การประชุมใหญ่สามัญ
ฝังลึกในใจเรา
การประชุมใหญ่สามัญ เมษายน 2020


ฝังลึกในใจเรา

พระเจ้าทรงกำลังพยายามช่วยเรา—เราทุกคน—ฝังพระกิตติคุณในใจเราให้ลึกยิ่งขึ้น

พี่น้องทั้งหลาย ยุคสมัยที่เราอยู่นี้ช่างยอดเยี่ยม เมื่อเราฉลองการเริ่มต้นของการฟื้นฟู สมควรที่เราจะฉลองการฟื้นฟูต่อเนื่องที่เรากำลังเห็นเวลานี้เช่นกัน ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีกับท่านที่ได้มีชีวิตอยู่ในยุคสมัยนี้1 พระเจ้ายังทรงดำเนินการทุกสิ่งที่จำเป็นให้ลงตัวผ่านทางศาสดาพยากรณ์ของพระองค์เพื่อช่วยให้เราพร้อมรับพระองค์2

หนึ่งในสิ่งจำเป็นเหล่านั้นคือโครงการใหม่ของเด็กและเยาวชน หลายท่านคุ้นเคยกับสิ่งสำคัญในโปรแกรมนี้เรื่องการตั้งเป้าหมาย สัญลักษณ์ใหม่ของโปรแกรม และการประชุมใหญ่เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน แต่เราต้องไม่ให้สิ่งเหล่านั้นมาบดบังหลักธรรมต่างๆ ที่โปรแกรมนี้สร้างขึ้นมาและจุดประสงค์ของหลักธรรม นั่นคือ เพื่อช่วยให้พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ฝังลึกในใจเด็กและเยาวชนของเรา3

ข้าพเจ้าเชื่อว่าเมื่อเราเริ่มเข้าใจหลักธรรมเหล่านี้ชัดเจนขึ้น เราจะตระหนักได้ว่าโปรแกรมนี้เป็นมากกว่าโปรแกรมสำหรับสมาชิกอายุ 8 ถึง 18 ปี เราจะเห็นว่าพระเจ้าทรงกำลังพยายามช่วยเรา—เราทุกคน—ฝังพระกิตติคุณในใจเราให้ลึกยิ่งขึ้นอย่างไร ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนทูลขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยให้เราเรียนรู้ด้วยกัน

สัมพันธภาพ—“อยู่กับพวกเขา”4

หลักธรรมประการแรกคือสัมพันธภาพ เพราะนี่เป็นส่วนหนึ่งโดยธรรมชาติของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ บางครั้งเราจึงหลงลืมความสำคัญของสัมพันธภาพในการเดินทางต่อเนื่องของเราไปหาพระคริสต์ ไม่มีใครคาดหวังให้เราค้นหาหรือเดินในเส้นทางพันธสัญญาเพียงลำพัง เราต้องการความรักและการสนับสนุนจากบิดามารดา สมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ มิตรสหาย และผู้นำที่กำลังเดินในเส้นทางนี้เช่นกัน

สัมพันธภาพเหล่านี้ต้องใช้เวลา เวลาที่จะอยู่ด้วยกัน เวลาที่จะหัวเราะ เล่น เรียนรู้และรับใช้ด้วยกัน เวลาที่จะเข้าใจถึงความสนใจและความท้าทายของกันและกัน เวลาที่จะเปิดใจและซื่อสัตย์ต่อกันขณะเราพากเพียรที่จะเป็นคนดีขึ้นด้วยกัน สัมพันธภาพเหล่านี้เป็นจุดประสงค์หลักอย่างหนึ่งของการชุมนุมกันเป็นครอบครัว โควรัม ชั้นเรียน และกลุ่มนมัสการ สิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานสำหรับการปฏิบัติศาสนกิจที่มีประสิทธิภาพ5

เอ็ลเดอร์เดล จี. เรนลันด์ให้กุญแจสู่การพัฒนาสัมพันธภาพเหล่านี้เมื่อท่านกล่าวว่า “เพื่อจะรับใช้ผู้อื่นอย่างมีประสิทธิผลเราต้องมองพวกเขา … ผ่านพระเนตรของพระบิดาบนสวรรค์ โดยวิธีนี้เท่านั้นเราจะเริ่มเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงของจิตวิญญาณ โดยวิธีนี้เท่านั้นเราจะรู้สึกถึงความรักที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงมีต่อบุตรธิดาทุกคนของพระองค์”6

การมองผู้อื่นดังที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมองเป็นของประทานอย่างหนึ่ง ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้เราทุกคนแสวงหาของประทานนี้ เมื่อเราเปิดตามอง7 เราจะสามารถช่วยให้ผู้อื่นมองตนเองอย่างที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมองพวกเขาได้เช่นกัน8 ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์เน้นถึงอำนาจนี้เมื่อท่านกล่าวว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือสิ่งที่ [คนอื่น] เรียนรู้จาก [ท่าน] เกี่ยวกับคนแบบที่พวกเขาเป็นจริงๆ และคนแบบที่พวกเขาจะเป็นได้จริงๆ ข้าพเจ้าเดาว่าพวกเขาจะไม่ได้เรียนรู้อะไรมากนักจากการบรรยาย แต่จะเรียนรู้จาก ความรู้สึก ของคนแบบที่ท่านเป็น คนแบบที่ท่านคิดว่าพวกเขาเป็น และคนแบบที่ท่านคิดว่าพวกเขาอาจเป็นได้”9 การช่วยให้ผู้อื่นเข้าใจอัตลักษณ์ที่แท้จริงและจุดประสงค์ของตนเป็นของประทานยิ่งใหญ่ที่สุดที่เราจะให้ได้10 การมองผู้อื่นและตนเองเหมือนที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมอง ทำให้ใจเราผูกพัน “กันไว้ในความเป็นหนึ่งเดียวและในความรัก”11

ด้วยแรงกดดันทางโลกที่มีต่อเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราจึงต้องการความเข้มแข็งที่มาจากสัมพันธภาพแห่งความรัก ดังนั้นเมื่อเราวางแผนกิจกรรม การประชุม และการชุมนุมอื่นๆ เราควรจดจำว่าจุดประสงค์หลักของการชุมนุมเหล่านี้คือสร้างสัมพันธภาพแห่งความรักที่จะทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันและช่วยทำให้พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ฝังลึกยิ่งขึ้นในใจเรา12

การเปิดเผย สิทธิ์เสรี และการกลับใจ—“เชื่อมสิ่งเหล่านี้กับสวรรค์”13

แน่นอนว่าไม่เพียงพอที่จะผูกพันกันเท่านั้น มีหลายกลุ่มและหลายองค์การที่บรรลุความเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งที่มีอุดมการณ์หลากหลาย แต่ความเป็นหนึ่งเดียวกันที่เราแสวงหาคือการเป็น​อัน​หนึ่ง​อัน​เดียว‍กัน​ใน​พระคริสต์เพื่อเชื่อมเราไว้กับพระองค์14 เพื่อเชื่อมใจเรากับสวรรค์ เราต้องมีประสบการณ์ส่วนตัวทางวิญญาณ ดังที่เอ็ลเดอร์แอนเดอร์เซ็นเพิ่งพูดกับเราไปอย่างน่าประทับใจ15 ประสบการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำพระคำและความรักของพระผู้เป็นเจ้ามาสู่ความคิดและใจเรา16

การเปิดเผยนี้มาผ่านพระคัมภีร์ โดยเฉพาะพระคัมภีร์มอรมอน ผ่านถ้อยคำที่ได้รับการดลใจจากศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตและสานุศิษย์ที่ซื่อสัตย์คนอื่นๆ และผ่านเสียงสงบแผ่วเบา17 ถ้อยคำเหล่านี้เป็นมากกว่าน้ำหมึกบนหน้ากระดาษ คลื่นเสียงในหู ความคิดในสมอง หรือความรู้สึกในใจเรา พระคำของพระผู้เป็นเจ้าเป็นพลังทางวิญญาณ18 เป็นความจริงและความสว่าง19 นี่คือวิธีที่เราฟังพระองค์! พระคำทำให้เราเริ่มมีศรัทธาและเพิ่มศรัทธาของเราในพระคริสต์และเป็นเชื้อเพลิงให้แก่ความปรารถนาในตัวเราที่จะเป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้น—ที่จะกลับใจและเดินในเส้นทางพันธสัญญา20

เดือนเมษายนปีที่แล้ว ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันช่วยให้เราเข้าใจบทบาทสำคัญของการกลับใจในการเดินทางที่ได้รับการเปิดเผยนี้21 ท่านกล่าวว่า “เมื่อเราเลือกกลับใจ เราเลือกที่จะเปลี่ยนแปลง! เรายอมให้พระผู้ช่วยให้รอดทรงเปลี่ยนเราเป็นตัวเราเองในแบบที่ดีที่สุด … เราเลือกที่จะเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์มากขึ้น!”22 กระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งเติมเชื้อเพลิงด้วยพระคำของพระผู้เป็นเจ้า เป็นวิธีที่เราเชื่อมต่อกับสวรรค์

สิ่งที่ซ่อนอยู่ในคำเชื้อเชิญให้กลับใจของประธานเนลสันคือหลักธรรมแห่งสิทธิ์เสรี เราต้อง เลือก การกลับใจด้วยตัวเราเอง ไม่มีใครบังคับพระกิตติคุณเข้าไปในใจเราได้ ดังที่เอ็ลเดอร์เรนลันด์กล่าวว่า “เป้าหมายของพระบิดาบนสวรรค์ในการเป็นบิดาไม่ใช่ให้บุตรธิดา ทำ สิ่งที่ถูกต้อง แต่ให้บุตรธิดา เลือก ทำสิ่งที่ถูกต้อง”23

ในโปรแกรมซึ่งแทนที่ด้วยโปรแกรมเด็กและเยาวชน มีข้อกำหนดต่างๆ มากกว่า 500 ข้อที่ต้องทำให้เสร็จเพื่อให้ได้รับรางวัลต่างๆ24 ปัจจุบันมีข้อกำหนดสำคัญมากหนึ่งข้อ นั่นคือ คำเชื้อเชิญให้ เลือก เป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้น เราทำสิ่งนี้โดยการรับพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์และยอมให้พระคริสต์ทรงเปลี่ยนแปลงให้เราเป็นตัวเราในแบบที่ดีที่สุด

นี่เป็นมากกว่าการฝึกตั้งเป้าหมายหรือพัฒนาตนเอง เป้าหมายเป็นเพียงเครื่องมือช่วยให้เราเชื่อมกับสวรรค์ผ่านการเปิดเผย สิทธิ์เสรี และการกลับใจ—เพื่อมาหาพระคริสต์และรับพระกิตติคุณของพระองค์ฝังลึกยิ่งขึ้นในใจเรา

การมีส่วนร่วมและการเสียสละ—“ให้พวกเขานำ”25

ท้ายที่สุดเพื่อให้พระกิตติคุณฝังลึกในใจเรา เราจำเป็นต้องมีส่วนร่วม—ให้เวลาและพรสวรรค์กับสิ่งนั้น เสียสละเพื่อสิ่งนั้น26 เราทุกคนต้องการดำเนินชีวิตอย่างมีความหมาย เรื่องนี้จริงเป็นพิเศษสำหรับอนุชนรุ่นหลัง พวกเขาปรารถนาอุดมการณ์

พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เป็นอุดมการณ์ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสันกล่าวว่า “เราได้รับบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้าให้นำพระกิตติคุณไปให้ชาวโลก นั่นเป็นอุดมการณ์ที่ต้องรวมเราเป็นหนึ่งเดียวกันวันนี้ พระกิตติคุณเท่านั้นจะช่วยให้โลกรอดจากภัยของการทำลายตนเอง พระกิตติคุณเท่านั้นจะทำให้ชาย [และหญิง] ของทุกชนชาติและเผ่าพันธุ์เป็นหนึ่งเดียวกันในสันติสุข พระกิตติคุณเท่านั้นจะนำปีติ ความสุข และความรอดมาสู่ครอบครัวมนุษย์”27

เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์สัญญาว่า “เมื่อเราให้พลังกับเยาวชนโดยเชื้อเชิญและอนุญาตให้พวกเขากระทำ ศาสนจักรจะมุ่งหน้าต่อไปในวิธีที่น่าอัศจรรย์”28 บ่อยครั้งที่เราไม่ได้เชื้อเชิญและยอมให้เยาวชนเสียสละเพื่ออุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของพระคริสต์ เอ็ลเดอร์นีล เอ. แมกซ์เวลล์ให้ข้อสังเกตว่า “ถ้าเยาวชน [ของเรา] รู้สึกเฉยชามากเกินไป [เนื่องจากงานของพระผู้เป็นเจ้า] พวกเขาก็มีแนวโน้มจะรู้สึกหนักใจเนื่องจากโลก”29

โปรแกรมเด็กและเยาวชนมุ่งเน้นที่การให้พลังกับเยาวชน พวกเขาเลือกเป้าหมายของตนเอง ฝ่ายประธานโควรัมและฝ่ายประธานชั้นเรียนมีบทบาทที่เหมาะสม สภาเยาวชนวอร์ด เช่นเดียวกับสภาวอร์ด มุ่งเน้นงานแห่งความรอดและความสูงส่ง30 โควรัมและชั้นเรียนเริ่มการประชุมโดยปรึกษาหารือเกี่ยวกับวิธีทำงานที่พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่พวกเขา31

ประธานเนลสันกล่าวกับเยาวชนของศาสนจักรว่า “ถ้าท่านเลือก ถ้าท่านต้องการ ท่านสามารถเป็นส่วนสำคัญของบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ บางสิ่งที่โอ่อ่า บางสิ่งที่สง่างาม! … ท่านเป็นหนึ่งในบรรดาคนดีที่สุดที่พระเจ้า เคย ส่งมายังโลกนี้ ท่านมีสมรรถภาพที่จะฉลาดกว่า มีปัญญามากกว่า และมีอิทธิพลต่อโลกมากกว่าคนรุ่นก่อน!”32 อีกครั้งหนึ่งที่ประธานเนลสันบอกกับเยาวชนว่า “ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมในตัวท่าน ข้าพเจ้ารักท่าน และพระเจ้าทรงรักท่าน เราเป็นผู้คนของพระองค์ มีส่วนด้วยกันในงานศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์”33 คนหนุ่มสาวทั้งหลาย ท่านรู้สึกถึงความไว้วางใจที่ประธานเนลสันมีต่อท่านหรือไม่และท่านสำคัญเพียงใดต่องานนี้?

บิดามารดาและผู้นำที่เป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าเชื้อเชิญให้ท่านมองเยาวชนดังที่ประธานเนลสันมอง เมื่อเยาวชนรู้สึกถึงความรักและความไว้วางใจของท่าน เมื่อท่านกระตุ้นและสอนวิธีนำแก่พวกเขา—แล้วปล่อยให้พวกเขานำ—พวกเขาจะทำให้ท่านประหลาดใจด้วยข้อคิดลึกซึ้ง ความสามารถ และความมั่นคงต่อพระกิตติคุณ34 พวกเขาจะรู้สึกถึงปีติของการเลือกมีส่วนร่วมและการเสียสละเพื่ออุดมการณ์ของพระคริสต์ พระกิตติคุณของพระองค์จะฝังลึกลงในใจของพวกเขายิ่งขึ้น และงานจะเดินหน้าต่อไปในวิธีที่น่าอัศจรรย์

คำสัญญาและประจักษ์พยาน

ข้าพเจ้าสัญญาว่าเมื่อเรามุ่งเน้นที่หลักธรรมเหล่านี้—สัมพันธภาพ การเปิดเผย สิทธิ์เสรี การกลับใจ และการเสียสละ—พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์จะฝังลึกอยู่ในใจเราทุกคนยิ่งขึ้น เราจะเห็นการฟื้นฟูมุ่งหน้าต่อไปสู่จุดประสงค์สูงสุด การไถ่อิสราเอล และการสถาปนาไซอัน35 ที่ซึ่งพระคริสต์จะทรงปกครองเป็นพระมหากษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระผู้เป็นเจ้ายังทรงดำเนินการในทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อเตรียมผู้คนของพระองค์ให้พร้อมสำหรับวันนั้น ขอให้เรามองเห็นพระหัตถ์ของพระองค์ในงานอันเรืองโรจน์นี้ขณะที่เราทุกคนพยายาม “มาหาพระคริสต์ และได้รับการทำให้ดีพร้อมในพระองค์”36 ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:12. ประธานเนลสันกล่าวว่า “ลองนึกถึงความตื่นเต้นและความเร่งรีบของทั้งหมด: ศาสดาพยากรณ์ทุกท่านเริ่มตั้งแต่อาดัมมองเห็นยุคสมัยของเรา และศาสดาพยากรณ์ทุกท่านได้พูดถึงยุคสมัย ของเรา เมื่ออิสราเอลจะถูกรวบรวมและโลกจะพร้อมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอด ลองนึกดู! จากบรรดาคนทั้งหมดที่เคยอยู่บนแผ่นดินโลก เรา เป็นคนที่มีส่วนร่วมในงานรวบรวมครั้งสุดท้ายที่สำคัญยิ่งนี้ ช่างน่าตื่นเต้น!” (“ความหวังอิสราเอล” [การให้ข้อคิดทางวิญญาณสำหรับเยาวชนทั่วโลก, 3 มิถุนายน 2018], HopeofIsrael.ChurchofJesusChrist.org)

    เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์สอนว่า:

    “ช่างเป็นเวลาอันยอดเยี่ยมที่จะมีชีวิตอยู่!

    “พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เป็นความจริงอันแน่นอนที่สุด มั่นคงที่สุด เชื่อถือได้ที่สุด และคุ้มค่ามากที่สุดบนแผ่นดินโลกและในสวรรค์ ในกาลเวลาและในนิรันดร ไม่มีสิ่งใด—ไม่ว่าอะไรก็ตาม ไม่ว่าใคร ไม่ว่าอิทธิพลใด—จะปิดกั้นศาสนจักรนี้จากการทำให้พันธกิจเกิดสัมฤทธิผลและทำให้จุดหมายปลายทางที่ประกาศไว้ก่อนการวางรากฐานโลกเป็นจริง … ท่านไม่จำเป็นต้องกลัวหรือลังเลเกี่ยวกับอนาคต

    “ไม่เหมือนกับยุคสมัยอื่นๆ ก่อนหน้าเรา สมัยการประทานนี้จะไม่ประสบกับการละทิ้งความเชื่อในสถาบัน จะไม่เห็นการสูญเสียกุญแจฐานะปุโรหิต จะไม่ทนทุกข์กับการขาดการเปิดเผยจากสุรเสียงของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ … ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่ามีชีวิตอยู่อะไรเช่นนี้!

    “… ถ้าท่านไม่ทันสังเกต ข้าพเจ้ามีความหวังในยุคสุดท้าย … จงเชื่อ จงลุกขึ้น จงซื่อสัตย์ และทำให้วันที่เรามีชีวิตอยู่ยอดเยี่ยมที่สุด!” (Facebook Post, 27 พ.ค. 2015; ดู “Be Not Afraid, Only Believe” [address to Church Educational System religious educators, Feb. 6, 2015], broadcasts.ChurchofJesusChrist.org) ด้วย.

  2. ดู ยอห์น 1:12.

  3. ไม่นานหลังจากเราได้รับเรียกเป็นฝ่ายประธานเยาวชายสามัญ ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์สนทนากับเราถึงความท้าทายและโอกาสพิเศษที่เยาวชนของศาสนจักรประสบในปัจจุบันนี้ ท่านแนะนำให้เรามุ่งเน้นสิ่งที่จะช่วยให้พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ฝังลึกในใจของพวกเขา คำแนะนำนี้กลายเป็นดวงประทีปให้เราในฐานะฝ่ายประธานเยาวชนชาย

  4. ดู “Be with Them,” ChurchofJesusChrist.org/callings/aaronic-priesthood-quorums/my-calling/leader-instruction/be-with-them.

  5. ดู โมไซยาห์ 18:25; โมโรไน 6:5.

  6. เดล จี. เรนลันด์, “ผ่านพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ย. 2015, 94; ดู โมเสส 1:4–6 ด้วย.

    ประธานโธมัส เอส. มอนสันสอนว่า “เรามีความรับผิดชอบที่ต้องมองแต่ละคนไม่ใช่แบบที่พวกเขาเป็นแต่มองแบบที่พวกเขาจะเป็นได้ ข้าพเจ้าขอวิงวอนให้ท่านนึกถึงพวกเขาในวิธีนี้” (“มองผู้อื่นดังที่พวกเขาจะเป็น,” เลียโฮนา, พ.ย. 2012, 70).

    เอ็ลเดอร์นีล เอ. แมกซ์เวลล์สอนว่า “บ่อยครั้งที่การแสดงออกของคนหนุ่มสาวคนหนึ่งที่ ไม่สอดคล้อง กับมาตรฐานของศาสนจักร หรือคำถามที่คล้ายจู่โจมหรือการแสดงความสงสัยของเขาทำให้เขาถูกตราหน้าอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์อาจเป็นการตีตนออกห่างและบางครั้งเป็นการไม่คบหาสมาคมอีกต่อไป ความรักที่แท้จริงไม่ชอบการตราหน้า!” (“Unto the Rising Generation,” Ensign, Apr. 1985, 9).

  7. ดู 2 พงศ์กษัตริย์ 6:17.

  8. สตีเฟน แอล. ริชาร์ดส์ ในฐานะสมาชิกของฝ่ายประธานสูงสุดกล่าวว่า: “ประเภทของการเล็งเห็นในรูปแบบสูงสุดคือสิ่งที่สังเกตเห็นในผู้อื่นและเผยให้คนเหล่านั้นทราบคุณสมบัติที่ดีกว่าและความดีที่มีอยู่ในตัวพวกเขา” (ใน Conference Report, Apr. 1950, 162; ใน David A. Bednar, “Quick to Observe,” Ensign, Dec. 2006, 35; เลียโฮนา, ธ.ค. 2006, 19). ดู 2 พงษ์กษัตริย์ 6:17 ด้วย.

  9. Henry B. Eyring, “Teaching Is a Moral Act” (address at Brigham Young University, Aug. 27, 1991), 3, speeches.byu.edu; emphasis added; ดู เฮนรีย์ บี. อายริงก์, “จงช่วยพวกเขาเล็งให้สูง,” เลียโฮนา, พ.ย. 2012, 60–67.

  10. ดู โมเสส 1:3–6.

  11. โมไซยาห์ 18:21; ดู โมเสส 7:18 ด้วย.

  12. “เยาวชนชายผู้มีสัมพันธภาพที่ดีและแน่นแฟ้นกับครอบครัว [วิสุทธิชนยุคสุดท้าย] ที่แข็งขัน เพื่อนร่วมรุ่น และผู้นำ ซึ่งช่วยให้พวกเขาพัฒนาความสัมพันธ์กับพระบิดาบนสวรรค์นั้นน่าจะคงอยู่อย่างแข็งขันต่อไป องค์ประกอบของโปรแกรมบางอย่าง—เช่นหลักสูตรวันอาทิตย์ โปรแกรมกิจกรรม [เยาวชนชาย] ความมุ่งหวังความสำเร็จส่วนบุคคล … อาจมีผลเล็กน้อยต่อความสัมพันธ์เหล่านั้น … คำถามสำคัญไม่ได้อยู่ที่เราดำเนินองค์ประกอบของโปรแกรมให้ครบถ้วนสมบูรณ์อย่างไร แต่เป็นการที่องค์ประกอบเหล่านั้นส่งเสริมสัมพันธภาพอันดีที่เสริมสร้างอัตลักษณ์ทางศาสนาของเยาวชนชาย [วิสุทธิชนยุคสุดท้าย] อย่างไรต่างหาก” (“Be with Them,” ChurchofJesusChrist.org/callings/aaronic-priesthood-quorums/my-calling/leader-instruction/be-with-them).

  13. ดู “Connect Them with Heaven,” ChurchofJesusChrist.org/callings/aaronic-priesthood-quorums/my-calling/leader-instruction/connect-them-with-heaven.

  14. ดู ยอห์น 15:1–5; 17:11; ฟีลิปปี 4:13; 1 ยอห์น 2:6; เจคอบ 1:7; ออมไน 1:26; โมโรไน 10:32.

  15. พระคัมภีร์เต็มไปด้วยตัวอย่างของเรื่องนี้; นี่เป็นเพียงสองตัวอย่าง: 1 นีไฟ 2:16; อีนัส 1:1–4.

  16. ดู ลูกา 24:32; 2 นีไฟ 33:1–2; เจคอบ 3:2; โมโรไน 8:26; หลักคำสอนและพันธสัญญา 8:2–3.

  17. ดู 2 ทิโมธี 3:15–16; หลักคำสอนและพันธสัญญา 68:3–4; 88:66; 113:10.

  18. ดู 1 เธสะโลนิกา 1:5; แอลมา 26:13; 31:5; ฮีลามัน 3:29; 5:17; หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:4–6; 42:61; 43:8–10; 50:17–22; 68:4.

  19. ดู ยอห์น 6:63; 17:17; แอลมา 5:7; หลักคำสอนและพันธสัญญา 84:43–45; 88:66; 93:36.

  20. ดู ยอห์น 15:3; 1 เปโตร 1:23; โมไซยาห์ 1:5; แอลมา 5:7, 11–13; 32:28, 41–42; 36:26; 62:45; ฮีลามัน 14:13.

  21. ดู 2 นีไฟ 31:19–21; 32:3, 5.

  22. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “เราสามารถทำได้ดีขึ้นและเป็นคนดีขึ้น,” เลียโฮนา, พ.ค. 2019, 67.

  23. เดล จี. เรนลันด์, “ท่านจะเลือกเสียในวันนี้,” เลียโฮนา, พ.ย. 2018, 104.

  24. ตัวเลขนี้รวมถึงข้อกำหนดของโปรแกรมลูกเสือซึ่งจนถึงเมื่อไม่นานมานี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมกิจกรรมศาสนจักรสำหรับเด็กชายและเยาวชนชายในสหรัฐและแคนาดาเป็นหลัก ส่วนในพื้นที่ซึ่งไม่ได้ร่วมโปรแกรมลูกเสือ จำนวนข้อกำหนดมีมากกว่า 200 ข้อ นอกจากนี้ โปรแกรมกิจกรรมที่หลากหลายของเด็กชาย เด็กหญิง เยาวชนชาย และเยาวชนหญิงยังมีโครงสร้างแตกต่างกัน ทำให้ประสบการณ์ทั้งหมดมีความซับซ้อนยิ่งขึ้นสำหรับครอบครัว

  25. ดู “Let Them Lead,” ChurchofJesusChrist.org/callings/aaronic-priesthood-quorums/my-calling/leader-instruction/let-them-lead.

  26. ดู ออมไน 1:26; 3 นีไฟ 9:20; 12:19; หลักคำสอนและพันธสัญญา 64:34. “ศาสนาที่ไม่เรียกร้องการเสียสละอะไรเลยไม่มีพลังอำนาจมากพอจะก่อให้เกิดศรัทธาอันจำเป็นต่อชีวิตและความรอด” (Lectures on Faith [1985], 69).

  27. Ezra Taft Benson, The Teachings of Ezra Taft Benson (1988), 167; ใน Preach My Gospel: A Guide to Missionary Service (2019), 13; ดู Russell M. Nelson, “Hope of Israel,” HopeofIsrael.ChurchofJesusChrist.org ด้วย.

  28. การประชุมกับเอ็ลเดอร์เบดนาร์; ดู “2020 Temple and Family History Leadership Instruction,” Feb. 27, 2020, ChurchofJesusChrist.org/family-history ด้วย.

  29. Neal A. Maxwell, “Unto the Rising Generation,” 11. เอ็ลเดอร์แม็กซ์เวลล์กล่าวต่อไปว่า “ตามหน้าที่ มีฝ่ายประธานโควรัมมัคนายกและฝ่ายประธานโควรัมผู้สอนใดบ้างที่มีไว้เพียงเพื่อขอให้ใครบางคนกล่าวคำสวดอ้อนวอนหรือส่งผ่านศีลระลึก? พี่น้องชายทั้งหลาย คนเหล่านี้เป็นวิญญาณพิเศษจริงๆ และพวกเขาสามารถทำเรื่องสำคัญๆได้ถ้ามีโอกาส!”

  30. ดู General Handbook: Serving in The Church of Jesus Christ of Latter-day Saints, 2.2, ChurchofJesusChrist.org.

  31. มีแหล่งช่วยมากมายในคลังค้นคว้าพระกิตติคุณที่ช่วยให้เยาวชนเป็นผู้นำ รวมถึง “แหล่งช่วยฝ่ายประธานโควรัมและฝ่ายประธานชั้นเรียน,” “การใช้ จงตามเรามา—สำหรับโควรัมฐานะปุโรหิตแห่งอาโรนและชั้นเรียนเยาวชนหญิง” และในแหล่งช่วยสำหรับชั้นเรียนเยาวชนหญิงและโควรัมฐานะปุโรหิตแห่งอาโรนใน “การเรียกวอร์ดหรือสาขา”

  32. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “ความหวังของอิสเราเอล,” HopeofIsrael.ChurchofJesusChrist.org. ระหว่างการให้ข้อคิดทางวิญญาณเดียวกันนี้ ประธานเนลสันกล่าวว่า “พระบิดาบนสวรรค์ทรงเก็บรักษาดวงวิญญาณที่สูงส่งที่สุดหลายดวงของพระองค์—บางทีข้าพเจ้าอาจพูดได้ว่าเป็นทีมที่ดีที่สุดของพระองค์—สำหรับระยะสุดท้ายนี้ ดวงวิญญาณที่สูงส่งเหล่านั้น—ผู้เล่นที่ดีที่สุดเหล่านั้น วีรบุรุษวีรสตรีเหล่านั้น—คือท่าน!”

  33. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, คำปราศรัยเปิดการประชุมใน “โปรแกรมเด็กและเยาวชน: รายการสนทนากันตรงหน้ากับเอ็ลเดอร์เกอร์ริท ดับเบิลยู. กอง,” 17 พ.ย. 2019, broadcasts.ChurchofJesusChrist.org.

  34. ประธานเนลสันกล่าวว่า “เราต้องให้คนรุ่นเยาว์นำ โดยเฉพาะคนที่ได้รับการเรียกและการวางมือมอบหน้าที่ให้รับใช้ในฝ่ายประธานชั้นเรียนและฝ่ายประธานโควรัม พวกเขาจะได้รับมอบสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิต พวกเขาจะเรียนรู้วิธีรับการดลใจในการนำชั้นเรียนหรือโควรัมของพวกเขา” (ใน “การนำเสนอวีดิทัศน์แนะนำโปรแกรมเด็กและเยาวชน,” 29 ก.ย. 2019, ChurchofJesusChrist.org).

    เอ็ลเดอร์เควนทิน แอล. คุกกล่าวว่า “เราขอให้เยาวชนรับผิดชอบหน้าที่ส่วนตัวมากขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อย—โดยที่บิดามารดาและผู้นำไม่เข้ามาทำสิ่งที่เยาวชนทำได้ด้วยตนเอง” (“การปรับเปลี่ยนเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เยาวชน,” เลียโฮนา, พ.ย. 2019, 40).

  35. ประธานจอร์จ คิว. แคนนอนสอนว่า: “พระผู้เป็นเจ้าทรงสงวนวิญญาณทั้งหลายไว้สำหรับสมัยการประทานนี้ วิญญาณที่มีความกล้าและความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเผชิญโลกและเผชิญอำนาจทั้งหลายทั้งปวงของคนชั่วคนนั้น ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น เพื่อประกาศพระกิตติคุณ ธำรงความจริง สถาปนาและเสริมสร้างไซอันของพระผู้เป็นเจ้าของเราโดยไม่กลัวผลทั้งหมดที่ตามมา พระองค์ทรงส่งวิญญาณเหล่านี้มาในยุคนี้เพื่อวางรากฐานของไซอันมิให้ถูกโค่นลงอีก และเลี้ยงดูพงศ์พันธุ์ให้เป็นคนชอบธรรม เทิดพระเกียรติพระผู้เป็นเจ้า และเทิดพระเกียรติพระองค์อย่างสูงสุด เชื่อฟังพระองค์ภายใต้สภาวการณ์ทุกอย่าง” (“Remarks,” Deseret News, May 31, 1866, 203); ดู คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ (2007), 199 ด้วย.

  36. โมโรไน 10:32.