ข้อประกาศเรื่องความเป็นส่วนตัว (อัปเดตเมื่อ 2021-04-06)


ในข้อประกาศฉบับนี้ เรา ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายและหน่วยงานของศาสนจักร ขอเรียนชี้แจงให้ท่านทราบข้อมูลเกี่ยวกับวิธีที่เราประมวลผลข้อมูลส่วนตัวของท่าน คำว่า “เรา” หรือ “ของเรา” ในที่นี้หมายถึงศาสนจักรและหน่วยงานของศาสนจักร

1. ใครควบคุมข้อมูลส่วนตัวของท่าน?

ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายดำเนินการผ่านตัวแทนและหน่วยงานของศาสนจักรเมื่อเราประมวลผลข้อมูลส่วนตัวของท่าน เมื่อท่านให้ข้อมูลส่วนตัวแก่เรา ท่านกำลังให้ข้อมูลแก่ศาสนจักรผ่านหน่วยงานของศาสนจักร

ก. ศาสนจักร: ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย (“ศาสนจักร”) เป็นกลุ่มของผู้คนที่เชื่อในหลักคำสอนทางศาสนาอย่างเดียวกัน ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาและศาสนพิธีอย่างเดียวกัน และปกครองโดยหลักธรรมทางศาสนา หน่วยในท้องที่ของศาสนจักร เช่น วอร์ด สาขา สเตค ท้องถิ่น คณะเผยแผ่ และภาคเป็นเพียงหน่วยย่อยของประชาคมผู้มีความเชื่อนี้และไม่ใช่นิติบุคคลที่แยกต่างหาก จำกัดข้อยกเว้นที่ให้ใช้โดยอนุโลม

ข. หน่วยงานของศาสนจักร: โครงสร้างทางกฎหมายอันประกอบด้วยนิติบุคคลรูปแบบต่างๆ ช่วยเหลืองานศาสนจักรทั่วโลกเพื่อตอบสนองความต้องการด้านกิจธุระทางโลกและทำให้จุดประสงค์ด้านอื่นของศาสนจักรเกิดสัมฤทธิผล นิติบุคคลเหล่านี้ (ในที่นี้คือ “หน่วยงานของศาสนจักร”) แยกออกจากศาสนจักรโดยนัยทางกฎหมาย หนึ่งในหน่วยงานของศาสนจักร ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย องค์กรของยูทาห์แต่เพียงผู้เดียว ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ของศาสนจักรหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่งหน่วยงาน ประมวลผลข้อมูลส่วนตัวของท่านในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลที่รับผิดชอบร่วมกัน หน่วยงานของศาสนจักรบางหน่วยอาจได้รับข้อมูลส่วนตัวในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลเพื่อให้บริการแก่หน่วยงานของศาสนจักรที่ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมข้อมูล เมื่อท่านร้องขอ เราจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงานของศาสนจักรที่ประมวลผลข้อมูลส่วนตัวของท่าน

2. เราเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวเรื่องใดบ้าง?

เราเก็บข้อมูลส่วนตัวที่ (ก) ท่านส่งมาให้เราโดยตรง (ข) เราบันทึก และ (ค) เราได้รับมาจากบุคคลที่สาม เราอาจประมวลผลข้อมูลส่วนตัวของท่านโดยใช้หรือไม่ใช้วิธีอัตโนมัติ ได้แก่ การรวบรวม การบันทึก การจัดระบบ การทำโครงสร้าง การจัดเก็บ การปรับหรือเปลี่ยน การวิเคราะห์ การค้นคืน การปรึกษา การใช้ การเปิดเผยโดยการส่งต่อ การเผยแพร่หรืออาจทำให้พร้อมใช้ การจัดให้เป็นแนวเดียวกันหรือเชื่อมโยงกัน การตั้งข้อจำกัด การลบ หรือการทำลายข้อมูลส่วนตัวของท่าน

ก.การส่งข้อมูลโดยตรง ท่านส่งข้อมูลส่วนตัวให้เราเมื่อท่านเข้าร่วมศาสนจักร รับศาสนพิธีของศาสนจักร ร้องขอเอกสารศาสนจักร ร้องขอการเข้าใช้เครื่องมือหรือบริการของศาสนจักร หรือมีส่วนร่วมในปฏิสัมพันธ์หรือการสื่อสารอื่นๆ กับศาสนจักร เมื่อท่านปฏิสัมพันธ์กับศาสนจักร โดยทั่วไปเราจะประมวลผล ชื่อ วันเดือนปีเกิด สถานที่เกิด หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อีเมล ที่อยู่ตามจริง รูปภาพ เพศ การบริจาค/ข้อมูลค่าใช้จ่าย และอื่นๆ ท่านอาจให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่เราเพื่อมีส่วนร่วมโดยเริ่มจากตัวท่านเองในการตอบแบบสำรวจ การประกวด หรือกิจกรรมหรือการจัดงานอื่นๆ รวมไปถึงเมื่อท่านมีส่วนร่วมในการบันทึกวีดิทัศน์หรือเสียงเช่น เมื่อใช้เทคโนโลยีการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ การมีส่วนร่วมในการตอบแบบสำรวจ การประกวด และกิจกรรมอื่นๆ ที่คล้ายกันเป็นทางเลือก ถ้าท่านไม่ต้องการมีส่วนร่วมในกิจกรรมนั้น หรือไม่ต้องการให้ข้อมูลส่วนตัวที่มีการเชื่อมโยงกับที่อื่น การไม่มีส่วนร่วมจะไม่มีผลต่อสถานะของสมาชิกภาพหรือความสามารถที่จะใช้เครื่องมือหรือบริการที่ศาสนจักรมีอยู่ ในแต่ละกรณีดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ท่านจะรู้ว่าข้อมูลส่วนตัวใดบ้างที่ท่านให้เราเพราะท่านเป็นผู้ส่งโดยตรงและด้วยความสมัครใจ

ข. ข้อมูลที่เราได้รับจากบุคคลที่สามและข้อมูลที่ส่งให้โดยทางอ้อม เมื่อกฎหมายท้องที่อนุญาต ท่านอาจส่งข้อมูลส่วนตัวรวมถึงข้อมูลติดต่อเกี่ยวกับบุคคลอื่นนอกเหนือจากตัวท่าน (กล่าวอีกนัยหนึ่ง บุคคลที่สาม) ทั้งนี้เพื่อให้เราสามารถติดต่อกับบุคคลนั้น ดำเนินการส่งมอบ หรือดำเนินการตามที่ท่านร้องขอ  เมื่อท่านให้ข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับใครก็ตามนอกเหนือจากตัวท่านเอง ท่านต้องได้รับความยินยอมจากบุคคลนั้นก่อนหากความยินยอมนั้นเป็นข้อกำหนดทางกฎหมาย

หากคุณหรือบุคคลอื่นให้ข้อมูลติดต่อส่วนตัวของคุณแก่เราแล้วและคุณต้องการขอให้เรายุติการติดต่อกับคุณ โปรดดำเนินการตามระเบียบปฏิบัติในการขอยกเลิกการบอกรับหรือเลือกยกเลิกตามขั้นตอนที่ให้ไว้กับเว็บไซต์ จดหมายข่าว การแจ้งเตือนทางอีเมลนั้นๆ หรือติดต่อเราที่่ www.ChurchofJesusChrist.org/DataPrivacy

เราอาจประมวลผลหรือทำให้สาธารณชนเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวซึ่งได้จากแหล่งข้อมูลที่พิมพ์เผยแพร่อยู่แล้ว เราอาจประมวลผลและพิมพ์เผยแพร่ข้อมูลบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่หากเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของท้องที่

ข้อมูลบอกตำแหน่งของท่านอาจรวบรวมไว้ด้วยแอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือโดยมีจุดประสงค์ที่จะช่วยให้ท่านสามารถหาพระวิหารหรืออาคารประชุมที่ใกล้ที่สุดหรือด้วยเหตุผลที่คล้ายกัน ท่านสามารถแก้ไขการตั้งค่าบนอุปกรณ์ของท่านเพื่อยกเลิกบริการบอกตำแหน่งได้

เมื่อท่านเข้าใช้แหล่งช่วยอย่างใดอย่างหนึ่งของเรา เซิร์ฟเวอร์ของเรา (โดยใช้ไฟล์ของระบบหรือระบบการกรอง) อาจเก็บข้อมูลที่เว็บเบราว์เซอร์ของท่านส่งออกมาทุกครั้งที่ท่านเข้าใช้เว็บไซต์ ข้อมูลนี้อาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะที่อยู่อินเทอร์เน็ตโพรโทคอล (ที่อยู่ IP) ประเภทของเบราว์เซอร์ ระบบปฏิบัติการ และการตั้งค่าภาษา ทุกหน้าเว็บที่ท่านเข้าใช้ก่อนมาที่เว็บไซต์ของเรา วันเดือนปีและเวลาของการเข้าเว็บแต่ละครั้ง ข้อมูลที่ท่านค้นหาในแหล่งช่วยของเรา และข้อมูลอื่นๆ ที่รวบรวมไว้โดยคุกกี้หรือเทคโนโลยีที่คล้ายกัน โปรดอ้างอิงจากเครื่องมือCookie Preferences (“เครื่องมือคุกกี้”) ที่โพสต์ไว้กับแอปพลิเคชันมือถือและเว็บไซต์ของเราทุกแห่งเพื่อเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับคุกกี้ รวมถึงประเภทของคุกกี้และเพื่อระบุว่าเราใช้คุกกี้ประเภทใด อย่างไรก็ตาม หากท่านไม่ยอมรับคุกกี้ ท่านอาจไม่สามารถใช้งานหรือฟังก์ชันของไซต์หรือแอปพลิเคชันบางส่วนของเราได้ดังที่ระบุไว้ในเครื่องมือคุกกี้

3. จุดประสงค์ที่เราประมวลผลข้อมูลส่วนตัวคืออะไร?

เราประมวลผลข้อมูลส่วนตัวด้วยจุดประสงค์ด้านศาสนา ลำดับการสืบเชื้อสาย มนุษยธรรม สวัสดิการสังคม ผู้สอนศาสนา การสอน การปฏิบัติงานและการบริหารงานอื่นๆ

เราใช้ข้อมูลส่วนตัวเพื่อให้บริการด้านศาสนาและบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำให้พันธกิจของศาสนจักรมีสัมฤทธิผล เราอาจใช้และวิเคราะห์ข้อมูลส่วนตัว (รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับวิธีที่ท่านใช้เครื่องมือและบริการของเรา) เพื่อ (ก) ติดต่อท่านหรือผู้อื่น (ข) สร้างหรือเก็บรักษาบันทึกสมาชิกภาพ (ค) ดำเนินงานตามคำร้องขอของท่าน (ง) ขอรับคำติชมตามความสมัครใจของท่าน (จ) กำหนดคุณสมบัติหรือปรับแต่งเนื้อหาใหม่ในเครื่องมือหรือบริการของเรา (ฉ) ประเมินคุณสมบัติตามเกณฑ์เพื่อมีส่วนร่วมในศาสนพิธีพระวิหารและศาสนพิธีอื่นๆ การรับใช้เป็นผู้สอนศาสนา ตำแหน่งอาสาสมัครหรือผู้นำ หรือ (ช) บริหารการศึกษาด้านศาสนาของศาสนจักร สวัสดิการ หรือโปรแกรมอื่นๆ ของศาสนจักร ในบริบทนี้ หลักเกณฑ์ทางกฎหมายสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนตัวของท่านคือความจำเป็นที่จะปฏิบัติตามพันธะรับผิดชอบโดยสัญญาและอื่นๆ ที่เราทำกับท่านหรือเพื่อดำเนินกิจกรรมตามกฎหมายในฐานะศาสนจักร

เราอาจใช้ข้อมูลของท่านเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเช่นกันและใช้สิทธิทางกฎหมายเป็นหลักเกณฑ์ในการประมวลผลข้อมูลของเรา

เราอาจใช้ข้อมูลส่วนตัวของท่านเพื่อจุดประสงค์ภายในเช่นกัน ได้แก่ การตรวจสอบบัญชี การวิเคราะห์ข้อมูล การแก้ปัญหาระบบ และการค้นคว้าวิจัย ในกรณีเหล่านี้ เราประมวลผลโดยอาศัยหลักเกณฑ์ของผลประโยชน์ตามกฎหมายในการประกอบกิจกรรมของศาสนจักร

4. เราส่งข้อมูลส่วนตัวให้ใครบ้าง?

เราส่งขัอมูลส่วนตัวของท่านให้บุคคลอื่นในสภาวการณ์ดังต่อไปนี้

ก. ผู้จัดเตรียมซึ่งเป็นบุคคลที่สาม เราอาจให้ข้อมูลส่วนตัวแก่บุคคลที่สามเพื่อการประมวลผลของพวกเขาในการทำหน้าที่แทนเราในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูล (ตัวอย่างเช่น การดำเนินการด้านค่าใช้จ่าย การซ่อมบำรุง การรักษาความปลอดภัย การวิเคราะห์ข้อมูล การเป็นแม่ข่าย บริการวัดผล การส่งข้อความทางสื่อสังคมออนไลน์โดยใช้ข้อมูล การสำรวจ และอื่นๆ) ในกรณีดังกล่าว ตามข้อประกาศนี้และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ผู้จัดเตรียมจะได้รับข้อกำหนดตามสัญญาให้ปกป้องข้อมูลส่วนตัวจากการประมวลผลที่เพิ่มเข้ามา (รวมถึงเพื่อจุดประสงค์ด้านการตลาดด้วย) และจากการส่งต่อ

ข. หน่วยงานของศาสนจักร เราอาจส่งต่อข้อมูลส่วนตัวไปยังหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งที่เป็นของศาสนจักรเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของศาสนจักร

ข้อมูลสมาชิกภาพทั่วไปของท่าน (ถ้าท่านเป็นสมาชิกของศาสนจักร) และข้อมูลใดก็ตามที่ท่านอาจเลือกจัดหาให้ (ตัวอย่างเช่น ที่อยู่อีเมลและภาพถ่ายหรือวีดิทัศน์ที่ท่านให้หรือที่เราถ่ายโดยได้รับอนุญาตจากท่าน) อาจส่งต่อให้สมาชิกศาสนจักรในวอร์ดหรือสาขาและสเตคหรือท้องถิ่นของท่านหรือกับผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ ในโปรแกรมที่ท่านเข้าร่วมตามความจำเป็นเพื่อจุดประสงค์ของศาสนจักรตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ข้อมูลบางอย่างของท่านอาจเข้าดูได้ตามหลักเกณฑ์ของข้อจำกัดและขอบเขตในแหล่งช่วยอินเทอร์เน็ตของเรา รวมถึง ChurchofJesusChrist.org ท่านอาจยกเลิกการส่งต่อข้อมูลหรือจำกัดข้อมูลทางเลือกอื่นๆ ที่ท่านส่งต่อโดยการแก้ไขโปรไฟล์ตามที่ท่านต้องการในแหล่งข้อมูลบุคคลหรือติดต่อเราโดยใช้ข้อมูลที่ให้ไว้ด้านล่าง

ค. ข้อกำหนดทางกฎหมาย เราอาจเข้าถึงหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของท่าน ข้อความที่ท่านโพสต์ บันทึกส่วนตัว การสนทนาออนไลน์ ข้อความส่วนตัว เนื้อหา หรือสิ่งอื่นๆ ที่ส่งมายังเว็บไซต์หากเราเชื่อโดยสุจริตว่าเป็นข้อกำหนดให้ทำเช่นนั้นโดยหมายเรียกพยาน โดยคำสั่งศาลหรือฝ่ายปกครองอื่นๆ หรือเป็นข้อกำหนดทางกฎหมาย  นอกจากนี้ เราอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของท่านและข้อมูลอื่นๆ ตามที่กฎหมายกำหนด หรือเพื่อใช้หรือป้องกันสิทธิตามกฎหมาย เพื่อระมัดระวังไม่ให้เกิดภาระรับผิดชอบทางกฎหมาย เพื่อป้องกันสิทธิ ทรัพย์สิน หรือความปลอดภัยของแหล่งข้อมูล ตัวบุคคล หรือสาธารณชนโดยทั่วไป เพื่อธำรงไว้และป้องกันความปลอดภัยและความซื่อสัตย์สุจริตในบริการหรือโครงสร้างพื้นฐานของเรา เพื่อป้องกันตัวเราเองและบริการของเราจากการใช้งานในลักษณะฉ้อฉล ก่อความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อตรวจสอบหาความจริงและแก้ต่างให้ตัวเราเองจากข้อเรียกร้องหรือข้อกล่าวหาจากบุคคลที่สาม หรือเพื่อช่วยเหลือหน่วยงานบังคับกฎหมายของรัฐบาล

5. เราเก็บข้อมูลส่วนตัวไว้ที่ไหน?

เราอาจเก็บข้อมูลส่วนตัวของท่านไว้ในศูนย์ข้อมูลที่สหรัฐ ในโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลคลาวด์ หรือในอาคารของหน่วยงานศาสนจักร เพื่อให้ข้อมูลที่เราส่งต่อไปยังขอบเขตอำนาจอื่นได้รับความคุ้มครองเพียงพอ เราจึงได้สรุปเรื่องการส่งต่อข้อมูลและข้อตกลงด้านการประมวลผลระหว่างหน่วยงานของศาสนจักรที่เกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการจัดเตรียมข้อมูลของหน่วยงานดังกล่าว ซึ่งข้อตกลงนั้นรวมถึงข้อสัญญามาตรฐานที่ได้รับอนุมัติโดยคณะกรรมาธิการยุโรปในความสอดคล้องกับกฎหมายของสหภาพยุโรป (EU) (ซึ่งท่านจะมีสิทธิ์ทบทวนหากท่านติดต่อเราดังที่แนะนำไว้ท้ายข้อประกาศนี้)

6. เรารักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวอย่างไร?

ศาสนจักรใช้มาตรการทางเทคนิคและทางองค์กรในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวที่ได้รับเพื่อไม่ให้เกิดการสูญหาย การใช้ในทางที่ผิด การปรับเปลี่ยนโดยไม่ได้รับอนุญาตและเพื่อปกป้องการรักษาความลับของข้อมูล เราตรวจสอบระเบียบปฏิบัติด้านความปลอดภัยและพิจารณาเทคโนโลยีตลอดจนวิธีการใหม่ๆ ที่เหมาะสมในการรักษาความปลอดภัยอยู่เสมอ เราใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสที่ทันสมัยเพื่อเข้ารหัสการส่งผ่านข้อมูลในหน้าลงทะเบียนเข้าใช้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เราไม่อาจรับประกันได้ว่าเทคโนโลยีการเข้ารหัสนี้จะให้ความปลอดภัยโดยสมบูรณ์ ขอให้ใช้ความระมัดระวังเมื่อส่งข้อมูลส่วนตัวออนไลน์

7. เราเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวไว้นานเพียงใด?

เรารักษาข้อมูลส่วนตัวที่รวบรวมไว้ รวมถึงข้อมูลที่รวบรวมไว้ด้วยแอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือและการส่งแบบอื่นๆ ไว้เป็นระยะเวลานานพอสมควรเพื่อทำให้จุดประสงค์ของการประมวลผลที่กล่าวไว้ข้างต้นเกิดสัมฤทธิผล จากนั้นเราจะเก็บข้อมูลนั้นเข้าคลังในช่วงเวลาที่กำหนดไว้หรือตามความจำเป็นโดยกฎหมายหรือการพิจารณาโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ในคลัง เราจะลบข้อมูลส่วนตัวออกจากบันทึกของเรา ยกเว้นในกรณีที่เป็นข้อมูลแฟ้มประวัติเชิงประวัติศาสตร์ซึ่งมีอยู่จำกัด บันทึกการสืบลำดับเชื้อสายทั่วไป และข้อมูลส่วนตัวซึ่งเก็บรักษาไว้เป็นส่วนหนึ่งในบันทึกการสืบลำดับเชื้อสาย บันทึกสมาชิกภาพ หรือบันทึกทางประวัติศาสตร์ของศาสนจักรเป็นการถาวร

8. ท่านจะเข้าถึงและแก้ไขข้อมูลส่วนตัวของท่านได้อย่างไร?

เราพยายามอย่างยิ่งที่จะคงความถูกต้องของข้อมูลส่วนตัวและอาศัยท่านทำให้ข้อมูลส่วนตัวของท่านถูกต้องและครบถ้วน  ท่านอาจขอเข้ามาที่ข้อมูลส่วนตัวของท่านและตรวจสอบ แก้ไข หรือปรับเปลี่ยน (รวมถึงการอัปเดต) และบล็อกข้อมูลส่วนตัวของท่านผ่านการลงทะเบียนเฉพาะเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่ง ผ่านทางแฟ้มประวัติของท่าน หรือผ่านทางบัญชีศาสนจักรของท่าน ตามความเหมาะสม

ถ้าท่านเป็นสมาชิกศาสนจักร ข้อมูลส่วนตัวบางอย่างของท่านอาจได้รับการอัปเดตต่อเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงบันทึกสมาชิกภาพศาสนจักรของท่านเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวต้องทำโดยติดต่อกับพนักงานในหน่วยศาสนจักรที่ท่านสังกัดและขอให้มีการเปลี่ยนแปลง

ท่านอาจติดต่อเราเพื่อขอใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น การเคลื่อนย้ายข้อมูล การคัดค้านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ข้อจำกัดของการประมวลผล และการลบข้อมูลส่วนตัวของท่าน ท่านมีสิทธิ์ยื่นคำร้องต่อเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเช่นกัน

ถ้าท่านประสบปัญหาเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนหรือการอัปเดตข้อมูลส่วนตัวของท่าน ท่านสามารถติดต่อเราได้ดังที่แนะนำไว้ท้ายข้อประกาศนี้

9. วันที่มีผลบังคับใช้และการแก้ไข

ข้อประกาศนี้มีผลบังคับใช้วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2564 และอาจแก้ไขเป็นครั้งคราว

10. ติดต่อเรา

คุณสามารถส่งข้อซักถามเกี่ยวกับข้อประกาศนี้หรือการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวที่เราประมวลผล โดยส่งมาทางเว็บไซต์ แฟกซ์ หรือที่อยู่ทางไปรษณีย์ตามที่ให้ไว้ดังนี้

เว็บไซต์:             www.ChurchofJesusChrist.org/DataPrivacy
แฟ็กซ์:                +1-801-240-1187
ที่อยู่:                   Data Privacy Office
                            50 East North Temple Street
                            Salt Lake City, UT 84150-0005
                            USA