2010–2019
สันติสุขส่วนตัว: รางวัลแห่งความชอบธรรม
เมษายน 2013


สันติสุขส่วนตัว: รางวัลแห่งความชอบธรรม

แม้ในความยากลำบากของชีวิต เนื่องจากการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดและพระคุณของพระองค์ การดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรมจะได้รับสันติสุขส่วนตัวเป็นรางวัล

ประสบการณ์เมื่อเร็วๆ นี้ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงหลักธรรมแห่งสันติสุขและโดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของพระเยซูคริสต์ของการช่วยเหลือเราแต่ละคนให้ได้รับสันติสุขส่วนตัวที่ถาวร

ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมามีสองเหตุการณ์ที่สะเทือนอารมณ์ของข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก เหตุการณ์แรกคือข้าพเจ้าได้พูด ณ พิธีฝังศพของเอมิลี พาร์เกอร์เด็กหญิงตัวน้อยที่แสนน่ารักอายุ 6 ขวบที่เสียชีวิตพร้อมกับคนอื่น ๆ อีก 25 คน ซึ่งมีเด็กเล็กๆ 19 คนในเหตุการณ์กราดยิงอันน่าเศร้าสลดในเมืองนิวทาว์น คอนเนตทิคัต ข้าพเจ้าโศกเศร้ากับครอบครัวของเธอและรู้ว่าผู้คนจำนวนมากถูกพรากจากสันติสุข ข้าพเจ้าพบความเข้มแข็งและศรัทธาในโรเบิร์ตกับอลิซา พาร์คเกอร์ บิดามารดาของเธอ

เหตุการณ์ที่สองข้าพเจ้าได้พบกับสมาชิกผู้ซื่อสัตย์ของศาสนจักรหลายพันคนในเมืองไอโวรีโคสท์แห่งอาบิดจัน1 ประเทศในแอฟริกาตะวันตกที่พูดภาษาฝรั่งเศสแห่งนี้ต้องกล้ำกลืนต่อความยากลำบากทางเศรษฐกิจ รัฐประหารของทหาร และสงครามกลางเมืองสองครั้งเมื่อไม่นานมานี้ซึ่งหยุดไปในปี 2011 กระนั้นข้าพเจ้าก็ยังรู้สึกถึงสันติสุขที่พิเศษเมื่อข้าพเจ้าอยู่กับพวกเขา

เหตุการณ์ต่าง ๆ มักเกิดขึ้นและปล้นสันติสุขไปจากเราและทำให้เรารู้สึกอ่อนแอลง

ใครเล่าจะลืมการโจมตีอันเลวร้ายของวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2001 ในสถานที่ต่างๆ ของสหรัฐ เหตุการณ์เหล่านี้ย้ำเตือนเราว่าความรู้สึกแห่งสันติสุขและความปลอดภัยของเราสามารถถูกทำลายได้อย่างง่ายดายเพียงใด

ลูกชายคนโตของเราและภรรยาของเขาที่กำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรกอาศัยอยู่ห่างออกไปจากตึกเวิร์ดเทรด เซ็นเตอร์ในนิวยอร์กซิตี้สามช่วงตึกเมื่อเครื่องบินลำแรกพุ่งชนอาคารทิศเหนือ พวกเขาวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าของอพาร์ทเม้นต์และตระหนกกับภาพที่เห็น สิ่งที่พวกเขาเข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุร้ายแรง จากนั้นพวกเขาก็เห็นกับตาเครื่องบินลำที่สองชนอาคารทิศใต้และตระหนักว่านั่นไม่ใช่อุบัติเหตุและเชื่อว่าที่เกาะแมนแฮตตันฝั่งใต้กำลังถูกโจมตี เมื่ออาคารทิศใต้พังทลาย อพาร์ทเม้นต์ของพวกเขาปกคลุมไปด้วยฝุ่นที่กระหน่ำลงมายังเกาะแมนฮัตตันฝั่งใต้

ด้วยความสับสนกับสิ่งที่พวกเขาเห็นและกังวลว่าจะมีการโจมตีอีก พวกเขาจึงไปบริเวณที่ปลอดภัยกว่าและจากนั้นไปที่อาคารศาสนจักรของสเตคแมนแฮตตันที่ลินคอล์น เซ็นเตอร์ เมื่อมาถึงพวกเขาพบว่ามีสมาชิกในเกาะแมนแฮตตันฝั่งใต้จำนวนหนึ่งตัดสินใจมารวมตัวกันที่ศูนย์สเตคเช่นเดียวกัน พวกเขาโทรศัพท์หาเราเพื่อแจ้งให้เราทราบว่าอยู่ที่ใด ข้าพเจ้าโล่งใจเมื่อทราบว่าพวกเขาปลอดภัย แต่ไม่ประหลาดใจเกี่ยวกับสถานที่พวกเขาไป การเปิดเผยในยุคปัจจุบันสอนว่าสเตคแห่งไซอันเป็นการป้องกันและเป็น “ที่พักพิงจาก​พายุ, และ​จาก​พระ​พิโรธ​เมื่อ​จะ​เท​ลงมาโดย​มิได้​เจือจาง​บน​ทั้ง​ผืน​แผ่นดิน​โลก.”2

พวกเขาไม่สามารถกลับอพาร์ทเม้นต์ของตนเองเป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์และเศร้าสลดกับชีวิตของคนบริสุทธิ์ที่เสียชีวิต แต่พวกเขาไม่ได้ประสบกับความเสียหายที่ถาวร

การใคร่ครวญเหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ข้าพเจ้ามีความรู้สึกอย่างลึกซึ้งต่อความแตกต่างด้านหลักธรรมระหว่างสันติสุขของมวลมนุษย์หรือทางโลกกับสันติสุขส่วนตัว3

เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดประสูติชาวสวรรค์หมู่หนึ่งร่วมสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าและประกาศว่า “พระสิริจงมีแต่พระเจ้าในที่สูงสุด ส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุข จงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายที่พระองค์โปรดปรานนั้น”4

แต่มีข้อสังเกตที่น่าเศร้าคือแม้ช่วงเวลาที่สำคัญนิรันดร์นี้เกิดขึ้นหลังจากการประสูติของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์เฮโรดก็ยังคงส่งคนให้ไปฆ่าทารกที่ไร้เดียงสาในเบธเลเฮม5

สิทธิ์เสรีเป็นส่วนที่สำคัญในแผนแห่งความสุข สิทธิ์เสรีทำให้เกิดความรัก การเสียสละ การเติบโตส่วนบุคคลและประสบการณ์ที่จำเป็นต่อความก้าวนิรันดร์ของเรา สิทธิ์เสรีดังกล่าวยังก่อให้เกิดความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานที่เราประสบในความเป็นมรรตัยแม้กระทั่งจากสิ่งที่เราไม่เข้าใจและการเลือกที่รุนแรงชั่วร้ายของผู้อื่นอีกด้วย สงครามที่เกิดขึ้นในสวรรค์ต่อสู้เพื่อสิทธิ์เสรีอันชอบธรรมและจำเป็นต่อความเข้าใจของการปฏิบัติศาสนกิจบนแผ่นดินโลกของพระผู้ช่วยให้รอด

ดังที่กล่าวไว้ในมัทธิวบทที่ 10 พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนอัครสาวกสิบสองและทรงรู้ว่าพระพันธกิจของพระองค์จะไม่ก่อให้เกิดสันติสุขของมวลมนุษย์ในชีวิตมรรตัยนี้ พระองค์ทรงบอกให้อัครสาวกมอบสันติสุขแก่บ้านที่ไปเยี่ยมเยียนแต่ทรงเตือนว่าจะเหล่าอัครสาวกจะอยู่ “ท่ามกลางพวกหมาป่า … [และ] คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา แต่ผู้ที่สู้ทนจนถึงที่สุดจะได้รับความรอด”6 คำประกาศอันมีนัยสำคัญกล่าวอยู่ในข้อ 34: “อย่าคิดว่าเรามาเพื่อจะนำสันติภาพมาสู่โลก”7 เห็นได้ชัดว่าสันติสุขของมวลมนุษย์ไม่มีอยู่บนแผ่นดินโลกระหว่างการปฏิบัติศาสนกิจแห่งมรรตัยของพระคริสต์ และไม่มีในขณะนี้

ในคำนำของพระเจ้าที่ทรงให้ไว้ในหลักคำสอนและพันธสัญญา มีการสอนหลักธรรมที่สำคัญยิ่งเป็นจำนวนมาก สำหรับผู้ที่ไม่กลับใจ พระวิญญาณของพระองค์ (พระวิญญาณของพระคริสต์) ที่​ประทานแก่​มนุษย์​ทุกคนที่มา​ใน​โลก8 “จะไม่พากเพียรกับมนุษย์เสมอไป”9 ทั้ง “สันติสุขจะถูกนำไปจากแผ่นดินโลก”10 ศาสดาพยากรณ์ได้ประกาศว่าสันติสุขจะถูกนำไปจากแผ่นดินโลกอย่างแน่นอน11 ลูซิเฟอร์ยังไม่อยู่ในพันธนาการและใช้อำนาจบนโลกนี้12

ความปรารถนาอันชอบธรรมของคนดีทุกหนแห่งได้เป็นสันติสุขบนโลกและจะเป็นตลอดไป เราต้องไม่หยุดการไขว่คว้าเป้าหมายนี้ แต่ ประธานโจเซฟ เอฟ. สมิธสอนว่า “วิญญาณแห่งสันติและความรัก … จะไม่มีวันมาสู่โลกเลยจนกว่ามนุษยชาติจะได้รับความจริงของพระผู้เป็นเจ้าและข่าวสารของพระผู้เป็นเจ้า ... และยอมรับพลังและอำนาจของพระองค์ซึ่งศักดิ์สิทธิ์”13

เราหวังและสวดอ้อนวอนด้วยความกระตือรือร้นเพื่อสันติสุขของมวลมนุษย์แต่โดยผ่านแต่ละบุคคลและครอบครัวนั่นเองที่เราจะได้รับสันติสุขอันเป็นรางวัลแห่งความชอบธรรมที่ทรงสัญญาไว้ สันติสุขนี้เป็นของประทานแห่งการปฏิบัติศาสนกิจและการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสัญญาไว้

หลักธรรมนี้ได้รับการกล่าวถึงอย่างกระชับในหลักคำสอนและพันธสัญญาว่า “ แต่​จง​เรียน​รู้​ว่า คน​ที่​ทำ​งาน​แห่ง​ความชอบธรรม​จะ​ได้​รับรางวัล​ของ​เขา, แม้​สันติสุขใน​โลก​นี้ และ​ชีวิตนิรันดร์​ใน​โลก​ที่​จะ​มา​ถึง.”14

ประธานจอห์น เทย์เลอร์สอนว่าสันติสุขไม่ได้เป็นสิ่งพึงปรารถนาเท่านั้น แต่ ยัง “เป็นของประทานจากพระผู้เป็นเจ้า”15 ด้วย

สันติที่ข้าพเจ้ากำลังกล่าวถึงไม่ได้เป็นเพียงความสงบชั่วครั้งชั่วคราวท่านั้น แต่ยังเป็นความสุขอันลึกซึ้งและความพึงพอใจทางวิญญาณที่ยั่งยืนอีกด้วย16

ประธานฮีเบอร์ เจ. แกรนท์อธิบายถึงสันติสุขของพระผู้ช่วยให้รอดดังนี้ “สันติสุขของพระองค์จะบรรเทาความทุกข์ยากของเรา สมานใจที่ชอกช้ำของเรา ลบเลือนความเกลียดชังของเรา ก่อเกิดความรักต่อเพื่อนมนุษย์ในใจเรา ซึ่งจะทำให้จิตวิญญาณเราเต็มไปด้วยความสงบสุข”17 ในการพบปะกับบิดามารดาของเอมิลี พาร์เกอร์ ข้าพเจ้าเห็นสันติสุขของพระผู้ช่วยให้รอดบรรเทาความทุกข์ยากของพวกเขาและกำลังช่วยสมานใจที่ชอกช้ำ เป็นเรื่องน่าทึ่งที่ทันทีหลังเหตุการณ์กราดยิงครั้งนั้นบราเดอร์พาร์เกอร์แสดงถึงการให้อภัยผู้กระทำผิด ดังคำกล่าวของประธานแกรนท์ สันติสุขของพระผู้ช่วยให้รอดสามารถ “ลบเลือนความเกลียดชังของเรา”ได้ การพิพากษาเป็นของพระเจ้า

วิสุทธิชนชาวไอโวรีโคสท์ ระหว่างช่วงเวลาแห่งสงครามกลางเมืองในประเทศ พวกเขาพบสันติสุขจากการมุ่งเน้นไปที่การดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์โดยเน้นเป็นพิเศษถึงงานประวัติครอบครัวและงานพระวิหารเพื่อบรรพชนของพวกเขา18

เราต่างปรารถนาสันติสุข สันติสุขไม่ได้เป็นเพียงการไม่มีสงคราม ความรุนแรง การขัดแย้ง และการทะเลาะเบาะแว้ง สันติสุขมาจากการรู้ว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงรู้ว่าเราคือใคร และรู้ว่าเรามีศรัทธาในพระองค์ รักพระองค์ และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ แม้ในช่วงเวลาแห่งการทดสอบและโศกนาฏกรรมอันรุนแรง คำตอบของพระเจ้าต่อศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธในคุกที่ลิเบอร์ตี้นำการปลอบโยนมาสู่ใจเรา

“ ลูก​เอ๋ย, สันติ​สุข​จง​มี​แก่​จิต​วิญญาณ​เจ้า; ความ​ยากลำบาก​ของ​เจ้า​และ​ความ​ทุกข์​ของ​เจ้า​จะ​อยู่​เพียง​ชั่ว​ครู่;

“และ​จาก​นั้น, หาก​เจ้าอดทน​มัน​ด้วย​ดี, พระผู้เป็นเจ้า​จะ​ทรง​ยก​เจ้า​ให้​สูงส่ง​สู่​เบื้องบน”19

พึงระลึกว่า “พระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าแห่งความวุ่นวาย แต่ทรงเป็นพระเจ้าแห่งสันติ”20 ไม่มีสันติสำหรับคนที่ปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้า เราต่างมีส่วนร่วมในสภาสวรรค์อันนำมาซึ่งสิทธิ์เสรีที่ชอบธรรมและรู้ว่าจะมีความเจ็บปวดในความเป็นมนุษย์และแม้แต่โศกนาฏกรรมร้ายแรงซึ่งเกิดจากการใช้สิทธิ์เสรีในทางที่ผิด เราเข้าใจว่าสิ่งนี้อาจทำให้เรารู้สึกโกรธ สับสน ไร้ที่พึ่ง และอ่อนแอ แต่เราก็รู้ด้วยว่าการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดจะเอาชนะและชดใช้ความอยุติธรรมของชีวิตมรรตัยและนำสันติสุขมาสู่เรา เอ็ลเดอรมาเรียน ดี. แฮงค์สนำคำพูดของอูโก เบตตีใส่กรอบติดบนผนังมีใจความว่า “การเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าคือการรู้ว่ากฎทุกกฎจะยุติธรรม และว่าจะไม่มีสิ่งที่ไม่คาดฝันอันน่าประหลาดใจ”21

อะไรคือที่มาของสันติสุข ผู้คนมากมายแสวงหาสันติสุขในแบบของโลกซึ่งไม่เคยมีและจะไม่มีวันเกิดขึ้น สันติสุขหาไม่ได้จากความมั่งคั่ง อำนาจ หรือชื่อเสียงเกียรติยศ22 สันติสุขหาไม่ได้จากการแสวงหาความเพลิดเพลิน ความบันเทิง หรือสันทนาการ สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถสร้างความสุขหรือสันติสุขที่ยั่งยืนได้แม้จะได้รับมากมายเพียงใดก็ตาม

เพลงสวดอันเป็นเพลงโปรดของเอ็มมา ลู เธย์น ถามคำถามที่เหมาะสม: “หาสันติได้ที่ใด การปลอบโยนอยู่ไหน เมื่อแหล่งอื่นไม่ช่วยฉันสุขสันต์เต็มที่”23 คำตอบคือพระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงเป็นที่มาและพระผู้สร้างสันติสุข พระองค์ทรงเป็น“เจ้าชายแห่งสันติ”24

เราจะอยู่ใกล้ชิดกับพระผู้ช่วยให้รอดได้อย่างไร การอ่อนน้อมถ่อมตนต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า การสวดอ้อนวอนเสมอ การกลับใจจากบาป การเข้าสู่น้ำแห่งบัพติศมาด้วยใจที่ชอกช้ำและวิญญาณที่สำนึกผิด และเป็นสานุศิษย์ที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์เป็นแบบอย่างอันประเสริฐของความชอบธรรมซึ่งมีสันติสุขที่ยั่งยืนเป็นรางวัล25 หลังจากกษัตริย์เบ็นจามินกล่าวคำปราศรัยที่ปลุกเร้าเกี่ยวกับการชดใช้ของพระคริสต์ฝูงชนล้มลงบนพื้น “พระ​วิญญาณ​ของ​พระเจ้า​เสด็จ​มาบ​นพ​วก​เขา, และ​พวก​เขา​เปี่ยม​ด้วย​ปีติ, โดยที่​ได้​รับ​การ​ปลดบาปของ​พวก​เขา, และ​โดยที่​มี ค​วาม​สงบ​ในมโนธรรม, เพราะศรัทธายิ่ง​ที่​พวก​เขา​มี​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​”26 การกลับใจและการดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรมนำมาซึ่ง ความสงบในมโนธรรม ซึ่งจำเป็นต่อความพึงพอใจ27 เมื่อมีการล่วงละเมิดที่รุนแรงการสารภาพนั้นจำเป็นต่อการนำมาซึ่งสันติสุข28 บางทีอาจไม่มีอะไรที่จะเทียบกับสันติสุขที่มาจากจิตวิญญาณอันเสียหายจากบาปที่ได้รับการปลดปล่อยภาระนั้นแก่พระเจ้าและเรียกร้องพรแห่งการชดใช้ได้ ดังที่เพลงสวดอันเป็นที่นิยมอีกบทเพลงหนึ่งกล่าว “ฉันวางภาระแทบบาททั้งสองและร้องบรรเลงเปล่งเสียง”29

ใจของข้าพเจ้าเบิกบานเมื่อตระหนักว่าในสมัยของเราเยาวชนชายหญิงและผู้สอนศาสนาอาวุโสเป็นหมื่น ๆ คนยอมรับการเรียกเป็นตัวแทนของพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเราพระเยซูคริสต์ พวกเขากำลังนำพระกิตติคุณแห่งสันติสุขที่ได้รับการฟื้นฟูไปสู่โลก ทีละคนและทีละครอบครัว—งานแห่งความชอบธรรมอันจะนำสันติสุขนี้มาสู่บุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์

ศาสนจักรเป็นที่พักพิงที่ผู้ติดตามของพระคริสต์จะได้รับสันติสุข หนุ่มสาวบางคนบนโลกกล่าวว่าพวกเขาเชื่อเรื่องทางวิญญาณแต่ไม่เคร่งศาสนา การรู้สึกถึงสิ่งทางวิญญาณเป็นก้าวแรกที่ดี แต่การอยู่ในศาสนจักรจะทำให้เราได้รับการดูแล สั่งสอน และบำรุงเลี้ยงด้วยพระคำอันประเสริฐของพระผู้เป็นเจ้า สำคัญยิ่งไปกว่านั้นเป็นสิทธิอำนาจฐานะปุโรหิตในศาสนจักรที่นำมาซึ่งศาสนพิธีและพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ที่ผูกมัดครอบครัวเข้าด้วยกันและทำให้เราแต่ละคนมีคุณสมบัติที่จะกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ในอาณาจักรซีเลสเชียล ศาสนพิธีเหล่านี้นำมาซึ่งสันติสุขเพราะเกี่ยวข้องกับพันธสัญญาของพระเจ้า

พระวิหารเป็นสถานที่ประกอบศาสนพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้และยังเป็นที่มาของสถานที่หลบภัยอันสงบสุขจากโลก ผู้ที่ไปเยี่ยมเยียนบริเวณพระวิหารหรือมีส่วนร่วมในการเปิดให้สาธารณะเยี่ยมชมพระวิหารก็รู้สึกถึงสันติสุขนี้ด้วย ประสบการณ์หนึ่งที่ชัดเจนในใจข้าพเจ้าคือ การเปิดให้สาธารณะเยี่ยมชมและพิธีอุทิศพระวิหารซูวา ฟิจิ ความไม่สงบทางการเมืองส่งผลให้กลุ่มกบฏเผาและปล้นตัวเมืองซูวาและยึดอาคารรัฐสภาพร้อมกับจับสมาชิกสภานิติบัญญัติเป็นตัวประกัน ประเทศนี้อยู่ภายใต้กฎอัยการศึก กองทหารฟิจิอนุญาตในขอบเขตจำกัดให้ศาสนจักรรวบรวมผู้คนสำหรับการเปิดพระวิหารให้สาธารณะเยี่ยมชมรวมถึงกลุ่มคนจำนวนเล็กน้อยสำหรับการอุทิศพระวิหาร สมาชิกของศาสนจักรโดยทั่วไปไม่ได้รับเชิญเนื่องด้วยความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของพวกเขา การอุทิศถวายพระวิหารแห่งนี้เป็นแห่งเดียวที่ประกอบขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากนับตั้งแต่การอุทิศพระวิหารนอวูครั้งแรก

ผู้ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการเปิดพระวิหารให้สาธารณะได้เยี่ยมชมเป็นสตรีชาวฮินดูคนหนึ่งที่มีเชื้อสายอินเดียและเป็นสมาชิกรัฐสภาผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันแต่ได้รับการปล่อยตัวออกมาเนื่องจากเธอเป็นผู้หญิง

ภายในห้องอาณาจักรซีเลสเชียลที่ปราศจากการรบกวนทางโลก เธอแสดงออกด้วยน้ำตานองหน้าถึงสันติสุขที่ท่วมท้นเธอ เธอรู้สึกถึงการปลอบประโลมและการเป็นพยานถึงรูปแบบอันศักดิ์สิทธิ์ของพระวิหารจากพระวิญญาณบริสุทธิ์

พระผู้ช่วยให้รอดเป็นที่มาของสันติสุขที่แท้จริง แม้ในความยากลำบากของชีวิต เนื่องจากการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดและพระคุณของพระองค์ การดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรมจะได้รับสันติสุขส่วนตัวเป็นรางวัล ในสถานที่ส่วนตัวของพิธีปัสกาพระผู้ช่วยให้รอดทรงสัญญาอัครสาวกของพระองค์ว่าพวกเขาจะได้รับพรด้วย “องค์พระผู้ปลอบโยนคือพระวิญญาณบริสุทธิ์” จากนั้นทรงกล่าวคำสำคัญต่อไปนี้ “สันติสุขของเราที่ให้กับท่านนั้น เราไม่ได้ให้อย่างที่โลกให้”30 และก่อนการสวดอ้อนวอนพระบิดาพระองค์ตรัสว่า “เราบอกเรื่องนี้กับพวกท่าน เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงมีใจกล้าเถิด เพราะว่าเราชนะโลกแล้ว”31

เอไลซา อาร์. สโนว์เขียนเกี่ยวกับแนวคิดนี้ไว้อย่างไพเราะ

จงชูใจท่านสรรเสริญพระเจ้า

อย่าเพลาในการยินดีปรีดา

แม้ทุกข์ตรมขมขื่นดื่นโลกา

พระคริสต์ตรัสว่า “เรามีสันติ”32

และข้าพเจ้าเป็นพยานในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. การประชุมใหญ่สองการประชุมจัดขึ้นในอาบิดจันในวันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 ผู้เข้าร่วมการประชุม 9,693 คน—ยังไม่ได้เป็นสมาชิกของศาสนจักร 619 คน จำนวนสมาชิกในไอโวรีโคสท์ประมาณ 19,000 คน

  2. หลักคำสอนและพันธสัญญา 115:6.

  3. คำว่า สันติสุข มีหลายความหมายที่แตกต่างกัน ในกรีกดั้งเดิมหมายถึงการสิ้นสุด การหยุด หรือการไม่มีความเป็นศัตรูระหว่างฝ่ายที่แข่งขันกัน ในภาษาฮีบรู คำนี้มีความหมายที่ครอบคลุมมากขึ้นและบางครั้งเป็นเพียงรูปแบบของการทักทาย สันติสุขเป็น “สภาพของการดำรงอยู่ซึ่งมาสู่มนุษย์ตามระยะเวลาและเงื่อนไขที่พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดเท่านั้น” (Howard W. Hunter, in Conference Report, Oct. 1966, 14–17).

  4. ลูกา 2:14 เพิ่มตัวเอน

  5. ดู มัทธิว 2:16 ดูรอส ดูว์ธัท “The Loss of Innocents” New York Times, 16 ธ.ค. 2012, 12 ด้วย.

  6. มัทธิว 10:16, 22.

  7. มัทธิว 10:34.

  8. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 84:46.

  9. หลักคำสอนและพันธสัญญา 1:33.

  10. หลักคำสอนและพันธสัญญา 1:35.

  11. ประธานวูดดรัฟฟ์ประกาศถ้อยคำนี้ในปี 1894 และประกาศซ้ำในปี 1896 ดู The Discourses of Wilford Woodruff, ตรวจแก้โดยจี. โฮเมอร์ เดอร์แฮม (1946), 251–252; ดู มาเรียน จี. รอมนีย์, ใน Conference Report, เม.ย.1967, 79–82 ด้วย.

  12. ดูโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ, The Predicted Judgments, Brigham Young University Speeches of the Year (21 มี.ค. 1967), หน้า 5–6 อย่างไรก็ตามเอ็ลเดอร์นีล เอ. แม็กซ์เวลล์กล่าวว่า “เราสามารถมีสันติสุขภายในได้ถึงแม้ว่าสันติสุขจะถูกนำออกไปจากโลก...[และ] ‘สิ่งทั้งปวงจะอยู่ในความโกลาหล’” (Behold, the Enemy is Combined, Ensign, พ.ค. 1993, 79).

  13. ดู คำสอนของประธานศาสนาจักร โจเซฟ เอฟ. สมิธ (1998), หน้า 438.

  14. หลักคำสอนและพันธสัญญา 59:23

  15. ดู คำสอนของประธานศาสนาจักร: จอห์น เทย์เลอร์ (2001), หน้า 149.

  16. ตั้งแต่ยุคกรีกโบราณมาจนถึงยุคปัจจุบันของเราคำเหล่านี้—ความสุข และ ความพอใจ—ได้รับการวิเคราะห์ ตรวจสอบ และศึกษาไม่เพียงแค่ความหมายเท่านั้นแต่ยังรวมถึงการแนะแนวที่คำเหล่านี้มอบให้กับชีวิตเรา ดูเดวิด มาลูฟ, The Happy Life: The Search for Contentment in the Modern World (2011) ดูบทวิจารณ์ของหนังสือของคุณมาลูฟในอาร์. เจย์ มากิลล์, “How to Live Well” Wall Street Journal, 26–27 ม.ค.2013, C6.

  17. ดู คำสอนของประธานศาสนาจักร: ฮีเบอร์ เจ. แกรนท์ (2002), หน้า 226.

  18. “สามในห้าของสเตคในไอโวรีโคสท์อยู่ใน 25 อันดับต้นของศาสนจักรในเปอร์เซ็นของผู้ใหญ่ [ที่ส่ง] รายชื่อครอบครัวสำหรับศาสนพิธีพระวิหาร” และโคโคดี โคทแห่งสเตคไอโวรีอยู่ในต่ำแหน่งสูงสุด (C. Terry Warner and Susan Warner, “Apostle Visits Ivory Coast, Is ‘Impressed with Exceptional Spirit,’” Church News, Mar. 3, 2013, 4, 14) เมื่อพิจารณาถึงสงครามกลางเมืองและการที่พระวิหารที่อยู่ใกล้ที่สุดห่างออกไป 12 ชั่วโมงโดยรถประจำทางในอักกรา กานาแล้ว นี่เป็นหลักฐานอันน่าอัศจรรย์แห่งศรัทธาและทำให้เกิดสันติสุขส่วนตัวและภายในครอบครัว

  19. หลักคำสอนและพันธสัญญา 121:7–8 ประธานฮาโรลด์ บี. ลีสอนว่า “ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องได้รับการขัดเกลา เราต้องได้รับการทดสอบเพื่อพิสูจน์ความเข้มแข็งและพลังที่อยู่ในเรา” (คำสอนของประธานศาสนจักร:ฮาโรลด์ บี. ลี [2000], หน้า 195 ).

  20. ดู 1 โครินธ์ 14:33.

  21. ในมาเรียน ดี. แฮงค์ส “A Loving, Communicating Goad” Ensign, พ.ย. 1992, 63.

  22. ดู เจฟฟรีย์ อาร์ ฮอลแลนด์, For Times of Trouble (2012), 79 เอ็ลเดอร์ฮอลแลนด์สอนว่า “ความยากจนที่แท้จริงอาจทำมากกว่าทำลายจิตวิญญาณของมนุษย์มากกว่าปัจจัยอื่น ๆ ยกเว้นบาปเอง” แต่การใช้เงินอย่างชอบธรรมสามารถยกระดับสันติสุขได้

  23. “หาสันติได้ที่ใด” เพลงสวด บทเพลงที่ 54.

  24. อิสยาห์ 9:6.

  25. จอห์น กรีนลีฟ วิทเทียร์กล่าวไว้อย่างเรียบง่ายว่า “ตั้งใจดูวิธีการดำเนินชีวิตของท่าน จงอย่าให้การประพฤติตอนกลางวันขับไล่สันติสุขตอนกลางคืน” (“Conduct [From the Mahabharata],” in The Complete Poetical Works of John Greenleaf Whittier [1802], 484).

  26. โมไซยาห์ 4:3 เน้นตัวเอน; ดูมาเรียน จี. รอมนีย์ ใน Conference Report, เม.ย.1967, 79–82 ด้วย.

  27. มโนธรรมเป็นเข็มทิศทางศิลธรรมที่ชี้สันติสุขให้เรา เข็มทิศนี้ทำงานโดยที่มาอย่างน้อยสองแหล่งอันได้แก่ความสว่างของพระคริสต์ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่ได้รับมาตั้งแต่กำเนิดอันเฉิดฉายจากพระบิดาบนสวรรค์ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:6–13; 93:2) และของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 39:6).

  28. “จำเป็นต้องมีการให้อภัยสองส่วนเพื่อนำสันติสุขมาสู่ผู้ล่วงละเมิด—ส่วนหนึ่งจากผู้มีอำนาจที่ถูกต้องของศาสนจักรของพระเจ้า และอีกส่วนหนึ่งจากพระเจ้า [ดู โมไซยาห์ 26:29.]” (คำสอนของประธานศาสนาจักร:สเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ [2006], หน้า 45).

  29. “บัญญัติพระผู้เป็นเจ้า” เพลงสวด บทเพลงที่ 52.

  30. ยอห์น 14:26–27.

  31. ยอห์น 16:33.

  32. “แม้การทดลองหนัก” เพลงสวด บทเพลงที่ 51.