะได้อยู่กับสมาชิกในครอบครัวของเรา—สามี ภรรยา คุณพ่อคุณแม่ พี่น้องชายหญิง ลูกและหลาน—เป็นกำลังใจยิ่งสำหรับเราที่จะทำหน้าที่รับผิดชอบของครอบครัวเราให้เกิดสัมฤทธิผลในความเป็นมรรตัย ซึ่งช่วยให้เราอาศัยอยู่ร่วมกันด้วยความรักในชีวิตนี้ โดยหวังว่าจะได้เจอกันและสมาคมกันอย่างเบิกบานใจในชีวิตหน้า