2010–2019
ครอบครัวภายใต้พันธสัญญา
เมษายน 2012


ครอบครัวภายใต้พันธสัญญา

ไม่มีสิ่งใดที่เข้ามาหรือจะเข้ามาสู่ครอบครัวท่านสำคัญเทียบเท่าพรผนึก

ข้าพเจ้าซาบซึ้งที่ได้อยู่ร่วมกับท่านในการประชุมนี้ซึ่งผู้ดำรงฐานะปุโรหิตทุกคนของพระผู้เป็นเจ้าในแผ่นดินโลกได้รับเชิญ เราได้รับพรที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของประธานโธมัส เอส. มอนสัน ในฐานะประธานศาสนจักร ท่านเป็นชายผู้มีชีวิตอยู่เพียงคนเดียวที่รับผิดชอบกุญแจผนึกครอบครัวและศาสนพิธีฐานะปุโรหิตทั้งปวงที่จำเป็นต่อการได้รับชีวิตนิรันดร์ ของประทานสำคัญที่สุดในบรรดาของประทานทั้งหมดจากพระผู้เป็นเจ้า

มีบิดาคนหนึ่งซึ่งกำลังฟังอยู่ในค่ำคืนนี้กลับมาแข็งขันเพราะต้องการสุดหัวใจให้ได้การรับรองถึงของประทานนั้น เขากับภรรยารักลูกน้อยทั้งสองคน ลูกชายและลูกสาว เช่นเดียวกับบิดามารดาคนอื่นๆ เขามองเห็นความสุขบนสวรรค์เมื่ออ่านถ้อยคำเหล่านี้ “และความเป็นสังคมอย่างเดียวกันนั้นซึ่งมีอยู่ท่ามกลางพวกเราที่นี่จะมีอยู่ท่ามกลางพวกเราที่นั่น, เพียงแต่จะควบคู่ไปกับรัศมีภาพนิรันดร์, ซึ่งรัศมีภาพนั้นเราไม่ได้ชื่นชมขณะนี้.” 1

บิดาท่านนั้นซึ่งฟังอยู่ในค่ำคืนนี้รู้เส้นทางไปสู่จุดหมายอันรุ่งโรจน์ดังกล่าว เส้นทางนั้นไม่ง่าย ซึ่งเขารู้อยู่แล้ว เขาต้องใช้ศรัทธาในพระเยซูคริสต์ กลับใจอย่างลึกซึ้ง และการเปลี่ยนแปลงในใจซึ่งอธิการผู้เมตตาช่วยให้เขารู้สึกถึงการให้อภัยด้วยความรักจากพระเจ้า

การเปลี่ยนแปลงอันอัศจรรย์ดำเนินต่อเมื่อเขาไปพระวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อรับเอ็นดาวเม้นท์ซึ่งพระเจ้าทรงอธิบายแก่ผู้คนที่พระองค์ประทานอำนาจให้ในพระวิหารแห่งแรกของสมัยการประทานนี้ที่เคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ พระเจ้าตรัสถึงเรื่องนั้นว่า

“ดังนั้น, เพราะเหตุนี้เราให้บัญญัติแก่เจ้าว่าเจ้าจะไปโอไฮโอ; และที่นั่นเราจะให้กฎของเราแก่เจ้า; และที่นั่นเจ้าจะได้รับการประสาทอำนาจจากเบื้องบน;

“และจากที่นั่น, … เพราะเรามีงานสำคัญยิ่งเก็บสะสมไว้, เพราะอิสราเอลจะได้รับการช่วยให้รอด, และเราจะนำพวกเขาไปที่ใดก็ตามที่เราประสงค์, และไม่มีอำนาจใดจะยั้งมือเรา.”2

สำหรับเพื่อนที่เพิ่งกลับมาแข็งขันของข้าพเจ้าและฐานะปุโรหิตทุกคน งานสำคัญข้างหน้าคือเป็นผู้นำในการช่วยอิสราเอลส่วนที่เรารับผิดชอบหรือจะรับผิดชอบซึ่งคือครอบครัวเราให้ได้รับความรอด เพื่อนข้าพเจ้ากับภรรยาของเขารู้ว่าสิ่งนั้นเรียกร้องการผนึกโดยอำนาจฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคในพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า

เขาขอให้ข้าพเจ้าประกอบพิธีผนึก เขากับภรรยาต้องการผนึกโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เนื่องจากกำลังยุ่งเพราะใกล้การประชุมใหญ่สามัญ ข้าพเจ้าจึงให้สามีภรรยาคู่นี้กับอธิการของพวกเขานัดหมายวันที่ดีที่สุดกับเลขานุการข้าพเจ้า

ลองนึกดูว่าข้าพเจ้าแปลกใจและดีใจเพียงใดเมื่อผู้เป็นบิดาบอกข้าพเจ้าที่โบสถ์ว่าการผนึกจะมีขึ้นในวันที่ 3 เมษายน ในปี 1836 นั่นคือวันที่พระเจ้าทรงส่งเอลียาห์ ศาสดาพยากรณ์ในร่างแปรสภาพมายังพระวิหารเคิร์ทแลนด์เพื่อมอบอำนาจผนึกให้แก่โจเซฟ สมิธและออลิเวอร์ คาวเดอรี กุญแจเหล่านั้นยังอยู่ในศาสนจักรทุกวันนี้และจะคงอยู่ต่อไปตราบสิ้นยุคสมัย3

นั่นคือสิทธิอำนาจศักดิ์สิทธิ์เดียวกันกับที่พระเจ้าประทานแก่เปโตรดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ว่า “เราจะมอบลูกกุญแจแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน ท่านจะกล่าวห้ามสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ เมื่อท่านจะกล่าวอนุญาตสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นจะกล่าวอนุญาตในสวรรค์ด้วย”4

การกลับมาของเอลียาห์เป็นพรแก่ทุกคนที่ดำรงฐานะปุโรหิต เอ็ลเดอร์ฮาโรลด์ บี. ลีอธิบายไว้อย่างชัดเจนในการประชุมใหญ่สามัญ โดยอ้างคำพูดของประธานโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ ขอจงตั้งใจฟังให้ดี “ข้าพเจ้าดำรงฐานะปุโรหิต ท่านผู้เป็นพี่น้องชายก็ดำรงฐานะปุโรหิต เราได้รับฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค—ซึ่งเอลียาห์กับศาสดาพยากรณ์ท่านอื่นๆ รวมทั้งเปโตร ยากอบ และยอห์นเคยดำรงมาก่อน ถึงแม้ว่าเราจะมีสิทธิอำนาจในการให้บัพติศมา ถึงแม้ว่าเราจะมีสิทธิอำนาจวางมือให้ของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่งตั้งผู้อื่น และทำสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ แต่หากปราศจากอำนาจผนึกเราย่อมทำอะไรไม่ได้เลย เพราะสิ่งที่เราทำไปจะไม่มีผลบังคับ”

ประธานสมิธกล่าวต่อว่า

“ศาสนพิธีที่สูงกว่า พรที่มากกว่า ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อความสูงส่งในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งจะได้รับในสถานที่บางแห่งเท่านั้น ไม่มีมนุษย์คนใดมีสิทธิ์ประกอบพิธีเว้นแต่เขาจะได้รับสิทธิอำนาจให้ทำเช่นนั้นจากผู้ถือกุญแจ …

“ … ไม่มีมนุษย์คนใดบนพื้นพิภพแห่งนี้ที่มีสิทธิ์ออกไปปฏิบัติศาสนกิจในศาสนพิธีใดๆ ของพระกิตติคุณนี้เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากประธานศาสนจักรซึ่งเป็นผู้ถือกุญแจ ท่านมอบสิทธิอำนาจให้เรา ท่านวางอำนาจผนึกไว้ในฐานะปุโรหิตของเราเพราะท่านถือกุญแจเหล่านั้น”5

คำรับรองเดียวกันมาจากประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์เมื่อท่านเขียนเกี่ยวกับอำนาจผนึก การรู้ว่าถ้อยคำเหล่านี้จริงทำให้ข้าพเจ้าอุ่นใจ เพราะสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นกับครอบครัวที่ข้าพเจ้าจะผนึกให้ในวันที่ 3 เมษายน ท่านเขียนว่า “เปโตรต้องเป็นผู้ถือกุญแจ เปโตรต้องเป็นผู้ถืออำนาจผนึกในการผูกหรือผนึกบนแผ่นดินโลกหรือคลายบนแผ่นดินโลกและจะเป็นเช่นนั้นในสวรรค์ด้วย กุญแจเหล่านั้นเป็นของประธานศาสนจักร—ซึ่งเป็นศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้ และผู้เปิดเผย เวลานี้อำนาจผนึกอันศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอยู่ในศาสนจักร ผู้รู้ถึงความสำคัญของสิทธิอำนาจนี้จะไม่ถือว่าสิ่งใดศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่า และน่าหวงแหนยิ่งกว่าสิทธิอำนาจนี้ มีชายเพียงไม่กี่คนที่ [ถือ] อำนาจผนึกนี้บนแผ่นดินโลกไม่ว่าในยุคสมัยใด—ในพระวิหารแต่ละแห่งมีพี่น้องชายที่ได้รับอำนาจผนึก ไม่มีใครมีอำนาจนี้ได้เว้นแต่จะได้จากศาสดาพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้ ผู้เปิดเผย และประธานศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย”6

ณ การมาของเอลียาห์ ไม่เพียงมีการมอบอำนาจให้ฐานะปุโรหิตเท่านั้นแต่ใจทั้งหลายยังต้องหันไปด้วย “วิญญาณ พลังอำนาจ และการเรียกของเอลียาห์คือ ให้ท่านมีอำนาจถือกุญแจแห่งการเปิดเผย ศาสนพิธี โองการพลังอำนาจทั้งหลายและเอ็นดาวเม้นท์แห่งความบริบูรณ์ของฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคและแห่งอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก อีกทั้งเพื่อรับ ได้มา และประกอบศาสนพิธีทั้งปวงที่เป็นของอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า แม้จนถึงการหันใจบรรพบุรุษมาหาลูกหลาน และใจลูกหลานไปหาบรรพบุรุษ แม้บรรดาผู้ที่อยู่ในสวรรค์”7

ความรู้สึกของการหันใจนั้นมาสู่เพื่อนข้าพเจ้ากับครอบครัวของเขาแล้ว และอาจมาสู่ท่านในการประชุมนี้ ท่านอาจนึกภาพใบหน้าบิดาหรือมารดาในใจท่านเช่นเดียวกับข้าพเจ้า ภาพนั้นอาจเป็นพี่หรือน้องของท่าน ลูกสาวหรือลูกชายของท่าน

คนเหล่านั้นอาจอยู่ในโลกวิญญาณหรือทวีปห่างไกลจากท่าน แต่ปีติมาจากความรู้สึกที่ว่าความสัมพันธ์กับพวกเขานั้นเที่ยงแท้เพราะท่านผูกพันหรือสามารถผูกพันไว้กับพวกเขาด้วยศาสนพิธีฐานะปุโรหิตที่พระผู้เป็นเจ้าจะทรงยอมรับ

ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคผู้เป็นบิดาในครอบครัวที่ผนึกแล้วได้รับการสอนว่าต้องทำอย่างไร ไม่มีสิ่งใดที่เข้ามาหรือจะเข้ามาสู่ครอบครัวท่านสำคัญเทียบเท่าพรผนึก ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการให้เกียรติพันธสัญญาการแต่งงานและพันธสัญญาครอบครัวที่ท่านทำหรือจะทำในพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า

วิธีทำเช่นนั้นชัดเจน พระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งคำสัญญาต้องผนึกพันธสัญญาพระวิหารผ่านการเชื่อฟังและการเสียสละของเราเพื่อให้เกิดสัมฤทธิผลในโลกหน้า ประธานฮาโรลด์ บี. ลี อธิบายความหมายของการผนึกด้วยพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งคำสัญญาโดยอ้างคำพูดเอ็ลเดอร์เมลวิน เจ. บัลลาร์ดว่า “เราอาจหลอกมนุษย์ได้แต่เราหลอกพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้ พรของเราจะไม่เป็นนิรันดร์เว้นแต่จะผนึกไว้ด้วยพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งคำสัญญาเช่นกัน พระวิญญาณบริสุทธิ์คือผู้ที่อ่านความนึกคิดและจิตใจมนุษย์ พระองค์ประทานความเห็นชอบด้วยการผนึกพรที่ประกาศบนศีรษะพวกเขา แล้วการผนึกนั้นจึงผูกมัดและมีผลบังคับเต็มที่” 8

เมื่อซิสเตอร์อายริงก์กับข้าพเจ้าผนึกในพระวิหารโลแกน ยูทาห์ ข้าพเจ้าไม่เข้าใจความสำคัญทั้งหมดของสัญญานั้น ข้าพเจ้ายังคงพยายามทำความเข้าใจความหมายทั้งหมด แต่ข้าพเจ้ากับภรรยาตัดสินใจช่วงใกล้ครบรอบ 50 ปีของชีวิตแต่งงานว่าจะอัญเชิญพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาในชีวิตเราและครอบครัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

สมัยเป็นคุณพ่อยังหนุ่มซึ่งได้รับการผนึกในพระวิหารพร้อมกับหันใจไปหาภรรยาและลูกเล็กๆ ข้าพเจ้าได้พบประธานโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธเป็นครั้งแรก ในห้องสภาฝ่ายประธานสูงสุดซึ่งข้าพเจ้าได้รับเชิญ พยานอันจริงแท้แน่นอนบังเกิดกับข้าพเจ้าขณะประธานฮาโรลด์ บี. ลี ถามข้าพเจ้าพลางชี้ไปทางประธานสมิธซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ว่า “คุณเชื่อไหมว่าชายคนนี้จะเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าได้”

ประธานสมิธเพิ่งเข้ามาในห้องและยังไม่ทันพูดอะไร ข้าพเจ้าดีใจอย่างยิ่งที่สามารถตอบออกไปได้เพราะสิ่งที่เข้ามาในใจข้าพเจ้า “ผมทราบว่าท่านเป็นครับ” ข้าพเจ้ารู้อย่างแน่นอนพอๆ กับที่รู้ว่าดวงอาทิตย์กำลังส่องสว่างว่าท่านถืออำนาจการผนึกของฐานะปุโรหิตทั่วพื้นพิภพ

ประสบการณ์นั้นทำให้ถ้อยคำของท่านทรงพลังอย่างยิ่งต่อข้าพเจ้ากับภรรยา เมื่อในภาคการประชุมใหญ่วันที่ 6 เมษายน 1972 ประธานโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธให้คำแนะนำว่า “เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็งและพิทักษ์หน่วยครอบครัวให้คงอยู่ เราวิงวอนบิดาทั้งหลายให้รับตำแหน่งโดยชอบของตนในฐานะหัวหน้าครอบครัว เราขอให้มารดาสนับสนุนส่งเสริมสามีและเป็นความสว่างให้แก่บุตรธิดา”9

ข้าพเจ้าขอแนะนำข้อปฏิบัติสี่ข้อที่ท่านทำได้ในฐานะบิดาผู้ดำรงฐานะปุโรหิตเพื่อหนุนใจและนำครอบครัวท่านกลับบ้านไปอยู่กับพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดอีกครั้ง

ข้อแรก จงได้รับและรักษาพยานอันแน่นอนว่ากุญแจฐานะปุโรหิตอยู่กับเราและถือโดยประธานศาสนจักร สวดอ้อนวอนทูลขอเรื่องนี้ทุกวัน คำตอบจะมาพร้อมกับความมุ่งมั่นมากขึ้นที่จะนำครอบครัวท่าน รู้สึกถึงความหวังมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้นในงานรับใช้ของท่าน ท่านจะรื่นเริงและมองโลกในแง่ดีมากขึ้น ซึ่งเป็นพรสำคัญต่อภรรยาและครอบครัวท่าน

ข้อปฏิบัติข้อที่สองคือจงรักภรรยาท่าน ท่านต้องใช้ศรัทธาและความอ่อนน้อมถ่อมตนที่จะเห็นแก่เธอมากกว่าตนเองแม้ในความล้มลุกคลุกคลานของชีวิต ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบหาเลี้ยงและเลี้ยงดูครอบครัวกับเธอและรับใช้ผู้อื่นในเวลาเดียวกัน บางครั้งการทำเช่นนั้นเผาผลาญพลังงานและพละกำลังทั้งหมดของท่าน วัยและความเจ็บป่วยอาจทำให้ภรรยาท่านต้องได้รับการดูแลมากขึ้น หากท่านเลือกให้ความสุขของเธอมาก่อนตนเองตั้งแต่เวลานั้น ข้าพเจ้าสัญญาว่าความรักที่ท่านมีต่อเธอจะเพิ่มขึ้น

ข้อสาม จงขอให้ทุกคนในครอบครัวรักกัน ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสันสอนว่า

“เมื่อพิจารณาถึงนิรันดร ความรอดเป็นเรื่องของครอบครัว …

“เหนือสิ่งอื่นใด ลูกๆ ต้องรับรู้และรู้สึกว่ามีคนรัก มีคนต้องการ และมีคนเห็นคุณค่า พวกเขาต้องได้รับการยืนยันถึงเรื่องเหล่านี้บ่อยๆ เห็นได้ชัดเจนว่านี่คือบทบาทซึ่งบิดามารดาต้องทำให้สำเร็จ และโดยมากมารดามักจะทำได้ดีที่สุด”10

แต่บ่อเกิดสำคัญยิ่งอีกอย่างหนึ่งของความรู้สึกเป็นที่รักคือความรักจากลูกคนอื่นๆ ในครอบครัว การดูแลกันอย่างสม่ำเสมอในบรรดาพี่น้องจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความพยายามอย่างไม่ย่อท้อจากบิดามารดาและความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้า ท่านรู้ว่านั่นเป็นความจริงจากประสบการณ์ในครอบครัวท่านเอง และจะได้รับการยืนยันทุกครั้งที่ท่านอ่านเกี่ยวกับความขัดแย้งในครอบครัวจากประสบการณ์ของลีไฮผู้ชอบธรรมกับซาไรยาห์ภรรยาในบันทึกพระคัมภีร์มอรมอน

ความสำเร็จที่พวกเขาได้รับเป็นแนวทางแก่เรา พวกเขาสอนพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์อย่างดีโดยไม่ย่อท้อจนลูกๆ และแม้กระทั่งลูกหลานบางคนในอีกหลายรุ่นต่อมาถึงกับใจอ่อนลงต่อพระผู้เป็นเจ้าและต่อกัน ตัวอย่างเช่น นีไฟกับคนอื่นๆ เขียนและยื่นไมตรีไปยังสมาชิกครอบครัวที่เคยเป็นศัตรูพวกเขา บางครั้งพระวิญญาณทรงทำให้ใจคนหลายพันคนอ่อนลงและแทนความเกลียดชังด้วยความรัก

วิธีหนึ่งที่ท่านจะเลียนแบบความสำเร็จของท่านบิดาลีไฮคือโดยวิธีที่ท่านนำในการสวดอ้อนวอนเป็นครอบครัวและช่วงเวลาครอบครัว เช่นการสังสรรค์ในครอบครัว เป็นต้น ให้โอกาสลูกๆ สวดอ้อนวอนเมื่อพวกเขาสามารถสวดอ้อนวอนให้สมาชิกครอบครัวอีกคนที่ต้องการพร เล็งเห็นถึงความบาดหมางโดยเร็วตั้งแต่ต้นและดูออกเมื่อมีการกระทำที่เห็นแก่ตัว โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นในบรรดาพี่น้องด้วยกันเอง เมื่อพวกเขาสวดอ้อนวอนให้กันและรับใช้กัน ใจพวกเขาจะอ่อนลงและหันไปหากันรวมทั้งหันไปหาบิดามารดาด้วย

โอกาสที่สี่เพื่อให้ท่านนำครอบครัวในทางของพระเจ้าเกิดขึ้นเมื่อต้องขัดเกลาระเบียบวินัย เราจะบรรลุพันธะรับผิดชอบที่เราต้องตำหนิแก้ไขในวิธีของพระเจ้าแล้วนำบุตรธิดาของเราไปสู่ชีวิตนิรันดร์

ท่านจะจำถ้อยคำต่อไปนี้ได้ แต่อาจไม่เคยเห็นอำนาจของถ้อยคำนี้ในชีวิตผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคที่เตรียมครอบครัวให้พร้อมดำเนินชีวิตในสังคมภาพเดียวกันกับที่พวกเขาจะมีในอาณาจักรซีเลสเชียล ท่านคงจำข้อความที่แสนจะคุ้นเคยต่อไปนี้ได้

“ไม่มีอำนาจหรืออิทธิพลใดสามารถหรือจะธำรงไว้ได้โดยอาศัยฐานะปุโรหิต, นอกจากโดยการชักชวน, โดยความอดกลั้น, โดยความสุภาพอ่อนน้อมและความอ่อนโยน, และโดยความรักที่ไม่เสแสร้ง;

“โดยความกรุณา, และความรู้บริสุทธิ์, ซึ่งจะขยายจิตวิญญาณออกไปอย่างกว้างขวางโดยปราศจากความหน้าซื่อใจคด, และปราศจากมารยา---

“จงว่ากล่าวโดยไม่ชักช้าด้วยความเฉียบขาด, เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงดลใจ; และจากนั้นในเวลาต่อมาจงแสดงความรักเพิ่มขึ้นต่อคนที่ท่านว่ากล่าว, เกลือกเขาจะถือว่าท่านเป็นศัตรูของเขา;

“เพื่อเขาจะรู้ว่าความซื่อสัตย์ของท่านแข็งแกร่งยิ่งกว่าเชือกแห่งความตาย.”11

ต่อจากนั้นเป็นคำสัญญาที่คุ้มค่ายิ่งต่อเราในฐานะบิดาในไซอันว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นเพื่อนที่ยั่งยืนของท่าน, และคทาของท่านเป็นคทาอันไม่เปลี่ยนแปลงแห่งความชอบธรรมและความจริง; และอำนาจการปกครองของท่านจะเป็นอำนาจการปกครองอันเป็นนิจ, และโดยปราศจากวิธีบังคับสิ่งนี้จะไหลมาสู่ท่านตลอดกาลและตลอดไป.”12

นั่นเป็นมาตรฐานสูงสำหรับเรา แต่เมื่อใดที่เราใช้ศรัทธาควบคุมความฉุนเฉียวและข่มความจองหองของเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์จะประทานความเห็นชอบ จากนั้นสัญญาและพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ย่อมเกิดผล

ท่านจะประสบผลสำเร็จผ่านศรัทธาของท่านที่ว่าพระเจ้าทรงส่งกุญแจฐานะปุโรหิตกลับมาและกุญแจนั้นยังอยู่กับเรา—ด้วยสายใยความรักอันมั่นคงกับภรรยาท่าน ด้วยความช่วยเหลือจากพระเจ้าในการหันใจบุตรธิดาท่านไปหากันและหาบิดามารดา และด้วยความรักซึ่งนำทางท่านให้แก้ไขและแนะนำในวิธีที่อัญเชิญพระวิญญาณ

ข้าพเจ้าทราบว่าพระเยซูคือพระคริสต์และทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าประธานโธมัส เอส. มอนสันคือผู้ถือและผู้ใช้กุญแจฐานะปุโรหิตทั้งหมดบนแผ่นดินโลกทุกวันนี้ ข้าพเจ้ารักและสนับสนุนท่าน ข้าพเจ้ารักและสวดอ้อนวอนให้ท่านทั้งหลาย ในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์ เอเมน