2021
เปิดล็อกประตูสู่การเปิดเผยส่วนตัว
มกราคม 2021


ดิจิทัลเท่านั้น

เปิดล็อกประตูสู่การเปิดเผยส่วนตัว

มีหลายครั้งที่ฉันรู้สึกว่าฉันกำลังจะเคาะประตูที่ปิดอยู่และไม่สามารถเปิดได้

ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันและผู้นำศาสนจักรนับไม่ถ้วนเชิญเรามาร่วมค้นหาการเปิดเผยส่วนตัวและเรียนรู้ที่จะจดจำสุรเสียงของพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อให้เรา “ฟังพระองค์” (โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:17)

แต่สำหรับฉัน บางครั้งการเปิดเผยส่วนตัวก็ทำให้สับสนเล็กน้อย ฉันชอบที่พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับฉันได้โดยตรง แต่เมื่อเป็นคนหนุ่มสาวเผชิญหน้ากับการตัดสินใจครั้งใหญ่ หลายครั้งฉันก็รู้สึกเหมือนกำลังเคาะประตูสวรรค์โดยไม่มีการตอบรับ

ในช่วงเวลาเหล่านี้ ฉันมักจะทำสิ่งที่เป็นพื้นฐานอยู่เสมอ นั่นคือการอ่านพระคัมภีร์ สวดอ้อนวอน ไปโบสถ์และรักษาพระบัญญัติ เพราะฉะนั้น ฉันยังพลาดอะไรไป?

ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ฉันตระหนักว่าบางครั้งการรับการเปิดเผยต้องใช้ความพยายามในส่วนของเรามากขึ้น ต่อไปนี้คือวิธีที่ฉันค้นพบในการพยายามมากกว่าเดิม

1. อยู่นิ่งๆ และหาเวลาฟัง

การอยู่นิ่งๆ เป็นเรื่องยากสำหรับฉัน ฉันมีรายการสิ่งที่ต้องทำอย่างไม่มีวันจบสิ้น แม้ว่าฉันจะทำสิ่งต่างๆ มากมายเสร็จ แต่บ่อยครั้งฉันมักจะเครียดและถูกครอบงำด้วยทุกสิ่งที่ฉันผูกมัดตัวเอง เมื่อฉันมองหาหนทางที่จะเปิดรับการเปิดเผยส่วนตัวได้มากขึ้น ฉันก็ตระหนักว่าฉันกำลังใช้ชีวิตเหมือนมารธาแทนที่จะเป็นมารีย์1 ฉันไม่ได้ให้เวลาตัวเองอยู่นิ่งๆ หลังจากอ่านการประชุมที่ให้คำแนะนำแก่เราว่าต้องสร้างสถานที่และเวลาเพื่อรับฟังพระวิญญาณเป็นประจำ ฉันรู้ว่าฉันจำเป็นต้องทำเช่นนั้น2 ตอนนี้ฉันศึกษาพระคัมภีร์ทุกเช้าที่โต๊ะทำงาน (แทนที่จะศึกษาบนเตียง) และฉันใช้พระคัมภีร์ที่ตีพิมพ์เป็นกระดาษเพื่อไม่ให้รู้สึกรบกวนจากการใช้โทรศัพท์

2. ใช้เวลาอย่างตั้งใจในพระวิหาร

ฉันได้รับพรที่ได้อาศัยอยู่ใกล้กับพระวิหารหลายแห่ง และฉันไปได้ทุกสัปดาห์เสมอมา เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่หลายท่านสอนว่าการนมัสการในพระวิหารสามารถช่วยให้เราเชื่อมต่อกับพระวิญญาณมากขึ้น3 ดังนั้นฉันจึงคิดว่าฉันทำได้ดีพอแล้ว แต่คำตอบก็ยังไม่มา เมื่อมองไปที่นิสัยของฉัน ฉันรู้ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อย่างชัดเจน นั่นคือฉันมักจะง่วงนอนเมื่ออยู่ในพระวิหาร ฉันบอกเพื่อนๆ ว่า “ถ้าเอ็ลเดอร์ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟกล่าวว่า ‘การหลับในโบสถ์เป็นการหลับที่ดีต่อสุขภาพมากที่สุด’4 แล้วการหลับที่พระวิหารจะยิ่งดีกว่ามากเพียงใด!” และฉันก็หาเหตุผลให้กับอาการง่วงนอนว่าเป็นเพราะพระวิหารช่างสงบมากจนฉันเองก็อดไม่ได้ แต่พระวิหารไม่ใช่สปากลางวัน ฉันไปพระวิหารเพื่อทำงาน เพื่อจะปฏิบัติศาสนพิธีแทนซึ่งเป็นการมอบโอกาสให้สมาชิกครอบครัวผู้ล่วงลับไปแล้วมีชีวิตนิรันดร์5

ฉันรู้ว่าถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้อง “ตื่น” (แอลมา 32:27) และตั้งใจนมัสการพระวิหารให้มากขึ้น ฉันพยายามทำให้ตัวเองพร้อมทางวิญญาณและจิตใจก่อนที่จะไปพระวิหารแทนที่จะทำเหมือนสิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันของฉัน

3. มีส่วนร่วมในงานประวัติครอบครัว

ผู้นำศาสนจักรสนับสนุนให้เรามีส่วนร่วมในงานประวัติครอบครัวหลายครั้งและได้เชื่อมโยงพรมากมายเข้ากับการมีส่วนร่วมของเราในความพยายามครั้งนี้6 อย่างไรก็ตาม บรรพชนส่วนใหญ่ของฉันทำศาสนพิธีพระวิหารครบถ้วนแล้ว ฉันจะทำอะไรได้อีกหรือ? ฉันสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตของแต่ละคนที่ฉันนำชื่อมาไว้ที่พระวิหาร นึกภาพว่าพวกเขาเหมือนเป็นคนจริงๆ และเป็นสมาชิกในครอบครัวของฉัน ฉันยังเริ่มบันทึกประวัติชีวิตของตัวเอง ทำดัชนี และแบ่งปันเรื่องราวที่เป็นแรงบันดาลใจจากประวัติครอบครัวของฉัน

4. แบ่งปันพระกิตติคุณ

เมื่อฉันกำลังพูดถึงพระกิตติคุณทั้งกับผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกและสมาชิก ฉันมักจะจบลงที่การสอนบางสิ่งบางอย่างให้ตนเอง บางทีคุณอาจเคยประสบกับสิ่งนี้มาก่อนในงานเผยแผ่ของคุณหรือในระหว่างการเตรียมบทเรียนโรงเรียนวันอาทิตย์ ผู้นำศาสนจักรหลายท่านยืนยันว่าการประกาศศรัทธาของเราและการส่งเสริมความซื่อสัตย์ในผู้อื่นจะช่วยให้เราได้รับการเปิดเผยส่วนตัวมากขึ้น7 เมื่อเรา “พูดภายใต้การดลใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์” เราสามารถ “เรียนรู้บางสิ่งจากสิ่งที่ [เราเคย] พูดได้เสมอ”8 ฉันเริ่มแบ่งปันพระกิตติคุณมากขึ้นบนสื่อสังคม และฉันพูดถึงพระกิตติคุณในการสนทนาในแต่ละวันกับเพื่อนๆ และครอบครัวของฉัน

5. พึงตระหนักว่าการเปิดเผยส่วนตัวมาตามขั้นตอน

บางคนจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนเมื่อพวกเขาทูลถามพระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต แต่สำหรับฉัน พระบิดาบนสวรรค์ดูเหมือนจะไม่ตรัสอะไรเกี่ยวกับคำถามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉัน จากนั้นฉันจึงตระหนักว่าฉันอาจจะกำลังถามคำถามที่ผิด

พระบิดาบนสวรรค์ทรงต้องการตรัสกับฉัน9 แต่พระองค์กำลังประทานคำตอบ “บรรทัดมาเติมบรรทัด” ไม่ใช่ทั้งหมดในคราวเดียว10 ฉันตระหนักว่าฉันกำลังรอคอยจุดสิ้นสุดในการเดินทางของฉันและหวังว่าจะได้รับสัญญาณที่ยิ่งใหญ่ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาทั้งหมดของฉันได้11—เมื่อฉันจำเป็นต้องถาม “ขั้นตอนต่อไปคืออะไร?”

แต่ฉันก็ยังไม่มีคำตอบสำหรับคำถามใหญ่ๆ แต่ก็เห็นได้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงค่อยๆ ชี้นำฉันไปสู่คำตอบที่ยิ่งใหญ่ขึ้นทีละก้าว ความเข้าใจนี้เสริมสร้างศรัทธาและความวางใจว่าพระองค์จะยังทรงนำฉันมุ่งไปในทิศทางที่ถูกต้องต่อไป

เปิดล็อกประตูสู่การเปิดเผยส่วนตัว

เมื่อเราเดินตามพระเยซูคริสต์และมีของประทานจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะรับการเปิดเผยส่วนตัวได้ทุกวัน แต่เรามักจะไม่ตระหนักถึงหรือใช้เวลาในการรับรู้ถึงการประทับอยู่ของพระองค์และอิทธิพลที่อยู่รอบตัวเรา อย่างไรก็ตาม โลกกำลังสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อท่านประธานเนลสันกล่าวว่า “เราจะรอดทางวิญญาณไม่ได้หากปราศจากอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่มีให้ตลอดเวลา”12

ยิ่งเราสามารถฟังและรับรู้ถึงพระวิญญาณได้มากเท่าใด เราจะยิ่งพร้อมเผชิญและเอาชนะความท้าทายของเราได้ดีขึ้นเท่านั้น เราสามารถพบวิธีที่จะพยายามมากขึ้นเพื่อรับการเปิดเผยส่วนตัวของเรา ไม่ว่าจะเป็นการอดอาหาร การรับใช้ผู้อื่น หรือการเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เราใกล้ชิดกับพระคริสต์มากขึ้น ประตูสู่สวรรค์อาจจะไม่เปิดกว้างหลังจากที่เราเคาะได้หนึ่งนาทีหรือแม้แต่หนึ่งเดือน แต่ถ้าเราตั้งใจจะเชื้อเชิญและฟังพระวิญญาณ เราจะได้ยินเสียงสงบเงียบของพระองค์คอยบอกเราว่าจะหากุญแจได้จากที่ใด

อ้างอิง

  1. ดู ลูกา 10:38–42.

  2. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การเปิดเผยสำหรับศาสนจักร การเปิดเผยสำหรับชีวิตเรา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, 95–96; มิเชลล์ ดี. เครก, “สมรรถภาพทางวิญญาณ,” เลียโฮนา, พ.ย. 2019, 19–21.

  3. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การเปิดเผยสำหรับศาสนจักร การเปิดเผยสำหรับชีวิตเรา,” 95; นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น, “ความทรงจำสำคัญทางวิญญาณ,” เลียโฮนา, พ.ค. 2020, 21; ลอดี้ รูธ คาอุก, “ฐานะปุโรหิตเป็นพรแก่เยาวชนอย่างไร,” เลียโฮนา, พ.ค. 2020, 57; เดล จี. เรนลันด์, “ประวัติครอบครัวและงานพระวิหาร: การผนึกและการเยียวยา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2018, 46–49; และ โรนัลด์ เอ. ราสแบนด์, “อย่ากังวลใจเลย,” เลียโฮนา, พ.ย. 2018, 19.

  4. ดู ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ, “ความรักที่สม‌บูรณ์ขับ‍ไล่ความกลัวออกไป,” เลียโฮนา, พ.ค. 2017, 104.

  5. ดู เดวิด เอ. เบดนาร์, “‘ให้สร้างนิเวศน์นี้แด่นามของเรา’” เลียโฮนา, พ.ค. 2020, 85.

  6. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การเปิดเผยสำหรับศาสนจักร การเปิดเผยสำหรับชีวิตเรา,” 95; และ เดล จี. เรนลันด์, “ประวัติครอบครัวและงานพระวิหาร: การผนึกและการเยียวยา,” 46–49.

  7. ดู โรนัลด์ เอ. ราสแบนด์, “อย่ากังวลใจเลย,” 20; นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น, “ความทรงจำสำคัญทางวิญญาณ,” 21–22; และ มิเชลล์ ดี. เครก, “สมรรถภาพทางวิญญาณ,” 19–21.

  8. แมเรียน จี. รอมนีย์, ใน บอยด์ เค. แพคเกอร์, Teach Ye Diligently (1975), 304.

  9. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การเปิดเผยสำหรับศาสนจักร การเปิดเผยสำหรับชีวิตเรา,” 95.

  10. ดู อิสยาห์ 28:9–10; 2 นีไฟ 28:30; หลักคำสอนและพันธสัญญา 98:11–12 และ เควนทิน แอล. คุก, “พรจากการเปิดเผยต่อเนื่องต่อศาสดาพยากรณ์และการเปิดเผยส่วนตัวเพื่อนำทางชีวิตเรา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2020, 96–100. ดู เดวิด เอ. เบดนาร์, “วิญญาณแห่งการเปิดเผย,” เลียโฮนา, พ.ค. 2011, 109–113 ด้วย

  11. ดู นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น, “ความทรงจำสำคัญทางวิญญาณ,” 20–21.

  12. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การเปิดเผยสำหรับศาสนจักร การเปิดเผยสำหรับชีวิตเรา,” 96.