คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 47: ‘สรรเสริญบุรุษ’: ศาสดายุคสุดท้าย เป็นพยานถึงศาสดาโจเซฟ สมิธ


บทที่ 47

“สรรเสริญบุรุษ”: ศาสดายุคสุดท้าย เป็นพยานถึงศาสดาโจเซฟ สมิธ

“ศาสดาโจเซฟ สป็ธ…ได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้า โดยสุรเสียง ของพระผู้เป็นเจ้าพระองค์เอง เพื่อเปีดสมัยการประทานของพระกิตติคุฌให้โลกเป็นครั้งสุดท้าย” (โจเซฟ เอฟ. สมิธ)

จากชีวิตฃองโจเซฟ สมิธ

หลังจากการเสียชีวิตของศาสดาโจเซฟ สมิธและไฮรัมพี่ชาย สมาชิกโควรัม อัครสาวกสิบสองที่เดินทางไปเปีนผู้สอนศาสนาในสหรัฐก็รีบกลับนอวูทันที สมาชิกอัครสาวกสิบสองเรียกประชุมสิทธิชนเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1844 บริลัม ยังก์ ประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองพูดที่การประชุมดังกล่าว ขณะที่ท่าน พูด เกิดเหตุการณ์ประหลาดอย่างหนึ่งที่สิทธิชนจำนวนมากเห็นเปีนพยาน น่า อัศจรรย์อย่างยิ่งที่ประธานยังก์มีท่าทางและเสียงเหมือนโจเซฟ สมิธ “ถ้าโจเซฟ ลุกขึ้นจากความตายและพูดลับพวกเขาอีกครั้ง” จอร์จ คิว. แคนนอนกล่าว “คงจะไม่ทำให้คนที่อย่ในการประชุมนั้นตกตะลึงเท่าครั้งนี้ นั่นคือเสียงของโจเซฟ และไม่เพียงได้ยินเสียงของโจเซฟเท่านั้น แต่ในสายตาทุกคู่มองเห็นประ หนึ่งว่าบุคคลที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาเปีนโจเซฟจริงๆ เราไม่เคยได้ยินว่ามืเหตุการณ์ใดน่าอัศจรรย์และวิเศษเท่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นต่อหน้าผู้เข้าร่วมประชุม พระเจ้าประทานประจักษ์พยานให้ผู้คนของพระองค์จนไม่มืที่ว่างให้แกก่ความ สงสัยใดๆ ในคนที่พระผู้เปีนเจ้าทรงเลือกให้นําพวกเขา”1

ก่อนจบการประชุม สิทธิชนออกเสียงให้อัครสาวกสิบสองเปีนประธานดูแล พวกเขา อีกสามปีเศษต่อมา ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1847 มีการจัดตั้งฝ่าย ประธานสูงสุดอีกครั้งโดยบริคัม ยังค์ ได้รับการสนับสนุนเปีนประธานของศาสนาจักร

นับแต่เวลาของบริคัม ยังก์ ศาสดาแต่ละท่านที่เปีนประธานดูแลศาสนาจักร ต่างเปีนพยานถึงพันธกิจอันน่าทึ่งของศาสดาโจเซฟ สมิธ โจเซฟ สมิธได้รับ เลือกในสภาแห่งสวรรค์ให้เป็นศาสดาและผู้พยากรณ์ที่ยิ่งใหญ่ของยุคสุดท้าย พันธกิจของท่านสำคัญมากจนศาสดาสมัยโบราณต้องบอกไว้ล่วงหน้า รวมทั้งโยเซฟศาสดาสมัยพันธสัญญาเดิมผู้ถูกขายไปในอียิปต์ โยเซฟแห่งอียิปต์เป็นผู้ พยากรณ์ต้วย และท่านพยากรณ์อย่างละเอียดเกี่ยวกับโจเซฟ สมิธ

“พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าจะทรงยกผู้พยากรณ์ผู้หนึ่งขึ้นมาให้ผล ของเอวของข้าพเจ้า… และชื่อของห่านจะถูกเรียกตามข้าพเจ้า และจะเป็น ตามชื่อของบิดาของท่าน และท่านจะเป็นเหมือนกับข้าพเจ้า เพราะเรื่องที่ พระเจ้าจะทรงน่าออกมาโดยมือของท่านโดยอำนาจของพระเจ้า จะนําผู้คนของ ข้าพเจ้าไปสู่ความรอด” (2 นีไฟ 3:6, 15; ดู 2 นีไฟ 3:6–22 ต้วย)2

ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1834 โจเซฟ สบิธ ซีเนียร์ให้พรศาสดาโจเซฟโดย ยืนยันว่าท่านคือผู้พยากรณ์ที่โยเซฟสมัยก่อนพยากรณ์ไว้ “ฟ่ออวยพรเจ้าต้วย พรของอับราฮัม อิสอัค และยาโคมบรรพบุรุษของเจ้า และแน้พรของคุณฟ่อ โยเซฟ บุตรชายของยาโคม ดูเกิด เขาดูแลลูกหลานของเขาในวันเวลาสุดท้าย … เขาเพียรพยายามเพื่อให้รู้ว่าบุตรชายผู้จะนําพระอำของพระเจ้าออกมาจะมา จากที่ใด เพื่อลูกหลานจะไต้รับความสว่างและถูกนํากลับสู่คอกที่แท้จริง และ ดวงตาของเขาเํฟ้าดูเจ้า บุตรชายของพ่อ ใจเขาปลื้มปีติและจิตวิญญาณของเขา พอใจ และเขากล่าวว่า…‘จะมืผู้พยากรณ์ ที่ประเสริฐออกมาจากพงศ์พันธุของ เรา ผู้กระจัดกระจายอยู่กับคนต่างชาติ… ผู้ที่ใจของเขาบุ่งหมายปัญญาอันยิ่ง ใหญ่ สติปัญญาของเขาครอบคลุมและเข้าใจเรื่องลึกซึ้งของพระผู้เป็นเจ้า และ ปากของเขาจะเอ่ยกฎของคนเที่ยงธรรม่’… เจ้าจะถือกุญแจแท่งการปฏิบัติ ศาสนกิจนี้ แห้ฝ่ายประธานของศาสนาจักรนี้ ทั้งในกาลเวลาและในนิรันดร”3

โดยผ่านใจเซฟ สบิธ ผู้พยากรณ์ที่ประเสริฐของยุคสุดท้าย หลักคำสอนและ พิธีการเพื่อความรอดในพระกิตติคุณไต้รับการเปีดเผย และศาสนาจักรที่แท้จริง ของพระเยซูคริสต์ไต้รับการสถาปนาอีกครั้งบนแผ่นดินโลก ประจักษ์พยานของ เหล่าศาสดายุคโบราณและปัจจุบันต่างประกาศเป็นเสียงเดียวกันว่าใจเซฟ สบิธ คือเครื่องมือซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงฟ้นฟูความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณเพื่อเป็น พรของ “ครอบครัวมนุษย์ทั้งปวง จากนิรันดรสู่นิรันดร” โดยผ่านท่าน”4

ประจักษ์พยานฃองศาสดายุคสุดท้าย

โจเซฟ สมิธได้รับแต่งตั้งล่วงหน้าสู่การเรียกเป็นศาสดาของท่าน

ประธานบริคัม ย์งค์ “เป็นประกาศิตในสภา ของนิรันดร นานมาแล้วก่อนการวางรากฐานของ แผ่นดินโลกว่า [โจเซฟ สมิธ] ควรเป็นผู้นำพระ คำของพระผู้เป็นเจ้ามาให้ผู้คนในสมัยการประทานสุดท้ายของโลกนี้ และรับความสมบูรณ์ของ กุญแจและพลังอำนาจแห่งฐานะปุโรหิตของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงดูแลท่าน ทรง ดูแลบิดาของท่าน ทรงดูแลบิดาของบิดาท่าน และทรงดูแลบรรพชนของท่านย้อนกลับไปถึง อับราฮัม และตั้งแต่อับราฮัมไปจนถึงนี้าท่วม ตั้งแต่นํ้าท่วมไปจนถึงอีบิค และ ตั้งแต่อีบิคไปจนถึงแอดับ พระองค์ทรงดูแลครอบครัวนั้นและโลหิตที่ไหลเวียน จากแหล่งกำเนิดจนมาถึงการเกิดของชายผู้นี้ [โจเซฟ สมิธ] ได้รับแต่งตั้งล่วง หห้าในนิรันดรให้เป็นประธานควบกุมสมัยการประทานสุดท้ายนี้”5

ประธานโจเซฟ ฟลดิง สนิธ “โจเซฟ สมิธได้รับเลือกให้เป็นมัวหห้างาน ของพระเจ้าในวันเวลาสุดท้าย และทรงมอบหมายงานให้ท่านโดยผ่านความรู้ล่วง หห้าของพระบิดานิรันดรในนิรันดรก่อนท่านเกิด ท่านมาในวิญญาณของอิไลอัส เพื่อเตรียมทางสำหรับการเสด็จมาของพระเจ้า นอกจากพระผู้ไถก่ของเราแล้ว ตั้ง แต่สมัยของแอดับไม่มีศาสดาคนใดได้รับพันธกิจยิ่งใหญ่กว่านี้”6

ประธานเอสรา แทฟค์ เป็นสัน “เพื่อให้มี วิสัยทัศน์ถึงความยิ่งใหญ่ในพันธกิจทางโลกของ ศาสดา เราด้องมองให้ซึ้งถึงนิรันดร ท่านอยู่ใน บรรดาดวงที่ ‘สง่าและใหญ่ยิ่งก่ ผู้ซึ่งอับราฮัม บรรยายไว้ดังนี้

“‘มัดนี้ พระเจ้าทรงแสดงแกก่ข้าพเจ้า เอบรา แฮม ถึงดวงความรู้แจ้งที่ถกจัดวางไว้ก่อนโลก เป็นมา และในบรรดาคนทั้งหมดนี้มีดวงที่สง่า และใหญ่ยิ่งหลายดวง และพระผู้เป็นเจ้าทรงเห็น จิตวิญญาณเหล่านี้ว่าเขาดี และพระองค์ประทับยืนท่ามกลางพวกเขา และ พระองค์ตรัส: เราจะทำให้คนเหล่านี้เป็นผู้ปกครองของเรา เพราะพระองค์ ประทับยืนในบรรดาคนเหล่านั้นที่เป็นวิญญาณและพระองค์ทรงเห็นว่าเขาดี และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้า: เอบราแฮม เจ้าเปีนคนหนึ่งของพวกเขา เจ้าถูก เลือกก่อนเจ้าเกิดก่ (เอบราแฮม 3:22–23)

“เป็นดังนั้นกับโจเซฟ สมิธ ท่านอยู่ที่นั่นด้วย ท่านนั่งในสภากับดวงที่สง่า และใหญ่ยิ่ง โดยดำรงตำแหน่งที่สำคัญ โดดเด่น และมีเกียรติ จึงไม่ด้องสงสัย ว่าท่านได้ช่วยในการวางแผนและดำเนินงานอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เพื่อ ‘ทําให้ เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์ของมนุษย์ก่ ความรอดของลูกๆ ทุกคน ของพระบิดาของเรา [โมเสส 1:39] พันธกิจของท่านเคยมีและด้องมีผลกระทบ ต่อทุกคนที่เคยมายังแผ่นดินโลก ทุกคนที่อยู่บนแผ่นดินโลกเวลานั้น และอีก หลายด้านคนที่ยังไม่เกิด …

“ศาสดาโจเซฟ สมิธไม่เพียงเปีน ‘หนึ่งในดวงที่สง่าและใหญ่ยิ่งก่ แต่ท่าน ให้และยังคงให้ความเอาใจใส่ต่อเรื่องสำคัญๆ บนแผ่นดินโลกด้วยตั้งแต่อยู่ใน อาณาจักรเบื้องบนจนมาถึงปัจจุบัน เพราะในสายพระเนตรของพระเจ้า… โปรแกรมนิรันดรอันยิ่งใหญ่ที่ศาสดาโจเซฟมีบทบาทสำคัญด้วนดำเนินการผ่าน ฐานะปุโรหิตนิรันดร์และสิทธิอำนาจของพระผู้เปีนเจ้า”7

ภาพปรากฏคริ้งแรกของโจเซฟ สมิธคือส่วนที่เปนรากฐานในประจักษ์พยานของเราแต่ละคน

ประธานโจเซฟ เอฟ. สนิธ “เหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในโลกนับ แต่การพีนคืนพระชนม์ของพระบุตรของพระผู้เปีนเจ้าจากอุโมงค์และการเสด็จ ขึ้นสู่สวรรค์ของพระองค์ คือการเสด็จมาของพระบิดาและพระบุตรต่อเด็กหนุ่ม ใจเซฟ สมิธเพื่อเตรียมทางสำหรับการวางรากฐานของอาณาจักร [ของพระผู้ เปีนเจ้า]—ไม่ใช่อาณาจักรของมนุษย์—ซึ่งจะไม่ยุติหรือถูกด้มด้างอีกเลย

“เมื่อยอมรับความจริงในข้อบื้แด้ว ข้าพเจ้าพบว่ามันง่ายที่จะยอมรับความจริง ในข้ออื่นๆ ทุกข้อที่ท่านแถลงและประกาศออกมาในช่วงปฏิบัติพันธกิจของ ท่าน…ในโลก ท่านไม่เคยสอนหลักอำสอนที่ไม่เปีนความจริง ท่านไม่เคย ปฏิบัติหลักคำสอนใดที่ท่านไม่ได้รับบัญชาให้ปฏิบัดิ ท่านไม่เคยสนับสนุนความ ผิด ท่านไม่ได้ถูกหลอก ท่านเห็น ท่านได้ยิน และท่านท่าตามที่ได้รับบัญชา ให้ท่า และด้วยเหตุนี้ พระผู้เปีนเจ้าจึงทรงรับผิดชอบงานที่โจเซฟ สมิธทําสำเร็จ—ไม่ใช่โจเซฟ สมิธ พระเจ้าทรงรับผิดชอบงานนี้ ไม่ใช่มนุษย์”8

ประธานฮีเบอร์ เจ. แกรนท์ “โจเซฟ สมิธ เคยเห็นพระผู้เปีนเจ้าและเคยสนทนากับพระองค์ และพระผู้เป็นเจ้าทรงแนะนำให้เด็กหนุ่ม โจเซฟ สมิธรู้จักพระเยซูคริสต์ และพระเยซูคริสต์ทรงบอกโจเซฟ สมิธว่าท่านจะเป็นเครื่อง มือในพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อสถาปนา พระกิตติคุณที่แห้จริงของพระเยซูคริสต์อีกครั้ง บนแผ่นดินโลก—หรือความเชื่อของชาวมอร มอน ที่เริยกกินว่าเป็นเริองลวงเลก ความเซึ่อ ของชาวมอรมอนไม่ใช่เรื่องลวงโลก แต่เป็นพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าอันไป สู่ความรอด นี่คือศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์ ซึ่งได้รับการสถาปนา ภายใต์การ กำกับดูแลของพระองค์ และทุกคนในโลกที่ไม่เชื่อจะเปลี่ยนความจริงพื้นฐาน อันเกี่ยวเนื่องลับศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดห้ายไม่ได้”9

ประธานฮาเวิร์ด ดับเมิลยู. ฮันเตอร์ “จ้าพเจ้า รู้สึกซาบซึ้งต่อการเป็นสมาชิกในศาสนาจักร และประจักษ์พยานของข้าพเจ้าถึงความลํ้าเลิศ ของการเป็นสมาชิกขึ้นอยู่ลับเรื่องราวเรียบง่าย ของเด็กหนุ่มที่คุกเข่าอยู่ใต้ต้นไม้และต้อนรับผู้ มาเยือนจากสวรรค์—ไม่ใช่พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว แดก่เป็นสองพระองค์แยกจากลัน พระอติรูปแดก่ละ พระองค์ พระบิดาและพระบุตร โดยทรงเปีดเผย ต่อแผ่นดินไสกอกกรังถึงพระอดิรูปของพระผู้ เป็นเจ้าสามพระองค์ ศรัทธาและประจักษ์พยานของข้าพเจ้าขึ้นอยู่ลับเรื่องราว เรียบง่ายนี้ เพราะถ์าไม่เป็นความจริง ศาสนามอรมอนย่อมพังพินาศ ถ์าเปีนความ จริง และข้าพเจ้าเป็นพยานว่าจริง นั่นก็คือเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่สุดเหตุการณ์หนึ่ง ในประวัติศาสตร์ทั้งมวล”10

ประธานเดวิด โอ. แมคเคย์ “การปรากฎของพระบิดาและพระบุตรต่อโจเซฟ สบิธเป็นรากฐานของศาสนาจักรนี้ ในทั้นมืเคล็ดลับความแข็งแกร่งและ พลังชีวิตของศาสนาจักร นี่คือศาสนาจักรที่แห้จริง ข้าพเจ้าเป็นพยาน การเปีด เผยครั้งนั้นตอบกำถามทุกข้อของวิทยาศาสตร์เกี่ยวลับพระผู้เป็นเจ้าและพระ บุคลิกลักษณะของพระองค์ ท่านเข้าใจหรือไม่ว่านั่นหมายถึงอะไร นั่นคือคำ ตอบของคำถามที่ว่าพระผู้เปีนเจ้าทรงเปีนอะไร ความสัมพันธ์ของพระองค์กับ ลูกๆ ของพระองค์ชัดเจน เห็นชัดว่าพระองค์ทรงสนพระนัยมนุษย์โดยทรงมอบ สิทธิอำนาจให้มนุษย์ อนาคตของงานนี้ดีแน่นอน ความจริงเหล่านี้และความ จริงอันลํ้าเลิศอื่นๆ กระจ่างแจ้งในภาพปรากฎครั้งแรกอันรุ่งโรจน์นั้น”11

ประธานเอสรา แทฟท์ เป็นสัน “ภาพปรากฎครั้งแรกของศาสดาโจเซฟ สมิธเปีนหลักคำสอนพื้นฐานของศาสนาจักร ปรปักษ์ทราบดีและโจมตีความน่า เชื่อถือของโจเซฟ สมิธตั้งแต่วันที่ท่านประกาศการเสด็จเยือนของพระบิดาและ พระบุตร…พวกท่านควรแสดงประจักษ์พยานถึงความจริงของภาพปรากฎ ครั้งแรกอยู่เสมอ โจเซฟ สบิธเห็นพระบิดาและพระบุตรจริงๆ พระองค์ทรง สนทนากับโจเซฟตามที่ท่านบอก นี่เปีนเหตุการณ์อันน่าชื่นชมยินดีที่สุดนับแต่ การพื้นคืนพระชนม์ของพระเจ้าของเรา ผู้นัาคนใดก็ตามที่ไม่สามารถประกาศ ประจักษ์พยานของโจเซฟได้ว่าพระผู้เปีนเจ้าและพระเยซูคริสต์ทรงปรากฎต่อโจเซฟ สบิธ เขาจะเปีนผู้นัาที่แห้จริงและเปีนผู้เลี้ยงแกะที่แห้จริงไม่ได้ ถ้าเราไม่ ยอมรับความจริงข้อนี้… ถ้าเราไม่ได้รับพยานเกี่ยวอับการเปีดเผยอันยิ่งใหญ่นี้ เราจะสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดศรัทธาขึ้นในคนที่เราน่าไม่ได้”12

ประธานจอร์จ อัลเป็ร์ต สนิธ “เมื่อศาสดา หนุ่มเห็นพระบิดาและพระบุตรในป่าเมืองพอสไบรา และตระหนักว่าพระองค์ทรงเปีนพระอตรูปจริงๆ พระองค์ทรงได้ยินและทรงตอบสิ่งที่ ท่านทูลถาม เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มด้นยุคใหม่ใน โลกนี้ และวางรากฐานให้ศรัทธาของลูกหลาน มนุษย์ นัดนี้พวกเขาสามารถสวดห้อนวอนพระบิดาในสวรรค์และตระหนักว่าพระองค์ทรงได้ยิน และทรงตอบคำสวดห้อนวอนของพวกเขา และ มีการเชื่อมโยงระหว่างสวรรค์และแผ่นดินโลก”13

พระผู้เร็เนเจ้าและเหล่าเทพทรงสอนศาสดาโจเซฟ สมิธ

ประธานจอห์น เทย์เลอร์ “โจเซฟ สบิธเปีนใคร พระคัมภีร์มอรมอนบอก เราว่าท่านคือพงศ์พันธ์ของโยเซฟผู้ถูกขายไปในอียิปต์ และดังนั้นท่านจึงได้รับ เลือกเช่นเดียวกับอับราฮัมให้ทำงานอย่างหนึ่ง บนแผ่นดินโลก พระผู้เปีนเจ้าทรงเลือกชายหนุ่ม คนนี้ ท่านไม่มีความรู้อย่างที่โลกมี แต่ก่ท่านเปีน คนเฉลียวฉลาดและมีความรู้ลืกซึ้งที่สุดเท่าที่ ข้าพเจ้าเคยพบในชีวิตนี้ ข้าพเจ้าเดินทางมาหลาย แสนไมล์ เคยอยู่ในทวีปต่างๆ และคลุกคลี กับคนทุกชนชั้นและทุกศาสนา แก่ข้าพเจ้าไม่เคย พบคนที่เฉลียวฉลาดเท่าท่าน ท่านได้ความเฉลียว ฉลาดนี้มาจากเหน ไม่ใช่จากหนังสอเม่ เช่จาก ดรรกวิทยา หรือวิทยาศาสตร์ หรือปรัชญาแห่งยุคสมัย แดก่ท่านได้มาจากการเปีด เผยของพระผู้เปีนเจ้าซึ่งเปีนที่รู้แก่ท่านผ่านสื่อกลางของพระกิตติคุณอันเปีนนิล”14

ประธานวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์ “ข้าพเจ้าไม่เคย อ่านพบว่าพลังอำนาจเดียวกันนี้เคยประจักษ์ต่อ ลูกหลานมนุษย์ในสมัยการประทานใดมาก่อน หากแดก่ประจักษ์ต่อศาสดาของพระผู้เปีนเจ้าใน การจัดตั้งศาสนาจักรนี้ เมื่อพระบิดาและพระบุดรเสด็จมาปรากฎต่อศาสดาโจเซฟเพื่อตอบคำ สวดอ้อนวอนของท่าน และเมื่อพระบิดาตรัสว่า ‘นี่คือบุตรที่รักของเรา จงมองดูท่าน จงฟ้งท่านก่นึ่คือการเปีดเผยสำคัญซึ่งไม่เคยประจักษ์เช่นนี้ มาก่อนในสมัยการประทานใดๆ ของโลกที่พระผู้เปีนเจ้าประทานเรื่องราวเกี่ยว กับงานของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ในการจัดตั้งศาสนาจักรศาสดาของพระผู้เปีนเจ้า จึงได้รับการปฏิบัติจากเหล่าเทพแห่งสวรรค์ เหล่าเทพเปีนครูของท่าน เปีนผู้ แนะนำท่าน และทั้งหมดที่ท่านท่า ทั้งหมดที่ท่านปฏิบิดิมับแดก่เริ่มด้น จากวันนั้น จนถึงวันแห่งมรณสักขีของท่านอ้วนเกิดขึ้นโดยการเปีดเผยของพระเยซูคริสต์”15

ประธานลอเรนโซ สโนว์ “โจเซฟ สบิธผู้ที่พระผู้เปีนเจ้าทรงเลือกให้สถาปนางานนี้เปีนคนยากจน ไม่มีการศึกษา และไม่ได้อยู่ในนิกายซึ่งเปีนที่นิยมของ ศาสนาคริสต์ ท่านเปีนเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซื่อสัตย์ และเปียมด้วยความ สุจริตใจ…ท่านรู้สึกเช่นเดียวกับโมเสสว่าไม่เหมาะสมและไม่คู่ควรกับงานนี้ ที่ต้องยืนหยัดในฐานะนักปฏิรูปศาสนา ในฐานะ ซึ่งไม่เปีนที่นิยมชมชอบมากที่สุด ต้องต่อกรกับ ความคิดเห็นและข้อบัญญัติทางศาสนาซึ่งดำรง อยู่มาหลายยุคหลายสมัยเพราะความเห็นชอบ ของมนุษย์ผู้มีความคิดลึกซึ้งที่สุดในการเชื่อฟ้ง ทางเทววิทยา แดก่พระผู้เปีนเจ้าทรงเรียกท่านให้ ปลดปล่อยคนยากจนและคนใจซื่อสัตย์ของประ ชาชาติทั้งหลายจากความเปีนทาส [พันธนาการ] ทางวิญญาณและทางโลกของพวกเขา พระผู้เปีน เจ้าทรงสัญญากับท่านว่าใครก็ตามที่จะรับและเชื่อฟ้งข่าวสารของท่าน และใคร ก็ตามที่จะรับบัพติศมาเพื่อการปลดบาป ต้วยความซื่อสัตย์ในจุดประสงค์ จะไต้ รับปรากฎการณ์จากสวรรค์ จะไต้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะไต้รับพระกิตติคุณ และพรเดียวกันกับที่สัญญาไว้และไต้มาโดยผ่านพระกิตติคุณ ตามที่อัครสาวก สมัยโบราณสั่งสอน และข่าวสารนี้ สัญญานี้จะมีผลในทุกที่และกับทุกคนที่เหล่า เอ็ลเดอร์หรีอผู้ส่งข่าวที่ไต้รับมอบสิทธิอำนาจจากพระผู้เปีนเจ้านำไปให้ โจเซฟ สมิธผู้ไมมีการศึกษา อ่อนต่อโลก เด็กหนุ่มที่ซึ่อสัตย์ เปีดเผย และตรงไปตรง มากล่าวไว้เช่นนั้น”16

ประธานฮาโรลด์ ปี. ลี “โจเซฟ สมิธ เด็ก หนุ่มผู้ไม่ไต้รับการศึกษาต้านเทววิทยาในสมัยนั้น ไม่ไต้ราเรียนในโรงเรียนมัธยมสมัยของท่าน… [คือ] ผู้เชื่อฟ้งอำสอนและสุรเสียงกระซิบของ พระวิญญาณ หาไม่แห้วโจเซฟ สมิธคงสถาปนา ศาสนาจักรนี้ไม่ไต้ ท่านคงนำงานของพระเจ้าซึ่ง คือพระคัมภีร์มอรมอนออกมาไม่ไต้ ผู้คนอาจสบประมาทศาสดาใจเซฟ สมิธว่าท่านเปีนเพียง มนุษย์คนหนิง เขาอาจสงสัยว่าศาสนาจักรนิ้เริ่ม ต้นอย่างไร แดก่สั่งที่ยืนยงเปีนอนุสรณ์คือพระคัมภีร์มอรมอน มนุษย์นามว่าใจเซฟไม่สามารถทําสั่งนี้ไต้ แต่โดยอำนาจของพระผู้เปีนเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์โจเซฟทําไต้และทําการรับใข้อันน่าอัศจรรย์ในการพี้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ซึ่งเปีนการนำอาณาจักรออกมาจากความเลือนราง”17

ประธานเดวิด โอ. แมคเคย์ “โจเซฟ สมิธผู้ ที่ข้าพเจ้าปรารถนาจะกล่าวถึง… ในโอกาสนี้ ไม่เพียงเปีนคนยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่เป็นผู้รับใช้ที่ ได้รับการดลใจจากพระผู้เป็นเจ้าด้วย แท่จริงแล้ว ความยิ่งใหญ่ของโจเซฟ สมิธอยู่ที่การดลใจจาก สวรรค์ …

“ชาวยิวตั้งคำถามว่า ‘คนนี้จะรู้พระ ธรรมได้ อย่างไรในเมื่อไม่เคยเรียนเลยก่ ขณะที่พวกเขา พิศวงในพระปรีชาญาณของพระเยซู [ยอห์น 7:15] เราอาจจะถามคำถามเดียวกันนี้เกี่ยวกับโจเซฟ สมิธขณะพิจารณาความ สำเร็จกันโดดเด่นของท่านในช่วงสั้นๆ [สิบสี่ปี] ระหว่างการจัดตั้งศาสนาจักร กับมรณสักขี ขณะใคร่ครวญความสอดคล้องอย่างสมบูรณ์ของพระกิตติคุณที่ได้ รับการพี้นฟูกับพระกิตติคุณของศาสนาจักรตั้งเติมที่พระเยซูและอัครสาวกของ พระองค์ทรงสถาปนา ขณะสังเกตเห็นความเข้าใจอันทะลุปรุโปร่งของท่านต่อ หลักธรรมและคำสอนและขณะเห็นแผนอันหาที่เปรียบมิได้และประสิทธิผล ของศาสนาจักรซึ่งสถาปนาด้วยการดลใจของพระคริสต์และมีพระนามของพระองค์ คำตอบของคำถามที่ว่า ‘ชายผู้นี้ได้ปัญญามาจากไหนก่ มือยูในคำประพันธ์ จรรโลงใจบทนี้

“สรรเสริญบุรุษผู้ติดต่อพระยะโฮวา

พระเยซูเจิมศาสดาพยากรณ์

รับพรได้เปีดสมัยการประทานสุดท้าย

กษัตริย์ถวายเกียรติท่านชนชาติวันทา”18

ประธานฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์ “เราสรรเสริญ [โจเซฟ สมิธ] สำหรับ ความสามารถของท่านในการติดต่อไม่เพียงกับพระเยโฮวาห์เท่านั้นแดก่กับชาว สวรรค์ท่านอื่นๆ ด้วย หลายคนมาเยือน มอบกุญแจ และสอน ‘ผู้พยากรณ์ที่ ประเสริฐก่ ท่านนี้ผู้ถูกยกขึ้นในยุคสุดท่าย … เราสรรเสริญโจเซฟ สมิธสำหรับ ความพากเพียรและความสามารถของท่านในการแปลและรับหลายร้อยหท่าของ พระคัมภีร์ที่ได้รับการเปีดเผย ท่านคือช่องทางการเปีดเผย เราประเมินได้ว่าหท่า หนังสืออันน่าอัศจรรย์ของพระคัมภีร์ผ่านมาทางท่านมากกว่ามนุษย์คนใดใน ประวัติศาสตร์”19

ศาสดาโจเซฟ สมิธได้รับเรียกจากพระผู้เปนเจ้าให้เป็ดสมัย การประทานสุดท้ายและฟ้นฟูความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณ

ประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู.กินบัลล้ “ข้าพเจ้าเปีนพยานต่อโลกวันนี้ว่าเพดานเหล็ก พังทลายมานานกว่าหนึ่งศตวรรษครึ่งแล้ว สวรรค์ เปีดอีกครั้ง และนับแต่นั้นการเปีดเผยมีมาอย่าง ต่อเนื่อง

“วันใหม่เริ่มต้นเมื่อจิตวิญญาณดวงหนึ่งซึ่งมี ความปรารถนาแรงกล้าไต้สวดล้อนวอนขอการ นำทางจากเบื้องบน ท่านพบสถานที่เงียบสงัด ลับตาคน คุกเม่า นอบนัอม เปล่งคาวิงวอน และ แสงเจิดจ้ากว่าดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวันส่องโลก—ม่านไม่ปีดอีกเลย

“เด็กหนุ่ม … , โจเซฟ สมิธผู้มีศรัทธาอันหาที่เปรียบมิไต้ยุติช่วงเวลาที่ขาด การเปีดเผยมานาน ทลาย ‘ท้องฟ้าเหล็ก” และสถาปนาการสื่อสารอีกครั้ง สวรรค์จุมพิตแผ่นดินโลก ความสว่างสลายความมีด และพระผู้เปีนเจ้าตรัสกับ มนุษย์อีกครั้งโดยทรงเปีดเผย ‘ความลี้ลับให้แก่ผู้รับใข้ของพระองค์คือผู้เผยพระวจนะก่’ (อาโมส 3:7) ศาสดาคนใหม่อยู่ในแผ่นดินและโดยผ่านท่าน พระผู้เปีนเจ้าทรงตั้งอาณาจักรของพระองค์ ซึ่งจะไม่ถูกทําลายหรือทิ้งไวัใหใครอื่น—อาณาจักรที่จะดำรงอยู่ตลอดกาล

“ความตลอดกาลของอาณาจักรนี้และการเปีดเผยซึ่งบังเกิดขึ้นคือความจริง แท้แน่นอน ดวงอาทิตย์จะไม่ตกอีกเลย และมวลมนุษย์จะไม่คิดว่าการสื่อสารกับพระผู้สร้างพวกเขาไร้ค่า พระผู้เป็นเจ้าจะไบก่ทรงซ่อนพระพักตร์จากลูกหลานของแผ่นดิน โลกอีก การเปีดเผยต้องอยู่ที่นี่”20

ประธานกอร์ดอน ปี. อิงค์ลีย์ “เรื่องราวชีวิต ของโจเซฟคือเรื่องราวของความน่าพิศวง ท่าน เกิดมาในสภาพยากจน ท่านไต้รับการเลี้ยงดูใน ความยากลำบาก ท่านถูกขับไล่จากที่หนึ่งไปยัง ที่หนึ่ง ถูกกล่าวหาอย่างผิดๆ และถูกคุมขังอย่าง ไม่เป็นธรรม ท่านถูกฆาตกรรมเมื่ออายุ 38 ปี แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ 20 ปีก่อน เสียชีวิต ท่านได้ท่าในสิ่งที่ไม่มีใครท่าได้สำเร็จในชั่วชีวิตนี้ ท่านแปลและจัด พิมพ์พระคัมภีร์มอรมอน ซึ่งนับแต่นั้นได้แปลออกมาอีกหลายภาษาและหลาย ด้านคนทั่วโลกยอมรับว่าเป็นพระคำของพระผู้เป็นเจ้า การเปิดเผยที่ท่านได้รับ และงานเขียนอื่นๆ ที่ท่านจัดทําถือเป็นพระคัมภีร์ของผู้คนหลายด้านคนเหล่านี้ ด้วย จำนวนหน์าหนังสือทั้งหมดมีประมาณสองเท่าของพระคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาใหม่ และทั้งหมดด้วนผ่านมาทางบุคคลคนเดียวในช่วงเวลาไม่กี่ปี ในช่วงเดียวกันนี้ท่านได้จัดตั้งองค์กรซึ่ง … ทนต่อความยากสำบากและการท้าทายนานัปการมาได้… และมีผลในการปกครองสมาชิกทั่วโลก …เท่าๆ กับมี ผลในการปกครองสมาชิก 300 คนในปี ค.ศ. 1830 มีบางคนสงสัยและพยายามอธิบายว่าองค์กรที่น่าจับตามองนี้เป็นผลพวงของช่วงเวลาที่ท่านมีชีวิตอยู่ ข้าพเจ้าถือว่าองค์กรดังกล่าวมีลักษณะโดดเด่นไม่ซํ้าใคร และน่าจับตามองใน สมัยนั้นเท่าๆ กับในสมัยนี้ นี่ไม่ใช่ผลพวงของช่วงเวลา แต่นี่คือการเปีดเผย จากพระผู้เป็นเจ้า …

“ภายในช่วง 20 ปีล่อนที่โจเซฟ สบิธจะเสียชีวิต ท่านได้เริ่มโปรแกรมหนึ่ง เพื่อน่าพระกิตติคุณไปยังประชาชาติต่างๆ ของแผ่นดินโลก ข้าพเจ้าอัศจรรย์ใจ ที่ท่านดำเนินงานนี้ด้วยความกด้าหาญ แท้ในยุคที่ศาสนาจักรเพิ่งเริ่มด้น ในช่วง ของความยากสำบากอย่างแสนสาหัส พวกผู้ชายยังได้รับเรียกใท้จากท้านและ ครอบครัว ข้ามนั้าข้ามทะเลไปประกาศการฟ้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เจตนารมณ์ของศาสดา วิสัยทัศน์ของท่านครอบคลุมทั้งผืนแผ่นดินโลก

“ส่วนการประชุมใหญ่สามัญของเราปีละสองครั้งนั้น สมาชิกจะมารวมกันใน อเมริกาเหนือ อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ ในหมูก่เกาะอังกฤษและแอฟริกา ใน ประเทศต่างๆ ของยุโรป ในหมูก่เกาะและทวีปต่างๆ ของแปซิฟีก และในดินแดนเล่าแกก่ของเอเชีย นึ่คือสัมฤทธิผลตามวิสัยทัศน์ของโจเซฟ สบิธ ศาสดา ของพระผู้เปีนเจ้า ท่านคือผู้พยากรณ์ที่เกรียงไกรโดยแท้ ผู้มองเห็นยุคสมัยนี้ และยุคสมัยอันยิ่งใหญ่กว่าที่จะมาถึงเมื่องานของพระเจ้าแผ่ขยายไปทั่วแผ่นดิน โลกก่”21

ประธานเซฟ เอฟ. สมิธ “ไม่ว่าศาสดาโจเซฟ สบิธจะท่าหรือเปินอะไร ก็ตาม เราต้องไม่ลืมข้อเท็จจริงที่ว่าท่านเปีนมนุษย์คนหนึ่งจากมนุษย์หลายด้าน คนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลกนี้ ณ เวลานั้น—มนุษย์คนเดียวเท่านั้นที่ได้รับเรียก จากพระผู้เป็นเจ้าโดยสุรเสียงของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์เองให้เปีดสมัยการประทานของพระกิตติคุณต่อโลกเป็นครั้งสุดห้าย และนี่คือเรื่อง ใหญ่นี้ต้องจำไว้ว่าท่านได้รับเรียกจากพระผู้เปีนเจ้าให้แนะนําพระกิตติคุณต่อโลก นําฐานะปุโรหิต ศักดิ์สิทธี้กลับมาให้ลูกหลานมนุษย์ จัดตั้งศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดห้าย ในโลก และฟื้นฟูพิธีการทั้งหมดของพระกิตติคุณเพื่อความรอดไม่เพียงของคนเป็นเท่านั้นแก่ของคนตายด้วย และท่านได้รับเรียกมาสู่พันธกิจนี้โดยองค์พระผู้เป็นเจ้า …

“… มีศาสดาท่านอื่นและศาสดาที่ยิ่งใหญ่ท่านอื่นด้วยที่เหล่าเทพมาปฏิบัติ ต่อพวกท่าน และอีกหลายท่านเห็นนิ้วพระหัตถ์ของพระผู้เปีนเจ้า และเปีนที่ โปรดปรานไม่มากก็บ้อย แดก่สภาพการณ์เช่นไรและใครหรือที่พระบิดาและพระบุดรทรงปรากฎองค์พร้อมกันต่อเขาและประกาศพระองค์ต่อเขา ชายคนนั้นอยู่ ที่ไหน ไม่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ยกเว้นศาสดาโจเซฟ สมิธ และเกิดขึ้น ขณะที่ท่านยังอยู่ในวัยเยาว์ ถัาจะเทียบแจ้วอายุท่านยังน้อยเมื่อเสียชีวิตเปีนมรณสักขีคืออายุเพียง 38 ปีเท่านั้น

“… ศาสดาโจเซฟ สมิธ… ติดต่อกับพระบิดาและพระบุตร และพูดกับ เหล่าเทพ และทั้งสองพระองค์เสด็จเยือนท่าน และประสาทพร ของประทาน และกุญแจแห่งอำนาจให้ท่านซึ่งไม่เคยมอบให้มนุษย์คนใดมาก่อนนอกจากพระบุดรของพระผู้เปีนเจ้า ไม่มีมนุษย์คนใดที่เคยอยู่บนแผ่นดินโลกได้รับมอบกุญ แจทั้งหมดของพระกิตติคุณและของสมัยการประทานเช่นที่ศาสดาโจเซฟ สมิธ ได้รับในพระวิหารเคิร์ทแลนด์เมื่อพระบุตรของพระผู้เปีนเจ้า เสด็จเยือนท่านที่ นั่นโมเสส อิไลอัส และเอสียาห์มาเยือนท่านด้วย เมื่อสวรรค์เปีดต่อท่านและ ท่านได้รับกุญแจแห่งพลังและสิทธิอำนาจเพื่อวางรากฐานงานของพระผู้เปีนเจ้า ให้กว้างและลึกจนปกคลุมแผ่นดินโลกด้วยความรู้เรื่องพระผู้เปีนเจ้า ด้วยพระ เดชานุภาพ และพระสิริของพระองค์”22

งานของโจเซฟ สมิธเป็นพรแก่คนที่เคยมีชีวิตบนแผ่นดินโลก คนที่มีชีวิตอยู่ขณะนี้ และคนที่จะเกิดมา

ประธานโจเซฟ เอฟ. สนิธ “งานที่โจเซฟ สมิธทำมิได้จำกัดเฉพาะชีวิตนี้ เท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับชีวิตที่จะมาถึง และยังเกี่ยวข้องกับชีวิตที่เคยเปีนมาด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ งานนี้เกี่ยวข้องกับผู้ที่เคยอาศัยบนแผ่นดินโลก ทั้งผู้มีชีวิต อยู่ขณะนี้และผู้จะตามหลังเรามา งานนี้มิเพียงเกี่ยวข้องกับมนุษย์ขณะมีร่างกาย ในเนื้อหนังเท่านั้น แต่กับครอบครัวมนุษย์ทั้งหมดจากนิรันดรถึงนิรันดรด้วย เพราะเหตุนี้ ดังที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้ โจเซฟสมควรได้รับความเคารพนับถือ ชื่อ ของท่านสมควรได้รับยกย่อง ผู้คนหลายหมื่นคนขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าในใจ พวกเขาและจากส่วนลึกของจิตวิญญาณสำหรับความรู้ที่พระเจ้าทรงพี้นฟูมาสู่ แผ่นดินโลกผ่านท่าน และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสรรเสริญท่านและแสดงประจักษ์ พยานถึงคุณค่าของท่าน และนึ่มิได้จำกัดเฉพาะในหมู่บ้าน ในเมือง หรือใน ประเทศเท่านั้น แต่แผ่ขยายไปทุกประเทศ ทุกตระกูล ทุกภาษา และทุกผู้คน ที่มีการสั่งสอนพระกิตติคุณจนมาถึงป้จจุบัน”23

ประธานโจเซฟ ฟิลดิง สนิธ “ในวิธีเดียวกัน กับที่ข้าพเจ้ารู้ว่าพระเยซูคือพระคริสต์—และนั่น คือการเปีดเผยจากพระวิญญาณศักคิ้สิทธี้—ข้าพ เจ้ารู้ว่าโจเซฟ สมิธเปีน เคยเปีน และจะเปีน ศาสดาของพระผู้เป็นเจ้าตลอดไปเป็นนิจ

“ข้าพเจ้าเคารพและยกย่องนามอันศักดี้สิทธี้ ของท่าน ท่านผนึกประจักษ์พยานด้วยเลือดของ ท่านในคุกคาร์เทจพร้อมไฮรัม สมิธ ซึ่งเป็นพี่ชาย ของท่าน คุณปีของข้าพเจ้า และผู้ประสาทพร ข้าพเจ้าคือคนหนึ่งที่ด้องการเป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระเจ้าเพื่อทําใหั ที่สุดของแผ่นดินโลกรู้ว่าความรอดมืผลอีกครั้งเพราะพระเจ้าทรงยกผู้พยากรณ์ที่ เกรียงไกรในสมัยนี้ใหัสถาปนาอาณาจักรของพระองค์อีกครั้งบนแผ่นดินโลก

“ด้วยวิญญาณแห่งประจักษ์พยานและความขอบคุณ ข้าพเจ้าทิ้งบ้ายคำพูดที่ ได้รับการดลใจเหล่านี้จากพระคัมภีร์คำสอนและพันธสัญญา ‘โจเซฟ สมิธ ศาสดา และผู้พยากรณ์ของพระเจ้า ทําเพื่อความรอดของคนในโลกนี้ยิ่งกว่าคน อื่นใดในโลกที่เคยมีชีวิตอยู่ในโลกนอกจากพระเยซูเท่านั้นก่’ (ค.พ. 135:3)”24

ประธานกอร์ดอน ปี. ฮิงค์ลีย์ พูดในคาร์เทจ อิลลินอยส์ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 1994 เนื่องในวันครบรอบ 150 ปีบรฌสักขีของศาสดาโจเซฟ สมิธ “งานอันน่าชื่นชมยินดีที่ผู้ถูกสังหารในคาร์เทจเริ่มต้นไว้ได้เติบโตอย่างน่า อัศจรรย์และวิเศษยิ่ง… งานอันน่าอัศจรรย์นี้ ซึ่งเกิดจากการเรียกเด็กหนุ่มแห่ง พอลไมราเป็นศาสดาไต้ ‘ออกมาจากแดนทุรกันดารแห่งความมืดค’ และกำลัง “ส่องความงามออกมาดังดวงจันทร์ ใสดังดวงอาทิตย์ และน่าหวาดกลัวดัง กองทัพพร้อมต้วยธง’ ดังที่ศาสดาสวดอ้อนวอนขอให่เปีนไปเช่นนั้น (ค.พ. 109:73) …

“เราหยุดนิ่งชั่วขณะเพื่อแสดงความเคารพในคํ่านี้ เราใคร่ครวญความอัศจรรย์ ของชีวิตที่เริ่มต้นบนเนินเขาเขียวขจีของเวอร์มอนท์และสิ้นสุดที่นิ่ในคุกคาร์ เทจ ชีวิตนั้นอยู่ไม่นาน แต่ผลของชีวิตนั้นแทบจะอยู่เหนือความเข้าใจ

“อุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุค สุดท้ายมืค่ายิ่งกว่าชีวิตของหลายต่อหลายพันคนผู้สละชีวิตในการรับใช้ศาสนาจักร พยานหลายแสนคนที่เข้ามาในโลกต่างแสดงประจักษ์พยานถึงการเรียกของ โจเซฟ สมิธในฐานะศาสดาของพระผู้เป็นเว้า ฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธี้ที่ฟืนฟู ผ่านท่านไต้มอบใท้ชายผู้มืความสุจริตและคุณธรรมจำนวนนับไม่ถ้วนผู้ไต้รับการ ห่อหุ้มต้วยอำนาจดังกล่าวจากเบื้องบน พระคัมภีร์มอรมอนจะไปทั่วแผ่นดินโลก ในฐานะพันธสัญญาอีกเล่มหนึ่งของพระเว้าพระเยซูคริสต์

“สมดังสัจวาจาที่กล่าวไว้นานแอ้วและในสภาพการณ์ที่ต่างออกไป ‘โลหิต ของมรณสักขีกลายเป็นเมล็ดพันธุ้ของศาสนาจักร’ ประจักษ์พยานซึ่งผนึกไว้ที่ นี่ในอาณาเขตเหล่านี้บนผืนดินที่เราประชุมกันคืนนี้ ในวันที่ร้อนอบอ้าวเมื่อ 150 ปีก่อน ปัจจุบันกำลังหล่อเลี้ยงศรัทธาของผู้คนทั่วโลก”25

ข้อเลนอแนะสำหรับศึกษาและลอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเดิมไต้ที่หน้า ⅶ–ⅹⅱ

  • อ่านเรื่องราวในหท้า 583 พิจารณาว่าผู้คนน่าจะรู้สึกอย่างไรเมื่อพวกเขาไต้รับ พยานว่าบริกัม ยังก์ต้องสืบทอดตำแหน่งผู้นําของศาสนาจักรต่อจากใจเซฟ สมิธ เราจะไต้รับพยานว่าพระเจ้าทรงเรียกประธานศาสนาจักรในทุกวันนี้ไต้ อย่างไร

  • โยเซฟแห่งอียิปต์เป็นศาสดาสมัยโบราณคนหนึ่งที่พยากรณ์ถึงโจเซฟ สมิธ และพันธกิจของท่าน (หน้า 584) ตามที่กล่าวไว้ในบทนี้ ศาสดายุคสุดท้าย ยังคงเน้นความสำคัญของโจเซฟ สมิธ ท่านคิดว่าเหตุใดโจเซฟ สมิธจึงได้รับ ความสนใจเช่นนั้น ทั้งก่อนการปฎิมัติศาสนกิจทางโลกและหลังจากนั้น

  • ศึกษาประจักษ์พยานในหน้า 585–586 เกี่ยวคับการแต่งตั้งโจเซฟ สมิธล่วง หน้า ความเข้าใจของเราเกี่ยวคับพันธกิจทางโลกของโจเซฟ สมิธเปลี่ยนไป อย่างไรเมื่อเรา “มองให้ซึ้งถึงนิรันดร”

  • อ่านประจักษ์พยานในหน้า 586–588 เกี่ยวคับภาพปรากฎครั้งแรก อะไรทํา ให้เหตุการณ์นี้เป็น “เหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในโลกนับแต่การฟื้น คืนพระชนม์ของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า” ภาพปรากฎครั้งแรกเปีน “ราก ฐานของศาสนาจักรนี้” และเป็น “เคล็ดลับความแข็งแกร่งและพลังชีวิต ของศาสนาจักร” อย่างไร อะไรช่วยให้ท่านมีประจักษ์พยานเรื่องภาพปรากฎ ครั้งแรก

  • ประธานโจเซฟ เอฟ. สมิธประกาศว่า “พระผู้เป็นเจ้าทรงรับผิดชอบงานที่ใจ เซฟ สมิธทําสำเร็จ—ไม่ใช่โจเซฟ สมิธ” (หน้า 586) ท่านคิดว่าเหตุใด ด้อยคำดังกล่าวจึงเป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวคับพันธกิจของโจเซฟ สมิธ

  • ประธานจอห์น เทย์เลอร์กล่าวถึงโจเซฟ สมิธดังนี้ “ข้าพเจ้าไม่เคยพบคนที่ เฉลียวฉลาดเท่าท่าน” (หน้า 589) อย่างไรก็คื ประธานเทย์เลอร์และประ ธานศาสนาจักรท่านอื่นๆ ได้ชี้ให้เห็นว่าโจเซฟ สมิธมีโอกาสเรียนหนัง สือไม่มากมัก เหตุใดศาสดาโจเซฟจึงมีความเฉลียวฉลาดได้มากขนาดนั้น (ดู ตัวอย่างในหน้า 588–591) ขณะแสวงหาความรู้ทางวิญญาณ เราจะทําตาม แบบอย่างของโจเซฟ สมิธได้อย่างไร

  • อ่านทวนหน้า 591–596 โดยสังเกตความจริงและพิธีการที่พระเจ้าทรงฟื้นฟู ผ่านโจเซฟ สมิธ พิจารณาว่าชีวิตท่านจะต่างไปอย่างไรด้าท่านไม่รู้จักพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู เหตุใดท่านจึงรู้สึกขอบคุณโจเซฟ สมิธและพันชกิจของท่าน

ข้อพระคัมภีร์ทื่เกี่ยวข้อง: 2 มีไฟ 3:6–19; 27:6–26; 3 มีไฟ 21:9–11; ค.พ. 1:17; 5:9–10; 21:1–6

อ้างอิง

  1. George Q. Cannon, “Joseph Smith, the Prophet,” Juvenile Instructor, Oct. 29, 1870, pp. 174–75.

  2. คำพยากรณ์อีกเรื่องหนึ่งของโยเซฟ สมัยก่อนใน Joseph Smith Translation of the Bible, Genesis 50:24–36.

  3. โจเซฟ สมิธ ซีเนียร์ พรที่มอบให้ใจเซฟ สมิธเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 1834 ใน เคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ; ใน Patriarchal Blessing 1833–2005 หอจดหมาย เหตุของศาสนาจักร ศาสนาจักรของ พระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย ซอลท้เลคซิตี้ ยูทาห์

  4. Joseph F. Smith, Deseret News, Mar. 7, 1883, p. 98; เปลี่ยนเครื่อง หมายวรรคตอนให้ทันสมัย

  5. Brigham Young, Deseret News, Oct. 26, 1859, p. 266.

  6. Joseph Fielding Smith, “The Historical Background of the Prophet Joseph Smith,” Improvement Era, Dec. 1941, p. 717.

  7. Ezra Taft Benson, “Joseph Smith-Man of Destiny” คำ ปราศรัยเมื่อ 3 ธ.ค. 1967 ในโลแกน ยูทาห้ หน้า 3–4; ใน Annual Joseph Smith Memorial Sermons (ไม่ระบุวันที่); เปลี่ยนเครื่องหมาย วรรคตอนให้ทันสมัย; ปรับเปลี่ยนการ แบ่งย่อหน้า

  8. Joseph F. Smith, Deseret Evening News, July 14, 1917, p. 9; เปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทัน สมัย; ปรับเปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า

  9. Heber J. Grant, “Some Things We Must Believe,” Improvement Era, Sept. 1938, p. 519.

  10. Howard W. Hunter, “JosephThe Seer” คำปราศรัยเมื่อ 15 ธ.ค. 1960 ในโลแกน ยูทาห้; ใน Annual Joseph Smith Memorial Sermons (1966), 2:197–98; เปลี่ยนตัวสะกด เครื่องหมายวรรคตอน และไวยากรณ์ ให้ทันสมัย

  11. David A. McKay, “Joseph Smith-Prophet, Seer, and Revelator,” Improvement Era, Jan. 1942, p. 54.

  12. เอสรา แทฟท้ เบ็นสัน คำปราศรัยเมื่อ 20 พ.ค. 1984 ในซอลท้เลคซิตี้ ยูทาห้ หน้า 2; Ezra Taft Benson, Addresses 1943–1989 หอจดหมาย เหตุของศาสนาจักร

  13. George Albert Smith ใน Conference Report, Apr. 1917, p. 37.

  14. John Taylor, Deseret News, June 2, 1880, p. 275.

  15. Wilford Woodruff, Millennial Star, Apr. 28, 1890, p. 258.

  16. Lorenzo Snow, Deseret News, Apr. 13, 1870, pp. 115–16.

  17. Harold B. Lee, Teachings of Harold B. Lee, ed. Clyde J. Williams (1996), p. 372.

  18. David o. McKay, “The Prophet Joseph Smith-On Doctrine and Organization” คำปราศรัยเมื่อ 10 ธ.ค. 1944 ในโลแกน ยูทาห; ใน Annual Joseph Smith Memorial Sermons (1966), 1:9, 14; เปลี่ยน เครื่องหมายวรรคตอนให้ทันสมัย

  19. Howard W. Hunter, “The Temple of Nauvoo,” Ensign, Sept. 1994, p. 63; ปรับเปลี่ยนการ แบ่งย่อหน้า

  20. Spencer W. Kimball ใน Conference Report, Apr. 1977, pp. 114–15; หรือ Ensign, May 1977, p. 77.

  21. กอร์ดอน ปี. อิงค์ลีย์ “โจเซฟ สมิธ จูเนียร์—ศาสดาของพระผู้เปืนเจ้า ผู้รับใช้ที่เกรียงไกร” เลียโฮนา ธ.ค. 2005 หน้า 2–6

  22. Joseph F. Smith ใน “Joseph, the Prophet,”Salt Lake Herald Church and Farm Supplement, Jan. 12, 1895, pp. 210–11.

  23. Joseph F. Smith, Deseret News, Mar. 7, 1883, p. 98; เปลี่ยนเครื่อง หมายวรรคตอนให้ทันสมัย

  24. Joseph Fielding Smith, “The First Prophet of the Last Dispensation,” Ensign, Aug. 1971, p. 7.

  25. Gordon B. Hinckley, “Joseph, the Seer,” Ensign,Sept. 1994, p. 71; ปรับเปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า

ภาพ
Joseph preaching

“เป็นประกาศิตไนสภาของนิรันดร” ปริคัม ยังก์ประกาศ “นานมาแล้วก่อนการวางรากฐานของแผ่นดินโลกว่า [โจเซฟ สนิร] ควรเป็นผู้นำพระคำของพระผู้เป็นเจ้ามาใล้ผู้คนในสมัยการประทานสุดล้ายของโลกนี้”

ภาพ
President Brigham Young

ประรานบริค้ม ยังก์

ภาพ
President Ezra Taft Benson

ประธานเอสรา แทฟท้ เป็นสัน

ภาพ
President Heber J. Grant

ประธานฮีเบอร์ เจ. แกรนท์

ภาพ
President Howard W. Hunter

ประธานฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์

ภาพ
President George Albert Smith

ประธานจอร์จ อัลเป็ร์ต สนิธ

ภาพ
President John Taylor

ประธานจอห์น เทย์เลอร์

ภาพ
President Wilford Woodruff

ประธานวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์

ภาพ
President Lorenzo Snow

ประธานลอเรนโซ สโนว์

ภาพ
President Harold B. Lee

ประธานฮาโรลด์ ปี. ลี

ภาพ
President David O. McKay

ประธานเดวิด โอ. แมคเคย้

ภาพ
President Spencer W. Kimball

ประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู.กินบัลล์

ภาพ
President Gordon B. Hinckley

ประธานกอร้ดอน ปี. อิงค์ลีย์

ภาพ
President Joseph F. Smith

ประธานโจเซฟ เอฟ. สป็ธ

ภาพ
President Joseph Fielding Smith

ประธานโจขฟ ฟีลดิง สป็ธ