2010–2019
พระวิหารศักดิ์สิทธิ์—ประภาคารส่องโลก
เมษายน 2011


พระวิหารศักดิ์สิทธิ์—ประภาคารส่องโลก

พรสำคัญและสูงสุดของการเป็นสมาชิกศาสนจักรคือพรเหล่านั้นซึ่งเราได้รับในพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า

พี่น้องที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าส่งความรักความปรารถนาดีมายังท่านและสวดอ้อนวอนขอพระบิดาบนสวรรค์ทรงชี้นำความคิดและทรงดลใจถ้อยคำของข้าพเจ้าขณะพูดกับท่านวันนี้

ข้าพเจ้าจะเริ่มโดยแสดงความเห็นสักเรื่องสองเรื่องเกี่ยวกับข่าวสารที่ดีที่เราได้ฟังเช้านี้จากซิสเตอร์ออล์เรดและอธิการเบอร์ตันและคนอื่นๆซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการสวัสดิการของศาสนจักร เราทราบแล้วว่าปีนี้โครงการที่ได้รับการดลใจดังกล่าวซึ่งเป็นพรแก่ชีวิตคนมากมายจะอายุครบ 75 ปี นับเป็นเกียรติอย่างสูงที่ข้าพเจ้าได้รู้จักบางท่านซึ่งเป็นผู้บุกเบิกงานอันสำคัญยิ่งนี้—บุรุษผู้มีการุณยธรรมและสายตายาวไกล

ตามที่อธิการเบอร์ตันและซิสเตอร์ออล์เรดและคนอื่นๆ กล่าวไว้แล้ว อธิการวอร์ดมีหน้าที่ดูแลคนขัดสนที่อาศัยอยู่ในเขตวอร์ดของตน ข้าพเจ้ามีโอกาสนั้นสมัยเป็นอธิการวัยหนุ่มที่อายุยังน้อยมากในซอลท์เลคซิตี้ ดูแลวอร์ดที่มีสมาชิก 1,080 คน รวมทั้งหญิงม่าย 84 คน มีหลายคนต้องการความช่วยเหลือ ข้าพเจ้าซาบซึ้งใจอย่างยิ่งสำหรับโครงการสวัสดิการของศาสนจักรและความช่วยเหลือของสมาคมสงเคราะห์ตลอดจนโควรัมฐานะปุโรหิต

ข้าพเจ้าประกาศว่าโครงการสวัสดิการของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายได้รับการดลใจจากพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ

บัดนี้พี่น้องทั้งหลาย การประชุมใหญ่ครั้งนี้ครบสามปีตั้งแต่ข้าพเจ้าได้รับการสนับสนุนเป็นประธานศาสนจักร เป็นสามปีที่มีงานยุ่ง เต็มไปด้วยการท้าทาย แต่มีพรนับไม่ถ้วนเช่นกัน โอกาสที่ข้าพเจ้าได้อุทิศและอุทิศซ้ำพระวิหารถือเป็นพรอันศักดิ์สิทธิ์และน่าชื่นชมที่สุดประการหนึ่ง และเรื่องที่ข้าพเจ้าปรารถนาจะพูดกับท่านวันนี้เกี่ยวข้องกับพระวิหาร

ในระหว่างการประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคมปี 1902 โจเซฟ เอฟ. สมิธประธานศาสนจักรแสดงความหวังในคำปราศรัยเปิดการประชุมว่าสักวันเราจะ “สร้างพระวิหารในภูมิภาคต่างๆ ของ [โลก] ซึ่งจำเป็นต้องมีเพื่อความสะดวกของผู้คน”1

ในช่วง 150 ปีแรกหลังจากจัดตั้งศาสนจักร ตั้งแต่ปี 1830 ถึง 1980 เราสร้างพระวิหาร 21 แห่ง รวมทั้งพระวิหารในเคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ และนอวู อิลลินอยส์ เมื่อเทียบกับ 30 ปีตั้งแต่ปี 1980 เราสร้างและอุทิศพระวิหาร 115 แห่ง เมื่อวานนี้เราประกาศสร้างพระวิหารใหม่ 3 แห่ง ดังนั้นจึงมีพระวิหารอีก 26 แห่งอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างหรือจะดำเนินการก่อสร้าง จำนวนนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เป้าหมายที่ประธานโจเซฟ เอฟ. สมิธหวังไว้ในปี 1902 กำลังจะกลายเป็นความจริง ความปรารถนาของเราคือทำให้พระวิหารอยู่ใกล้สมาชิกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

พระวิหารแห่งหนึ่งที่ก่อสร้างอยู่ขณะนี้อยู่ในมาเนาส์ บราซิล หลายปีก่อนข้าพเจ้าอ่านเรื่องของสมาชิกกลุ่มหนึ่งราวหนึ่งร้อยกว่าคนที่ออกจากมาเนาส์ ใจกลางป่าฝนแอมะซอน เดินทางไปพระวิหารใกล้ที่สุดสมัยนั้นซึ่งตั้งอยู่ในเซาเปาลู บราซิล—ห่างจากมาเนาส์ประมาณ 4,000 กิโลเมตร วิสุทธิชนที่ซื่อสัตย์เหล่านี้นั่งเรือสี่วันไปตามแม่น้ำแอมะซอนและแควเล็กแควน้อย หลังจากนั่งเรือแล้ว พวกเขาต้องขึ้นรถโดยสารเดินทาง—ไปตามถนนขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่ออีกสามวัน มีกินน้อยมากและนอนไม่สบายเลย หลังจากเดินทางเจ็ดวันเจ็ดคืนพวกเขาจึงมาถึงพระวิหารในเซาเปาลูเพื่อทำศาสนพิธีที่มีผลนิรันดร์ แน่นอนว่าการเดินทางกลับของพวกเขายากลำบากเช่นกัน แต่พวกเขาได้รับศาสนพิธีและพรของพระวิหารแล้ว และถึงแม้กระเป๋าเงินจะว่างเปล่า แต่พวกเขาเปี่ยมด้วยวิญญาณของพระวิหารและความสำนึกคุณต่อพรที่ได้รับ2 หลายปีต่อมา เวลานี้สมาชิกของเราในมาเนาส์กำลังปลาบปลื้มยินดีที่พวกเขาเห็นพระวิหารเป็นรูปเป็นร่างอยู่บนฝั่งแม่น้ำรีดูเนกรู พระวิหารนำปีติมาให้สมาชิกที่ซื่อสัตย์ของเราไม่ว่าจะสร้างที่ใด

รายงานการเสียสละเพื่อให้ได้รับพรที่พบเฉพาะในพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้าทำให้ข้าพเจ้าตื้นตันใจไม่รู้ลืมและรู้สึกขอบพระทัยอยู่เสมอที่มีพระวิหาร

ข้าพเจ้าขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับตีฮีและตาราราอีนา มู ธาม กับลูกๆ 10 คนของพวกเขา ทั้งครอบครัวยกเว้นลูกสาวหนึ่งคนเข้าร่วมศาสนจักรตอนต้นทศวรรษ 1960 เมื่อผู้สอนศาสนามาที่เกาะซึ่งอยู่ทางใต้ห่างจากตาฮีตีประมาณ 160 กิโลเมตร ไม่นานพวกเขาก็เริ่มปรารถนาพรของการผนึกเป็นครอบครัวนิรันดร์ในพระวิหาร

สมัยนั้น พระวิหารใกล้ครอบครัวมูธามมากที่สุดคือพระวิหารแฮมิลตัน นิวซีแลนด์ ไปทางตะวันตกเฉียงใต้กว่า 4,000 กิโลเมตร ต้องนั่งเครื่องบินไปเท่านั้นและราคาแพงมาก ครอบครัวใหญ่อย่างมูธามซึ่งมีรายได้จำกัดจากการทำสวนเล็กๆ ไม่มีเงินค่าเครื่องบิน และไม่มีโอกาสได้งานทำบนหมู่เกาะแปซิฟิก ด้วยเหตุนี้บราเดอร์มูธามกับเจอราร์ดลูกชายจึงตัดสินใจเดินทาง 4,800 กิโลเมตรเพื่อไปทำงานที่นิวแคลิโดเนีย ซึ่งลูกชายอีกคนหนึ่งทำงานอยู่

มูธามทั้งสามทำงานสี่ปี บราเดอร์มูธามกลับไปเยี่ยมบ้านคนเดียวเพียงครั้งเดียวเพื่อไปงานแต่งงานของลูกสาว

หลังจากทำงานมาสี่ปี บราเดอร์มูธามกับลูกชายก็เก็บเงินได้มากพอจะพาครอบครัวไปพระวิหารนิวซีแลนด์ ทุกคนที่เป็นสมาชิกไปพระวิหารยกเว้นลูกสาวคนหนึ่งที่กำลังตั้งครรภ์ พวกเขาได้รับการผนึกเพื่อกาลเวลาและนิรันดร นับเป็นประสบการณ์ที่น่ายินดีจนยากจะบรรยาย

บราเดอร์มูธามกลับจากพระวิหารแล้วตรงดิ่งไปนิวแคลิโดเนีย เขาทำงานที่นั่นอีกสองปีเพื่อจ่ายค่าเดินทางให้ลูกสาวที่ยังไม่ได้ไปพระวิหารกับพวกเขา—ลูกสาวที่แต่งงานแล้วกับสามีและลูกของเธอ

หลายปีต่อมา บราเดอร์และซิสเตอร์มูธามปรารถนาจะรับใช้ในพระวิหาร ตอนนั้นเราสร้างและอุทิศพระวิหารปาเปเอเต ตาฮีตีแล้ว พวกเขารับใช้งานเผยแผ่ที่นั่นสี่ครั้ง3

พี่น้องทั้งหลาย พระวิหารเป็นมากกว่าศิลาและปูน พระวิหารเปี่ยมด้วยศรัทธาและการอดอาหาร สร้างจากความยากลำบากและประจักษ์พยาน การเสียสละและการรับใช้ทำให้พระวิหารศักดิ์สิทธิ์

พระวิหารแห่งแรกที่สร้างในสมัยการประทานนี้คือพระวิหารที่เคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ วิสุทธิชนสมัยนั้นยากจนข้นแค้น แต่พระเจ้าทรงบัญชาให้สร้างพระวิหาร พวกเขาสร้าง เอ็ลเดอร์ฮีเบอร์ ซี. คิมบัลล์เขียนถึงประสบการณ์นั้นว่า “พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงรู้สภาพความยากจน ความยากลำบาก และความอาดูรที่เราประสบเพื่อสร้างพระวิหารให้เสร็จ”4 หลังจากมุมานะสร้างจนแล้วเสร็จ วิสุทธิชนก็ถูกบังคับให้ออกจากโอไฮโอและพระวิหารที่พวกเขารัก สุดท้าย พวกเขาพบที่หลบภัยบนฝั่งแม่น้ำมิสซิสซิปปีในรัฐอิลลินอยส์—แม้จะชั่วคราวก็ตาม พวกเขาตั้งชื่อถิ่นพำนักแห่งนั้นว่านอวู และยินดีสละทุกอย่างที่มีอีกครั้งเพื่อสร้างพระวิหารอีกแห่งถวายพระผู้เป็นเจ้าด้วยศรัทธาอันบริบูรณ์ อย่างไรก็ดี การข่มเหงหนักมือ พวกเขาถูกไล่ออกจากบ้านอีกครั้งทั้งที่พระวิหารนอวูจวนเสร็จและต้องหาที่หลบภัยในถิ่นแห้งแล้ง

การดิ้นรนและการเสียสละเริ่มต้นอีกครั้งเมื่อพวกเขาทำงาน 40 ปีเพื่อสร้างพระวิหารซอลท์เลคซึ่งตั้งตระหง่านบนผืนดินทางใต้ของพวกเราที่อยู่ในศูนย์การประชุมใหญ่วันนี้

การเสียสละบางระดับเกี่ยวข้องกับการสร้างพระวิหารและการเข้าพระวิหาร การเสียสละอีกนับไม่ถ้วนเป็นการเสียสละของคนที่ตรากตรำงานหนักเพื่อให้ตนเองและครอบครัวได้รับพรซึ่งพบในพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า

เหตุใดคนจำนวนมากจึงยอมเสียสละมากขนาดนั้นเพื่อให้ได้รับพรของพระวิหาร คนที่เข้าใจพรนิรันดร์ซึ่งมาจากพระวิหารทราบว่าเพื่อให้ได้รับพรดังกล่าวไม่มีการเสียสละใดมากเกินไป ไม่มีราคาใดสูงเกินไป และไม่มีการต่อสู้ใดยากเกินไป ไม่มีเส้นทางใดยาวเกินกว่าจะไปถึง ไม่มีอุปสรรคใดยากเกินกว่าจะเอาชนะ หรือไม่มีความลำบากใดมากเกินกว่าจะอดทน พวกเขาเข้าใจว่าศาสนพิธีแห่งความรอดที่ได้รับในพระวิหารซึ่งเอื้ออำนวยให้เราได้กลับไปหาพระบิดาบนสวรรค์ในสัมพันธภาพครอบครัวนิรันดร์และได้รับการประสาทพรและอำนาจจากเบื้องบนมีค่าควรแก่การเสียสละทุกอย่างและความเพียรพยายามทุกวิถีทาง

ปัจจุบันพวกเราส่วนใหญ่ไม่ต้องลำบากมากเพื่อจะเข้าพระวิหาร แปดสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของสมาชิกศาสนจักรเวลานี้อยู่ห่างจากพระวิหารในระยะไม่เกิน 320 กิโลเมตร และสำหรับพวกเราส่วนใหญ่แล้ว ระยะทางดังกล่าวถือว่าสั้นกว่าเดิมมาก

ถ้าท่านเคยไปพระวิหารมาแล้ว และถ้าท่านอยู่ใกล้พระวิหารค่อนข้างมาก การเสียสละของท่านอาจเป็นเรื่องของการกันเวลาส่วนหนึ่งในชีวิตที่วุ่นอยู่กับงานไว้ไปพระวิหารเป็นประจำ มีงานมากมายให้ทำในพระวิหารเพื่อคนที่คอยอยู่หลังม่าน ขณะทำงานให้พวกเขาเราจะรู้ว่าเราได้ทำสิ่งที่พวกเขาทำด้วยตนเองไม่ได้ ประธานโจเซฟ เอฟ. สมิธ กล่าวไว้ในคำประกาศอันสำคัญยิ่งว่า “โดยผ่านความพยายามของเราเพื่อเห็นแก่พวกเขา โซ่แห่งพันธนาการจะหลุดไปจากพวกเขา และความมืดที่ล้อมรอบคนเหล่านั้นจะจางหายไป เพื่อความสว่างจะฉายส่องไปยังพวกเขา และในโลกแห่งวิญญาณพวกเขาจะได้ยินถึงงานที่ลูกหลานทำแทนพวกเขาที่นี่ และจะชื่นชมยินดีกับท่านในการปฏิบัติหน้าที่เหล่านั้น”5 พี่น้องทั้งหลาย งานนี้คืองานที่เราต้องทำ

ในครอบครัวของข้าพเจ้า ประสบการณ์อันน่าจดจำและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดอย่างหนึ่งของเราเกิดขึ้นเมื่อเราได้เข้าพระวิหารด้วยกันเพื่อประกอบศาสนพิธีแห่งการผนึกให้บรรพชนผู้ล่วงลับของเรา

ถ้าท่านยังไม่เคยไปพระวิหาร หรือถ้าท่าน เคย ไปแล้วแต่ปัจจุบันไม่มีคุณสมบัติในการถือใบรับรอง ไม่มีเป้าหมายใดสำคัญต่อท่านมากเท่าการมีค่าควรไปพระวิหาร การเสียสละของท่านอาจทำให้ท่านต้องดำเนินชีวิตตามข้อกำหนดของการได้ใบรับรอง หรืออาจต้องละทิ้งนิสัยที่ติดตัวมานานซึ่งทำให้ท่านไม่คู่ควร ท่านอาจต้องมีศรัทธาและวินัยในการจ่ายส่วนสิบ ไม่ว่าอะไรก็ตาม จงดำรงตนให้มีคุณสมบัติคู่ควรเข้าพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า มีใบรับรองพระวิหารและถือว่านั่นเป็นสมบัติล้ำค่า เพราะเป็นเช่นนั้น

ท่านยังไม่ได้ทุกอย่างที่ศาสนจักรมอบให้จนกว่าจะเข้าพระนิเวศน์ของพระเจ้าแล้วรับพรทุกประการซึ่งคอยท่านอยู่ที่นั่น พรสำคัญและสูงสุดของการเป็นสมาชิกศาสนจักรคือพรเหล่านั้นซึ่งเราได้รับในพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า

บัดนี้ เพื่อนเยาวชนที่อยู่ในวัยรุ่นทั้งหลาย จงมีพระวิหารอยู่ในสายตาท่านเสมอ อย่าทำสิ่งใดซึ่งจะทำให้ท่านเข้าประตูพระวิหารและรับส่วนพรนิรันดร์อันศักดิ์สิทธิ์ที่นั่นไม่ได้ ข้าพเจ้าชมเชยท่านที่ไปพระวิหารเป็นประจำอยู่แล้วเพื่อรับบัพติศมาแทนคนตาย ท่านตื่นแต่เช้าเพื่อจะสามารถมีส่วนร่วมในการบัพติศมาเช่นนั้นก่อนไปโรงเรียน ข้าพเจ้าคิดว่าไม่มีวิธีเริ่มต้นวันใหม่ดีกว่าวิธีนี้อีกแล้ว

ถึงท่านผู้เป็นบิดามารดาของลูกวัยหนุ่มสาว ข้าพเจ้าขอแบ่งปันคำแนะนำอันชาญฉลาดจากประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ที่ว่า: “คงจะดีถ้า…บิดามารดามีภาพพระวิหารอยู่ในห้องนอนทุกห้องในบ้าน เพื่อ [ลูกๆ ของพวกเขา] จะได้ดูภาพนั้นทุกวันตั้งแต่ [พวกเขา] เป็นทารก [จน] พระวิหารกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต [พวกเขา] เมื่อ [พวกเขาถึง] วัยที่ [ต้อง] ตัดสินใจเรื่องสำคัญมาก [เกี่ยวกับการไปพระวิหาร] นั่นจะเป็นการตัดสินใจที่พวกเขาทำไว้แล้ว” 6

เด็กๆ ของเราร้องเพลงนี้ในปฐมวัย:

ฉันชอบมองดูพระวิหาร

ฉันต้องการไปที่นั่น

ฉันจะทำพันธสัญญา

กับพระบิดาสวรรค์7

ข้าพเจ้าวิงวอนท่านให้สอนบุตรธิดาของท่านถึงความสำคัญของพระวิหาร

โลกที่เราอยู่เปลี่ยนแปลงตลอดและยุ่งยาก รอบตัวเรามักจะมีแต่สิ่งที่ฉุดเราลงต่ำ เมื่อท่านและข้าพเจ้าไปพระนิเวศน์ศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า เมื่อเราระลึกถึงพันธสัญญาที่ทำไว้ในนั้น เราจะสามารถทนต่อการทดลองทุกอย่างและเอาชนะการล่อลวงแต่ละอย่างได้ ในสถานศักดิ์สิทธิ์นี้เราจะพบสันติ เราจะมีกำลังเสริมเพิ่มขึ้น

พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าจะพูดถึงพระวิหารอีกแห่งหนึ่งก่อนจบ ในอนาคตอันใกล้นี้ เมื่อพระวิหารแห่งใหม่เป็นรูปเป็นร่างทั่วโลก แห่งหนึ่งจะตั้งขึ้นในนครซึ่งอยู่มา 2,500 ปีแล้ว ข้าพเจ้าพูดถึงพระวิหารที่สร้างอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลีเวลานี้

พระวิหารทุกแห่งเป็นพระนิเวศน์ของพระผู้เป็นเจ้า ปฏิบัติหน้าที่เหมือนกัน มีพรและศาสนพิธีแบบเดียวกัน พระวิหารโรม อิตาลี พิเศษกว่าที่อื่นเพราะสร้างอยู่ในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของโลก นครที่อัครสาวกเปโตรและเปาโลสั่งสอนพระกิตติคุณของพระคริสต์และเป็นมรณสักขีที่นั่น

เดือนตุลาคมที่ผ่านมา เราไปรวมตัวกันบริเวณชนบทที่สวยงามทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของโรม นั่นเป็นโอกาสที่ข้าพเจ้าได้กล่าวคำสวดอ้อนวอนอุทิศขณะเตรียมเบิกดิน ข้าพเจ้ารู้สึกถึงการกระตุ้นเตือนให้เชิญลูกิโอ มาลาน วุฒิสมาชิกอิตาลี และจุยเซ็ปเป เซียร์ดี รองนายกเทศมนตรีโรมมาใช้พลั่วเบิกดินด้วย แต่ละท่านเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจอนุญาตให้เราสร้างพระวิหารในเมืองนั้น

วันนั้นท้องฟ้ามืดครึ้มแต่อบอุ่น ถึงแม้ฝนจะตั้งเค้า แต่ตกไม่เกินหนึ่งหรือสองเม็ด เมื่อคณะนักร้องประสานเสียงขับขานบทเพลงไพเราะเป็นภาษาอิตาลีชื่อเพลง “พระวิญญาณพระเจ้า” พวกเรารู้สึกประหนึ่งสวรรค์และแผ่นดินโลกร่วมขับร้องเพลงสวดสรรเสริญและขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ เราไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้

วันนั้นจะมาถึง เมื่อคนซื่อสัตย์ใน “เมืองอมตะ” แห่งนี้จะได้รับศาสนพิธีนิรันดร์ในพระนิเวศน์ศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า

ข้าพเจ้าสำนึกในพระกรุณาธิคุณของพระบิดาบนสวรรค์ชั่วกาลนานสำหรับพระวิหารที่สร้างในโรมขณะนี้และสำหรับพระวิหารทุกแห่งของเราไม่ว่าที่ใดก็ตาม แต่ละแห่งเป็นดั่งประภาคารส่องโลก เป็นประจักษ์พยานว่าพระผู้เป็นเจ้าพระบิดานิรันดร์ของเราทรงพระชนม์ พระองค์ทรงปรารถนาจะอวยพรเรา และทรงอวยพรบุตรธิดาของพระองค์ทุกรุ่น พระวิหารแต่ละแห่งของเราเป็นประจักษ์พยานว่าชีวิตหลังความตายมีจริงและแน่นอนเท่ากับชีวิตเราบนแผ่นดินโลก ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงสิ่งนี้

พี่น้องที่รักทั้งหลาย ขอให้เราเสียสละทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อจะได้ไปพระวิหารและมีวิญญาณของพระวิหารอยู่ในใจเราและในบ้านของเรา ขอให้เราดำเนินตามรอยพระบาทของพระเยซูคริสต์ พระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ผู้ทรงกระทำการเสียสละอันสูงสุดนั้นเพื่อเรา เพื่อให้เรามีชีวิตนิรันดร์และความสูงส่งในอาณาจักรของพระบิดาบนสวรรค์ นี่คือคำสวดอ้อนวอนที่จริงใจของข้าพเจ้า ในพระนามของพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์ พระเจ้า เอเมน

  1. โจเซฟ เอฟ. สมิธ ใน Conference Report, Oct. 1902, 3

  2. ดู วิลสัน เฟลิเป ซานติอาโก และลินดี ริทชี อาร์คิบาลด์ “From Amazon Basin to Temple,” Church News, Mar. 13, 1993, 6.

  3. ดู ซี. เจย์ ลาร์ซัน “Temple Moments: Impossible Desire,” Church News, Mar. 16, 1996, 16.

  4. ฮีเบอร์ ซี. คิมบัลล์ ใน ออร์สัน เอฟ. วิทนีย์ Life of Heber C. Kimball (1945), 67.

  5. คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ เอฟ. สมิธ (1998) หน้า 274

  6. The Teachings of Spencer W. Kimball, ed. Edward L. Kimball (1982), 301.

  7. จานิซ แคพพ์ เพอร์รี “ฉันชอบมองดูพระวิหาร” หนังสือเพลงสำหรับเด็ก หน้า 99