2010–2019
เชื่อ เชื่อฟัง อดทน
เมษายน 2012


เชื่อ เชื่อฟัง และอดทน

เชื่อว่าการเป็นคนหนักแน่นและซื่อสัตย์ต่อความจริงของพระกิตติคุณมีความสำคัญสูงสุด ข้าพเจ้าเป็นพยานเช่นนั้น!

เยาวชนหญิงทั้งหลาย ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นเกียรติในความรับผิดชอบที่จะปราศรัยกับท่าน ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนทูลขอความช่วยเหลือเพื่อให้ข้าพเจ้าคู่ควรกับโอกาสเช่นนี้

ราว 20 ปีก่อนท่านยังไม่ได้เริ่มการเดินทางผ่านชีวิตมรรตัย ท่านยังอยู่ในบ้านบนสวรรค์ ที่นั่นท่านอยู่ในหมู่คนที่รักท่านและห่วงใยความผาสุกนิรันดร์ของท่าน ชีวิตบนแผ่นดินโลกจึงจำเป็นต่อความเจริญก้าวหน้าของท่าน แน่นอนว่ามีการกล่าวลาและแสดงความเชื่อมั่น ท่านได้รับร่างกายและเป็นมรรตัย ตัดขาดจากที่ประทับของพระบิดาบนสวรรค์

แต่การต้อนรับอันน่ายินดีรอคอยท่านบนแผ่นดินโลก ช่วงปีแรกๆ ของท่านมีค่าและพิเศษ ซาตานไม่มีอำนาจล่อลวงท่าน เพราะท่านยังรับผิดชอบไม่ได้ ท่านไร้เดียงสาต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า

ไม่นานท่านจึงเข้าสู่ช่วงที่บางคนเรียกว่า “วัยรุ่นตัวแสบ” แต่ข้าพเจ้าชอบเรียกว่า “วัยรุ่นเยี่ยมยอด” มากกว่า นี่เป็นเวลาของโอกาส ฤดูกาลของการเติบโต ช่วงเวลาของการพัฒนา---เห็นได้จากการศึกษาหาความรู้และการแสวงหาความจริง

ไม่มีใครเรียกช่วงวัยรุ่นว่าเป็นช่วงสบาย ช่วงนี้มักเป็นช่วงปีของความไม่มั่นคง ของความรู้สึกประหนึ่งท่านไม่ดีพอ ของความพยายามหาตำแหน่งทางสังคมในกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกัน ของความพยายามเข้ากับคนอื่นให้ได้ นี่เป็นเวลาที่ท่านกำลังจะพึ่งตนเองมากขึ้น---และอาจปรารถนาอิสรภาพมากกว่าที่พ่อแม่จะยอมให้ในเวลานี้ เป็นช่วงสำคัญที่สุดที่ซาตานจะล่อลวงท่านและจะทำสุดความสามารถเพื่อชักจูงท่านออกจากเส้นทางซึ่งจะนำท่านกลับไปบ้านบนสวรรค์ที่ท่านจากมา เส้นทางที่จะกลับไปหาบุคคลที่ท่านรักและพระบิดาบนสวรรค์ของท่าน

โลกรอบข้างท่านไม่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือที่ท่านต้องการเพื่อผ่านการเดินทางที่มักมีอันตรายแฝงอยู่ ด้วยเหตุนี้คนมากมายในสังคมปัจจุบันจึงดูเหมือนลื่นหลุดจากทุ่นของความปลอดภัยล่องลอยไปจากท่าของสันติสุข

การยอมให้เกิดความไม่ชอบธรรม การผิดศีลธรรม สื่อลามก ยาเสพติด พลังกดดันจากเพื่อนวัยเดียวกัน---ทั้งหมดนี้และอีกมาก---ทำให้หลายคนโคลงเคลงอยู่ในทะเลแห่งบาป หลายคนติดอยู่กับแนวหินโสโครกขรุขระของโอกาสที่สูญสิ้น พรที่สูญเสีย และฝันที่สูญสลาย

มีทางสู่ความปลอดภัยหรือไม่ มีทางหนีจากความพินาศที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ คำตอบดังก้องคือ มี! ข้าพเจ้าแนะนำท่านให้มองไปทางประภาคารของพระเจ้า ข้าพเจ้าเคยพูดเรื่องนี้แล้ว ข้าพเจ้าจะพูดอีกครั้ง ไม่มีหมอกหนา คืนมืดมิด พายุแรงกล้า ลูกเรือสูญหายจนประภาคารของพระเจ้าไม่สามารถช่วยไว้ได้ ประภาคารดังกล่าวส่งสัญญาณผ่านมรสุมชีวิตโดยบอกเราว่า “ทางนี้ไปสู่ความปลอดภัย ทางนี้พากลับบ้าน” ประภาคารส่งสัญญาณแสงไฟที่เห็นได้ง่ายและไม่ผิดพลาด สัญญาณเหล่านั้นจะนำทางท่านกลับบ้านบนสวรรค์

ข้าพเจ้าประสงค์จะพูดกับท่านคืนนี้เกี่ยวกับสัญญาณจำเป็นสามอย่างจากประภาคารของพระเจ้าซึ่งจะช่วยท่านกลับไปหาพระบิดาผู้ทรงรอคอยการกลับบ้านอย่างมีชัยชนะของท่านด้วยพระทัยร้อนรน สัญญาณสามอย่างได้แก่ เชื่อ เชื่อฟัง และ อดทน

หนึ่ง ข้าพเจ้ากล่าวถึงสัญญาณพื้นฐานและจำเป็น คือ เชื่อ เชื่อว่าท่านเป็นธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ ว่าพระองค์ทรงรักท่าน และท่านอยู่ที่นี่เพื่อจุดประสงค์อันรุ่งโรจน์---เพื่อรับความรอดนิรันดร์ของท่าน เชื่อว่าการเป็นคนหนักแน่นและซื่อสัตย์ต่อความจริงของพระกิตติคุณมีความสำคัญสูงสุด ข้าพเจ้าเป็นพยานเช่นนั้น!

เพื่อนเยาวชนทั้งหลาย จงเชื่อในถ้อยคำที่ท่านกล่าวทุกสัปดาห์ขณะท่องสาระสำคัญเยาวชนหญิง ใคร่ครวญความหมายของถ้อยคำเหล่านั้น มีความจริงอยู่ที่นั่น พยายามดำเนินชีวิตตามคุณค่าที่นำเสนออยู่เสมอ จงเชื่อตามที่สาระสำคัญกล่าวว่าถ้าท่านยอมรับและปฏิบัติตามคุณค่าเหล่านั้น ท่านจะพร้อมเสริมสร้างความเข้มแข็งให้บ้านและครอบครัว ทำและรักษาพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ รับศาสนพิธีแห่งพระวิหาร และมีสิทธิ์ได้รับพรแห่งความสูงส่งในท้ายที่สุด นี่คือความจริงของพระกิตติคุณที่สวยงาม และโดยการทำตาม ท่านจะมีความสุขตลอดชีวิตที่นี่และหลังจากนี้มากกว่าที่ท่านจะมีถ้าท่านไม่นำพาความจริง

พวกท่านส่วนใหญ่ได้รับการสอนความจริงของพระกิตติคุณตั้งแต่ท่านเป็นเด็กหัดเดิน ท่านได้รับการสอนจากบิดามารดาที่รักท่านและครูที่ห่วงใยท่าน ความจริงที่คนเหล่านั้นแบ่งปันช่วยให้ท่านเกิดประจักษ์พยาน ท่านเชื่อสิ่งที่ท่านได้รับการสอน แม้ประจักษ์พยานนั้นจะยังได้รับอาหารทางวิญญาณและเติบโตต่อไปขณะท่านศึกษา ขณะท่านสวดอ้อนวอนขอการนำทาง และขณะท่านเข้าร่วมการประชุมของศาสนจักรทุกสัปดาห์ แต่การทำให้ประจักษ์พยานดำรงอยู่ขึ้นอยู่กับท่าน ซาตานจะพยายามสุดกำลังเพื่อทำลายประจักษ์พยานนั้น ตลอดชีวิตท่าน ท่านจะต้องบำรุงเลี้ยง เฉกเช่นเปลวไฟที่ลุกโชติช่วง ประจักษ์พยานของท่าน---ถ้าไม่ให้อาหารอย่างต่อเนื่อง---จะเลือนหายไปเป็นถ่านที่ค่อยๆ มอดจนดับสนิท ท่านต้องไม่ปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น

นอกจากเข้าร่วมการประชุมวันอาทิตย์และกิจกรรมในคืนวันธรรมดาของท่านแล้ว เมื่อท่านมีโอกาสเข้าชั้นเรียนเซมินารี ไม่ว่าในชั้นเรียนเช้าตรู่หรือช่วงพัก จงใช้โอกาสนั้นให้เป็นประโยชน์ หลายท่านกำลังเรียนเซมินารีตอนนี้ เนื่องด้วยบางอย่างในชีวิต ส่วนมากสิ่งที่ท่านได้จากประสบการณ์เซมินารีจึงขึ้นอยู่กับเจตคติและความยินดีรับการสอนของท่าน ขอให้เจตคติของท่านเป็นเรื่องของความอ่อนน้อมถ่อมตนและความปรารถนาจะเรียนรู้ ข้าพเจ้าซาบซึ้งยิ่งกับโอกาสที่มีสมัยเป็นวัยรุ่นเมื่อได้เรียนเซมินารีเช้าตรู่ เพราะนั่นมีบทบาทสำคัญยิ่งในพัฒนาการและการพัฒนาประจักษ์พยานของข้าพเจ้า เซมินารีเปลี่ยนชีวิตได้

หลายปีก่อนข้าพเจ้าอยู่ในคณะกรรมการบริหารที่มีคนดีมากคนหนึ่งผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในชีวิต ข้าพเจ้าประทับใจความสุจริตและความภักดีที่เขามีต่อศาสนจักร ข้าพเจ้าทราบมาว่าเขาได้รับประจักษ์พยานและเข้าร่วมศาสนจักรเพราะเซมินารี เมื่อเขาแต่งงาน ภรรยาเขาเป็นสมาชิกศาสนจักรมาทั้งชีวิต แต่เขาไม่มีศาสนา ตลอดหลายปีและทั้งที่เธอพยายาม เขาก็ไม่ทีท่าสนใจจะไปโบสถ์กับภรรยาและลูกๆ ต่อมาเขาเริ่มขับรถพาลูกสาวสองคนไปเรียนเซมินารีตอนเช้าตรู่ เขาจะอยู่ในรถขณะลูกสาวเข้าเรียน จากนั้นก็จะขับไปส่งที่โรงเรียน วันหนึ่งฝนตก ลูกสาวคนหนึ่งพูดว่า “เข้ามาสิคะคุณพ่อ นั่งตรงห้องโถงก็ได้” เขายอมรับคำชวน ประตูห้องเรียนเปิดอยู่ และเขาเริ่มฟัง เขาเกิดความซาบซึ้งใจ เวลาที่เหลือของปีการศึกษานั้นเขาเข้าเรียนเซมินารีกับลูกสาว ซึ่งนำไปสู่การเป็นสมาชิกและความเข็งขันในศาสนจักรตลอดชีวิตเขา จงให้เซมินารีช่วยสร้างและเสริมสร้างประจักษ์พยานของท่าน

มีบางเวลาที่ท่านจะเผชิญการท้าทายซึ่งอาจเป็นภัยต่อประจักษ์พยานของท่าน หรือท่านอาจละเลยขณะสนใจเรื่องอื่น ข้าพเจ้าขอร้องท่านจงรักษาประจักษ์พยานให้เข้มแข็ง นี่เป็นความรับผิดชอบของท่าน ของท่านแต่ผู้เดียว ทำให้เปลวประจักษ์พยานลุกโชติช่วง สิ่งนี้เรียกร้องความพยายาม แต่เป็นความพยายามที่ท่านจะไม่มีวันเสียใจ ข้าพเจ้านึกถึงเนื้อเพลงที่จูลี เดอ อเซเวโด แฮงค์สเขียนไว้ เธอเขียนถึงประจักษ์พยานของเธอว่า

ฝ่าลมแห่งการเปลี่ยนแปลง

รายล้อมด้วยเมฆแห่งความเจ็บปวด

ฉันรักษาประจักษ์พยานด้วยชีวิต

ฉันต้องการความอบอุ่น---ฉันต้องการแสงสว่าง

แม้พายุจะคำราม

ฉันยืนต้านสายฝนกระหน่ำ

ฉันยังคง

เป็นผู้รักษาเปลวเพลิง1

ขอให้ท่านเชื่อ และจากนั้นขอให้ท่านรักษาเปลวประจักษ์พยานของท่านให้ลุกโชติช่วง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต

ต่อไป เยาวชนหญิงทั้งหลาย ขอให้ท่าน เชื่อฟัง เชื่อฟังบิดามารดา เชื่อฟังกฎของพระผู้เป็นเจ้า กฎที่พระบิดาบนสวรรค์ประทานแก่เรา เมื่อเราเชื่อฟัง ชีวิตเราจะเกิดสัมฤทธิผลมากขึ้น ซับซ้อนน้อยลง เราจะแบกรับการท้าทายและปัญหาได้ง่ายขึ้น เราจะได้รับพรที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ พระองค์ตรัสไว้ว่า “พระเจ้าทรงเรียกร้องใจและความคิดที่เต็มใจ; และคนเต็มใจและคนเชื่อฟังจะกินสิ่งดีของแผ่นดินแห่งไซอันในวันเวลาสุดท้ายนี้”2

ท่านมีเพียงชีวิตเดียว จงทำให้ชีวิตปลอดเรื่องเดือดร้อนเท่าที่ท่านจะทำได้ ท่านจะถูกล่อลวง บางครั้งจากคนที่ท่านคิดว่าเป็นเพื่อน

หลายปีก่อนข้าพเจ้าพูดคุยกับผู้ให้คำปรึกษาชั้นยุวนารีคนหนึ่ง เธอเล่าประสบการณ์ให้ฟังเกี่ยวกับเยาวชนหญิงคนหนึ่งในชั้นเรียนของเธอ เยาวชนหญิงคนนี้ถูกล่อลวงครั้งแล้วครั้งเล่าให้ออกจากเส้นทางแห่งความจริงไปตามทางวกวนของบาป โดยผ่านการชักชวนไม่หยุดหย่อนของเพื่อนบางคนที่โรงเรียน ในที่สุดเธอก็ยอมไปตามทางวกวนนั้น เธอวางแผนบอกพ่อแม่ว่าจะไปคืนกิจกรรมสำหรับเยาวชนหญิง แต่เธอจะอยู่ที่นั่นเพียงเพื่อให้เพื่อนหญิงและคู่เดทของพวกเขามารับเธอ ต่อจากนั้นพวกเขาจะไปงานเลี้ยงที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และมีพฤติกรรมขัดกับสิ่งที่เยาวชนหญิงคนนี้รู้ว่าถูกต้อง

ครูสวดอ้อนวอนขอการดลใจในการช่วยเด็กสาวทุกคนโดยเฉพาะเยาวชนหญิงคนนี้ผู้ดูเหมือนไม่แน่ใจในคำมั่นสัญญาต่อพระกิตติคุณของเธอ ครูได้รับการดลใจคืนนั้นให้ยกเลิกสิ่งที่เธอวางแผนไว้และพูดกับเด็กสาวทั้งหลายเกี่ยวกับการดำรงอยู่อย่างสะอาดทางศีลธรรม ขณะครูเริ่มแบ่งปันความคิดและความรู้สึก เยาวชนหญิงคนดังกล่าวดูนาฬิกาข้อมือบ่อยครั้งเพื่อเธอจะไม่พลาดการนัดหมายกับเพื่อนๆ ของเธอ แต่การสนทนาดำเนินไป เธอเกิดความซาบซึ้งใจ มโนธรรมถูกปลุกให้ตื่น และปณิธานกลับมาอีกครั้ง เมื่อเพื่อนมา เธอไม่สนใจเสียงแตรรถยนต์ที่เรียกซ้ำหลายครั้ง เธอยังคงอยู่กับครูและเด็กสาวคนอื่นๆ ในชั้นเรียนตลอดค่ำนั้น การล่อลวงไปสู่ทางวกวนเปลี่ยนเป็นทางที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเห็นชอบ ซาตานล้มเหลว เยาวชนหญิงคนนี้อยู่ต่อหลังจากคนอื่นไปแล้วเพื่อขอบคุณครูสำหรับบทเรียนและบอกให้เธอทราบว่าบทเรียนนั้นช่วยเธอหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจส่งผลอันน่าโศกสลด คำสวดอ้อนวอนของครูได้รับตอบ

ข้าพเจ้าทราบในเวลาต่อมาว่าเพราะเธอตัดสินใจไม่ไปกับเพื่อนๆ คืนนั้น---กับเด็กหนุ่มเด็กสาวคนดังที่โรงเรียน---พวกเขาจึงไม่คบเธอและเป็นเวลาหลายเดือนที่เธอไม่มีเพื่อนที่โรงเรียน พวกเขารับไม่ได้ที่เธอไม่ยอมทำสิ่งที่พวกเขาทำ นั่นเป็นช่วงที่ยากยิ่งและโดดเดี่ยวสำหรับเธอ แต่เธอยังคงแน่วแน่และสุดท้ายก็ได้เพื่อนที่มีมาตรฐานเดียวกับเธอ เวลานี้ หลายปีต่อมา เธอแต่งงานในพระวิหารและมีบุตรธิดาที่น่ารักสี่คน ชีวิตเธออาจต่างไปจากนี้ การตัดสินใจของเรากำหนดจุดหมายของเรา

เยาวชนหญิงที่ล้ำค่า จงทำให้การตัดสินใจทุกเรื่องผ่านการทดสอบนี้ “การตัดสินใจนั้นให้อะไรฉัน การตัดสินใจนั้นมีผลอะไรต่อฉัน” และให้เกณฑ์ความประพฤติของท่านไม่เน้นว่า “คนอื่นจะคิดอย่างไร” แต่เน้นว่า “ฉันจะคิดอย่างไรกับตนเอง” จงให้สุรเสียงสงบแผ่วเบามีอิทธิพลต่อท่าน พึงจำไว้ว่าผู้มีสิทธิอำนาจวางมือบนศีรษะท่านเมื่อครั้งรับการยืนยันและกล่าวว่า “จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์” จงเปิดใจ แม้เปิดจิตวิญญาณของท่าน รับฟังเสียงที่พิเศษนั้นซึ่งเป็นพยานถึงความจริง ดังที่ศาสดาพยากรณ์อิสยาห์สัญญาว่า “หูของเจ้าจะได้ยินวจนะ … ว่า นี่เป็นหนทาง จงเดินในทางนี้”3

แนวโน้มในยุคสมัยของเราคือการทำตามอำเภอใจ นิตยสารและรายการโทรทัศน์แสดงภาพดาวรุ่งในจอภาพยนตร์ วีรบุรุษในสนามกีฬา---คนที่เยาวชนมากมายอยากเลียนแบบ---โดยไม่นำพากฎของพระผู้เป็นเจ้าและทำบาปกันอย่างเปิดเผย ซึ่งดูเผินๆ เหมือนไม่มีผลเสีย ท่านอย่าเชื่อ! มีเวลาของการคิดบัญชี---แม้การทำให้บัญชีสมดุล ซินเดอเรลลาทุกคนมีเที่ยงคืน---ถ้าไม่ในชีวิตนี้ก็ในชีวิตหน้า วันพิพากษาจะมาถึงทุกคน ท่านพร้อมหรือไม่ ท่านพอใจกับการกระทำของท่านหรือไม่

ถ้าใครก้าวพลาดระหว่างเดินทาง ข้าพเจ้าสัญญากับท่านว่ามีทางกลับ กระบวนการนั้นเรียกว่าการกลับใจ พระผู้ช่วยให้รอดสิ้นพระชนม์เพื่อให้ของประทานอันเป็นพรนั้นแก่ท่านและข้าพเจ้า แม้เส้นทางจะลำบาก แต่สัญญาเป็นจริง พระเจ้าตรัสว่า “ถึงบาปของเจ้าเหมือนสีแดงเข้มก็จะขาวอย่างหิมะ”4 “และจะไม่จดจำบาปของเขาทั้งหลายอีกต่อไป”5

เยาวชนหญิงที่รัก ท่านมีของประทานล้ำค่าแห่งสิทธิ์เสรี ข้าพเจ้าขอให้ท่านเลือกเชื่อฟัง

สุดท้าย ขอให้ท่าน อดทน อดทนหมายถึงอะไร ข้าพเจ้าชอบนิยามนี้ ทนด้วยความกล้าหาญ ความกล้าหาญอาจจำเป็นต่อการเชื่อ บางครั้งจะจำเป็นเมื่อท่านเชื่อฟัง และแน่นอนที่สุดว่าท่านต้องกล้าหาญเมื่อท่านอดทนจนถึงวันที่ท่านจะจากการดำรงอยู่ในชีวิตมรรตัยนี้

ข้าพเจ้าเคยพูดเมื่อหลายปีก่อนกับหลายคนที่บอกข้าพเจ้าว่า “ผมมีปัญหามากมาย กังวลหลายเรื่อง ผมหนักใจกับการท้าทายของชีวิต ผมจะทำอย่างไรดี” ข้าพเจ้าให้ข้อเสนอแนะพวกเขาและเวลานี้จะให้ท่านดังนี้ จงแสวงหาการนำทางจากสวรรค์วันละครั้ง อย่ากังวลกับอนาคต จงอยู่กับปัจจุบัน เราแต่ละคนแน่วแน่เพียงหนึ่งวันได้---จากนั้นก็อีกหนึ่งวัน และอีกหนึ่งวันหลังจากนั้น---จนกว่าเราได้ดำเนินชีวิตตามการนำทางของพระวิญญาณ ใกล้ชิดพระเจ้าทั้งชีวิต ประกอบคุณงามความดีและความชอบธรรมทั้งชีวิต พระผู้ช่วยให้รอดทรงสัญญาว่า “จงดูที่เรา, และอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่, และเจ้าจะมีชีวิต; เพราะแก่คนที่อดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เราจะให้ชีวิตนิรันดร์.”6

ด้วยจุดประสงค์นี้เราจึงมาสู่ความเป็นมรรตัย เพื่อนเยาวชนทั้งหลาย ไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่าเป้าหมายที่ท่านพยายามไปให้ถึง---แม้ชีวิตนิรันดร์ในอาณาจักรแห่งพระบิดาของท่าน

ท่านเป็นธิดาที่ล้ำค่า ล้ำค่าของพระบิดาบนสวรรค์ผู้ทรงส่งท่านมาในวันและเวลานี้เพราะมีจุดประสงค์ ท่านได้รับการสงวนไว้จนถึงโมงนี้ สิ่งล้ำเลิศและวิเศษสุดเตรียมไว้ให้ท่าน เพียงขอให้ท่านเชื่อ เชื่อฟัง และอดทนเท่านั้น ขอให้สิ่งนี้เป็นพรของท่าน ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนในพระนามของพระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา เอเมน