พระคัมภีร์
๓ นีไฟ 20


บทที่ ๒๐

พระเยซูทรงจัดเตรียมขนมปังและเหล้าองุ่นอย่างปาฏิหาริย์และทรงปฏิบัติพิธีศีลระลึกให้แก่ผู้คนอีก—พวกผู้ที่เหลืออยู่ของยาโคบจะเข้าถึงความรู้เรื่องพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาและจะรับดินแดนในทวีปอเมริกาเป็นมรดก—พระเยซูทรงเป็นศาสดาพยากรณ์ดังเช่นโมเสส, และชาวนีไฟเป็นลูกหลานของศาสดาพยากรณ์—พระเจ้าจะทรงรวมผู้คนอื่น ๆ ของพระองค์ที่เยรูซาเล็ม. ประมาณ ค.ศ. ๓๔.

และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือพระองค์ทรงสั่งฝูงชนให้หยุดสวดอ้อนวอน, และสานุศิษย์ของพระองค์ด้วย. และพระองค์ทรงสั่งพวกเขาไม่ให้หยุดสวดอ้อนวอนในใจ.

และพระองค์ทรงสั่งพวกเขาให้ลุกขึ้นยืน. และพวกเขาลุกขึ้นยืน.

และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือพระองค์ทรงหักขนมปังอีกและทรงอวยพร, และให้สานุศิษย์กิน.

และเมื่อพวกท่านกินแล้วพระองค์ทรงสั่งพวกท่านให้หักขนมปัง, และให้แก่ฝูงชน.

และเมื่อพวกท่านให้ฝูงชนแล้วพระองค์ทรงให้เหล้าองุ่นพวกท่านดื่มด้วย, และทรงสั่งพวกท่านว่าพวกท่านควรให้แก่ฝูงชน.

บัดนี้, ทั้งสานุศิษย์, และฝูงชน, ไม่ได้เอาขนมปัง, และเหล้าองุ่นมา;

แต่พระองค์ทรงให้ขนมปังคนเหล่านี้กินจริง ๆ, และให้เหล้าองุ่นดื่มด้วย.

และพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า : คนที่กินขนมปังนี้กินร่างกายเราเพื่อจิตวิญญาณเขา; และคนที่ดื่มเหล้าองุ่นนี้ดื่มโลหิตเราเพื่อจิตวิญญาณเขา; และจิตวิญญาณเขาจะไม่หิวหรือกระหาย, แต่จะอิ่ม.

บัดนี้, เมื่อฝูงชนกินและดื่มกันทุกคนแล้ว, ดูเถิด, พวกเขาเปี่ยมไปด้วยพระวิญญาณ; และพวกเขาร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน, และน้อมสรรเสริญพระเยซู, ผู้ที่พวกเขาทั้งเห็นและได้ยิน.

๑๐ และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้นคือเมื่อพวกเขาน้อมสรรเสริญพระเยซูกันทุกคนแล้ว, พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า : ดูเถิดบัดนี้เราทำให้บัญญัติซึ่งพระบิดาทรงบัญชาเราเกี่ยวกับคนเหล่านี้ลุล่วง, ซึ่งเป็นพวกหนึ่งที่เหลืออยู่ของเชื้อสายแห่งอิสราเอล.

๑๑ เจ้าคงจำได้ว่าเราพูดกับเจ้า, และกล่าวว่าเมื่อถ้อยคำของอิสยาห์จะเกิดสัมฤทธิผล—ดูเถิดมันมีเขียนไว้, เจ้ามีอยู่ต่อหน้าเจ้า, ฉะนั้นจงค้นคว้ามัน—

๑๒ และตามจริงแล้ว, ตามจริงแล้ว, เรากล่าวแก่เจ้า, ว่าเมื่อมันเกิดสัมฤทธิผลจึงเป็นการทำให้พันธสัญญาซึ่งพระบิดาทรงทำไว้กับผู้คนของพระองค์สมบูรณ์, โอ้เชื้อสายแห่งอิสราเอล.

๑๓ และแล้วพวกที่เหลืออยู่, ซึ่งจะกระจัดกระจายกันอยู่ทั่วไปบนพื้นพิภพ, เราจะนำมารวมกันจากตะวันออกและจากตะวันตก, และจากทางใต้และจากทางเหนือ; และจะนำพวกเขามาสู่ความรู้เรื่องพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา, ซึ่งทรงไถ่พวกเขา.

๑๔ และพระบิดาทรงบัญชาเราว่าให้เรามอบแผ่นดินนี้แก่เจ้า, เพื่อเป็นมรดกของเจ้า.

๑๕ และเรากล่าวแก่เจ้า, ว่าหากคนต่างชาติไม่กลับใจหลังจากพรที่พวกเขาจะได้รับ, หลังจากที่ทำให้ผู้คนของเรากระจัดกระจายไปแล้ว—

๑๖ เมื่อนั้นเจ้า, ผู้เป็นพวกหนึ่งที่เหลืออยู่แห่งเชื้อสายแห่งยาโคบ, จะออกไปในบรรดาคนเหล่านั้น; และเจ้าจะอยู่ท่ามกลางพวกเขาซึ่งมีเป็นอันมาก; และเจ้าจะอยู่ในบรรดาพวกเขาดังสิงห์อยู่ท่ามกลางฝูงสัตว์ในป่า, และดังสิงห์หนุ่มอยู่ท่ามกลางฝูงแกะ, ซึ่ง, หากมันเข้าไปก็จะทั้งเหยียบย่ำและฉีกเป็นชิ้น ๆ, และไม่มีใครจะปลดปล่อยได้.

๑๗ มือเจ้าจะยกอยู่เหนือปฏิปักษ์ของเจ้า, และศัตรูทั้งหมดของเจ้าจะถูกตัดขาด.

๑๘ และเราจะรวมผู้คนของเราเข้าด้วยกันดังคนรวมฟ่อนข้าวบนลานนวดข้าว.

๑๙ เพราะเราจะทำให้ผู้คนของเราซึ่งพระบิดาทรงทำพันธสัญญาด้วย, แท้จริงแล้ว, เราจะทำให้เขาของเจ้าเป็นเหล็ก, และเราจะทำให้กีบของเจ้าเป็นทองเหลือง. และเจ้าจะทุบตีคนเป็นอันมากเป็นชิ้น ๆ; และเราจะอุทิศข้าวของที่ได้มาของพวกเขาถวายพระเจ้า, และทรัพย์สินของพวกเขาถวายพระเจ้าของทั้งแผ่นดินโลก. และดูเถิด, เราคือผู้นั้นที่ทำการนี้.

๒๐ และเหตุการณ์จะบังเกิดขึ้น, พระบิดาตรัส, คือดาบแห่งความยุติธรรมของเราจะเงือดเงื้ออยู่เหนือพวกเขาในวันนั้น; และเว้นแต่พวกเขากลับใจมันจะฟาดฟันลงบนพวกเขา, พระบิดาตรัส, แท้จริงแล้ว, แม้บนประเทศทั้งปวงของคนต่างชาติ.

๒๑ และเหตุการณ์จะบังเกิดขึ้นคือเราจะสถาปนาผู้คนของเรา, โอ้เชื้อสายแห่งอิสราเอล.

๒๒ และดูเถิด, เราจะสถาปนาคนเหล่านี้ในแผ่นดินนี้, เพื่อให้พันธสัญญาซึ่งเราทำไว้กับยาโคบบิดาเจ้าสมบูรณ์; และมันจะเป็นเยรูซาเล็มใหม่. และเดชานุภาพแห่งสวรรค์จะอยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้; แท้จริงแล้ว, แม้เราจะอยู่ท่ามกลางเจ้า.

๒๓ ดูเถิด, เราคือคนที่โมเสสพูดถึง, ว่า : พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของท่านจะทรงยกศาสดาพยากรณ์ผู้หนึ่งจากพี่น้องของท่านขึ้นมาให้ท่าน, ซึ่งเหมือนข้าพเจ้า; เพื่อจะได้ยินจากผู้นั้นในสิ่งทั้งปวงไม่ว่าเรื่องใดก็ตามที่ผู้นั้นจะกล่าวแก่ท่าน. และเหตุการณ์จะบังเกิดขึ้นคือทุกคนที่จะไม่ฟังศาสดาพยากรณ์ผู้นั้นจะถูกตัดขาดจากบรรดาผู้คน.

๒๔ ตามจริงแล้วเรากล่าวแก่เจ้า, แท้จริงแล้ว, และศาสดาพยากรณ์ทั้งหมดนับแต่แซมิวเอลและคนอื่น ๆ ต่อจากนั้นมา, มากเท่าที่พูดไว้, เป็นพยานถึงเรา.

๒๕ และดูเถิด, เจ้าเป็นลูกหลานของศาสดาพยากรณ์; และเจ้าเป็นของเชื้อสายแห่งอิสราเอล; และเจ้าอยู่ในพันธสัญญาซึ่งพระบิดาทรงทำกับบรรพบุรุษเจ้า, โดยตรัสกับอับราฮัม : และในพงศ์พันธุ์เจ้าทุกตระกูลของแผ่นดินโลกจะได้รับพร.

๒๖ พระบิดาโดยที่ทรงยกเราขึ้นมาให้แก่เจ้าก่อน, และทรงส่งเรามาให้พรเจ้าในการทำให้เจ้าทุกคนหันหลังให้ความชั่วช้าสามานย์ของตน; และนี่เพราะเจ้าเป็นลูกหลานแห่งพันธสัญญา—

๒๗ และหลังจากที่เจ้าได้รับพรแล้วพระบิดาจึงจะทรงให้พันธสัญญาซึ่งพระองค์ทรงทำกับอับราฮัมสมบูรณ์, โดยตรัสว่า : ในพงศ์พันธุ์เจ้าทุกตระกูลของแผ่นดินโลกจะได้รับพร—จนถึงการหลั่งเทพระวิญญาณบริสุทธิ์ผ่านเราลงบนคนต่างชาติ, ซึ่งพรที่มีกับคนต่างชาติจะทำให้พวกเขายิ่งใหญ่เหนือคนทั้งปวง, จนทำให้ผู้คนของเรากระจัดกระจายไป, โอ้เชื้อสายแห่งอิสราเอล.

๒๘ และพวกเขาจะเป็นแส้หวดผู้คนของแผ่นดินนี้. กระนั้นก็ตาม, เมื่อพวกเขาจะได้รับความสมบูรณ์แห่งกิตติคุณของเรา, จากนั้นหากพวกเขาทำใจแข็งกระด้างกับเรา เราจะส่งความชั่วช้าสามานย์ของพวกเขากลับไปบนศีรษะของพวกเขาเอง, พระบิดาตรัส.

๒๙ และเราจะระลึกถึงพันธสัญญาซึ่งเราทำกับผู้คนของเรา; และเราทำพันธสัญญากับพวกเขาว่าเราจะรวบรวมพวกเขาในเวลาอันเหมาะสมของเรา, ว่าเราจะให้แผ่นดินของบรรพบุรุษพวกเขาแก่พวกเขาอีกเพื่อเป็นมรดกของพวกเขา, ซึ่งคือแผ่นดินแห่งเยรูซาเล็ม, ซึ่งคือแผ่นดินที่สัญญาจะให้พวกเขาตลอดกาล, พระบิดาตรัส.

๓๐ และเหตุการณ์จะบังเกิดขึ้นคือเวลาจะมาถึง, เมื่อจะสั่งสอนความสมบูรณ์แห่งกิตติคุณของเราแก่พวกเขา;

๓๑ และพวกเขาจะเชื่อในเรา, ว่าเราคือพระเยซูคริสต์, พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า, และจะสวดอ้อนวอนพระบิดาในนามของเรา.

๓๒ เมื่อนั้นยามของพวกเขาจะเปล่งเสียง, และพวกเขาจะขับขานเป็นเสียงเดียวกัน; เพราะพวกเขาจะเห็นด้วยตาตนเอง.

๓๓ เมื่อนั้นพระบิดาจะทรงรวบรวมพวกเขาด้วยกันอีก, และประทานเยรูซาเล็มให้พวกเขาเพื่อเป็นแผ่นดินแห่งมรดกของพวกเขา.

๓๔ เมื่อนั้นพวกเขาจะลิงโลดด้วยปีติ—จงพร้อมใจกันร้องเพลง, เจ้าที่รกร้างของเยรูซาเล็ม; เพราะพระบิดาทรงปลอบโยนผู้คนของพระองค์แล้ว, พระองค์ทรงไถ่เยรูซาเล็มแล้ว.

๓๕ พระบิดาทรงเผยพระพาหุอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ในสายตาของประชาชาติทั้งปวง; และทั่วสุดแดนแผ่นดินโลกจะเห็นการช่วยให้รอดของพระบิดา; และพระบิดากับเราเป็นหนึ่ง.

๓๖ และแล้วเรื่องจะเกิดขึ้นซึ่งเขียนไว้ว่า : จงตื่นเถิด, จงตื่นอีกครั้งเถิด, และสวมกำลังของเจ้า, โอ้ไซอัน; จงสวมอาภรณ์ที่สวยงามของเจ้า, โอ้เยรูซาเล็ม, นครศักดิ์สิทธิ์, เพราะนับแต่นี้ไปก็จักหาได้มีผู้ไม่เข้าสุหนัตและผู้ไม่สะอาดมาสู่เจ้าอีกต่อไปเลย.

๓๗ จงสลัดตัวเจ้าออกจากภัสมธุลี; จงลุกขึ้น, จงนั่งลง, โอ้เยรูซาเล็ม; จงปลดปล่อยตนเองจากโซ่ตรวนที่คอเจ้า, โอ้ธิดาผู้เป็นเชลยแห่งไซอัน.

๓๘ เพราะพระเจ้าตรัสดังนี้ : เจ้าขายตัวไปเปล่า ๆ, และเจ้าจะได้รับการไถ่โดยไม่ใช้เงินตรา.

๓๙ ตามจริงแล้ว, ตามจริงแล้ว, เรากล่าวแก่เจ้า, ว่าผู้คนของเราจะรู้จักชื่อของเรา; แท้จริงแล้ว, ในวันนั้นพวกเขาจะรู้ว่าเราคือคนที่พูด.

๔๐ และจากนั้นพวกเขาจะกล่าวว่า : งดงามเพียงใดเล่าบนภูเขาคือเท้าของผู้ซึ่งนำข่าวประเสริฐมาสู่พวกเขา, ซึ่งประกาศสันติ; ซึ่งนำข่าวประเสริฐแห่งความดีมาสู่พวกเขา, ซึ่งประกาศความรอด; ซึ่งกล่าวแก่ไซอันว่า : พระผู้เป็นเจ้าของเจ้าทรงปกครอง !

๔๑ และแล้วจะมีเสียงร้องออกไปว่า : เจ้าจงออกไป, เจ้าจงออกไป, เจ้าจงไปจากที่นั่น, อย่าแตะต้องสิ่งที่ไม่สะอาด; เจ้าจงออกไปจากท่ามกลางมัน; เจ้าที่ถือภาชนะของพระเจ้าจงสะอาด.

๔๒ เพราะเจ้าจะไม่ออกไปด้วยความรีบร้อนหรือหนีไป; เพราะพระเจ้าจะทรงไปเบื้องหน้าเจ้า, และพระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอลจะทรงเป็นหน่วยระวังหลังของเจ้า.

๔๓ ดูเถิด, ผู้รับใช้ของเราจะทำงานด้วยปัญญาสุขุม; ท่านจะได้รับการเชิดชูและยกย่องและจะสูงส่งมาก.

๔๔ ดังที่คนเป็นอันมากฉงนต่อท่านฉันใด—หน้าตาของท่านเสียโฉม, เกินกว่าผู้ใด, และร่างกายของท่านเสียโฉมกว่าบรรดาบุตรของมนุษย์—

๔๕ ท่านก็จะโปรยปรายบรรดาประชาชาติเป็นอันมากฉันนั้น; บรรดากษัตริย์จะปิดปากเพราะท่านคนนั้น, เพราะพวกเขาจะเห็นสิ่งที่ไม่มีใครบอกพวกเขา; และพวกเขาจะเข้าใจสิ่งที่ไม่เคยได้ยิน.

๔๖ ตามจริงแล้ว, ตามจริงแล้ว, เรากล่าวแก่เจ้า, สิ่งทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน, แม้ดังที่พระบิดาทรงบัญชาเรา. เมื่อนั้นพันธสัญญานี้ซึ่งพระบิดาทรงทำพันธสัญญากับผู้คนของพระองค์จะสมบูรณ์; และจากนั้นเยรูซาเล็มจะมีผู้คนของเราอาศัยอยู่อีก, และจะเป็นแผ่นดินแห่งมรดกของพวกเขา.