2010–2019
บาดเจ็บ
ตุลาคม 2018


บาดเจ็บ

ในความทรหดของการทดลองทางโลก จงอดทนมุ่งหน้าต่อไป และเดชานุภาพแห่งการเยียวยาของพระผู้ช่วยให้รอดจะนำความสว่าง ความเข้าใจ สันติสุข และความหวังมาสู่ท่าน

วันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 2016 ก่อนแปดโมงเช้าเล็กน้อย มีระเบิดก่อการร้ายสองแห่งที่สนามบินบรัสเซลส์ เอ็ลเดอร์ริชาร์ด นอร์บี เอ็ลเดอร์เมสัน เวลส์ และเอ็ลเดอร์โจเซฟ เอ็มเพย์พาซิสเตอร์แฟนนีย์ เคลนไปสนามบินเพื่อส่งเธอเดินทางไปคณะเผยแผ่ที่คลีฟแลนด์ โอไฮโอ มีผู้เสียชีวิตสามสิบสองคน และผู้สอนศาสนาของเราทุกคนได้รับบาดเจ็บ

คนที่บาดเจ็บสาหัสที่สุดคือเอ็ลเดอร์ริชาร์ด นอร์บี วัย 66 ปี กำลังรับใช้กับซิสเตอร์แพม นอร์บี ภรรยาของเขา

เอ็ลเดอร์นอร์บีเล่าถึงช่วงเวลานั้นว่า

“ในฉับพลันนั้น ผมรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ผมพยายามวิ่งไปหลบภัย แต่ผมล้มลงทันที … ผมมองเห็นขาซ้ายของผมบาดเจ็บสาหัส ผม [สังเกตเห็น] เขม่าสีดำ เหมือนกับใยแมงมุมห้อยลงมาจากมือทั้งสองข้าง ผมค่อยๆ ดึงออก แต่ตระหนักได้ว่านั่นไม่ใช่เขม่าแต่เป็นผิวหนังที่ไหม้เกรียม เสื้อสีขาวกลายเป็นสีแดงจากบาดแผลที่หลังของผม

“เมื่อผมตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมมีความคิดที่แรงกล้ามาก … พระผู้ช่วยให้รอดทรงรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน เพิ่งเกิดอะไรขึ้น และผมกำลังประสบ [อะไร] อยู่ในช่วงเวลานั้น”1

ภาพ
ริชาร์ด นอร์บีอยู่ในภาวะโคม่า

วันเวลาที่ยากลำบากรออยู่เบื้องหน้าริชาร์ด นอร์บีกับแพม ภรรยาของเขา เขาต้องอยู่ในโคม่าจากการใช้ยา ตามด้วยการผ่าตัด การติดเชื้อ และความไม่แน่นอนอย่างยิ่ง

ริชาร์ด นอร์บีมีชีวิตอยู่ แต่ชีวิตของเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผ่านมาสองปีครึ่ง บาดแผลของเขายังต้องเยียวยา มีอุปกรณ์พยุงขาแทนบางส่วนที่หายไป แต่ละก้าวแตกต่างไปจากช่วงเวลาก่อนจะเกิดเหตุการณ์นั้นที่สนามบินบรัสเซลส์

ภาพ
ริชาร์ดกับแพม นอร์บี

เหตุใดเรื่องนี้จึงเกิดขึ้นกับริชาร์ดและแพม นอร์บี2 พวกเขาแน่วแน่ต่อพันธสัญญาของตน เคยรับใช้งานเผยแผ่ก่อนหน้านี้ที่ไอวอรี โคสต์และเลี้ยงดูครอบครัวที่ยอดเยี่ยม บางคนอาจพูดอย่างเข้าใจได้ว่า “ไม่ยุติธรรมเลย! นี่ไม่ถูกต้อง! พวกเขามอบชีวิตให้พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน”

นี่คือความเป็นมรรตัย

แม้ว่ารายละเอียดจะแตกต่างกัน เหตุการณ์ร้ายแรง การทดสอบและการทดลองที่คาดไม่ถึง ทั้งทางร่างกายและทางวิญญาณ เกิดขึ้นกับเราแต่ละคนเพราะนี่คือความเป็นมรรตัย

ขณะที่ข้าพเจ้าคิดถึงผู้พูดเช้านี้ในภาคการประชุมนี้ ข้าพเจ้าตระหนักได้ว่ามีสองท่านที่สูญเสียบุตรและสามท่านที่สูญเสียหลานผู้กลับไปยังบ้านบนสวรรค์ของพวกเขาแล้วอย่างคาดไม่ถึง ไม่มีใครรอดจากความเจ็บป่วยและความโศกเศร้า และที่ได้พูดไปแล้ว ในสัปดาห์นี้เอง เทพบนแผ่นดินโลกผู้ที่เราทุกคนรัก ซิสเตอร์บาร์บารา บัลลาร์ด ได้ก้าวผ่านม่านไปอย่างนุ่มนวล ประธานบัลลาร์ดครับ เราจะไม่มีวันลืมประจักษ์พยานของท่านเช้าวันนี้

เราแสวงหาความสุข เราปรารถนาสันติสุข เราหวังจะได้รับความรัก พระเจ้าทรงเทพรแสนวิเศษมาให้เราอย่างล้นเหลือ แต่ที่แอบปะปนมากับปีติและความสุข สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ จะมีช่วงเวลา ชั่วโมง วัน บางครั้งเป็นปีเมื่อจิตวิญญาณของท่านจะบาดเจ็บ

พระคัมภีร์สอนว่าเราจะลิ้มรสความขมและความหวาน3 และจะมี “การตรงกันข้ามในสิ่งทั้งปวง”4 พระเยซูตรัสว่า “[พระ​บิดา​ของ​ท่าน] ทรง​ให้​ดวง‍อา‌ทิตย์​ของ​พระ‍องค์​ขึ้น​ส่อง‍สว่าง​แก่​คน​ดี​และ​คน​ชั่ว​เสมอ​กัน และ​ให้​ฝน‍ตก​แก่​คน​ชอบ‍ธรรม​และ​คน​อธรรม”5

บาดแผลแห่งจิตวิญญาณไม่ได้เป็นของคนร่ำรวยหรือคนยากจน ของวัฒนธรรม ประชาชาติ หรือคนรุ่นใดรุ่นหนึ่ง แต่เกิดขึ้นกับทุกคนและเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ที่เรารับจากประสบการณ์มรรตัยนี้

คนชอบธรรมไม่ได้มีภูมิคุ้มกันภัย

ข่าวสารของข้าพเจ้าวันนี้ให้ไว้เป็นพิเศษสำหรับผู้ที่รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า รักษาสัญญากับพระผู้เป็นเจ้า และเช่นเดียวกับครอบครัวนอร์บี และชายหญิงและเด็กคนอื่นๆ หลายคนในบรรดาผู้ชมทั่วโลกนี้ ที่ต้องเผชิญกับการทดลองและความท้าทายอันคาดไม่ถึงและเจ็บปวด

บาดแผลของเราอาจมาจากภัยธรรมชาติหรืออุบัติเหตุจากโชคร้าย อาจมาจากสามีหรือภรรยาที่ไม่ซื่อสัตย์ เปลี่ยนชีวิตคู่สมรสและลูกๆ ที่ชอบธรรมจากหน้ามือเป็นหลังมือ บาดแผลอาจมาจากความมืดมนและความหดหู่ของความซึมเศร้า ความเจ็บป่วยที่ไม่คาดคิด การทนทุกข์หรือการสิ้นชีวิตก่อนวัยอันควรของคนที่เรารัก จากความเศร้าเสียใจของสมาชิกครอบครัวที่ไม่สนใจศรัทธาของตนเอง จากความเดียวดายเมื่อสภาวการณ์ไม่ได้นำมาซึ่งคู่นิรันดร์ หรือจากความทุกข์อื่นๆ อีกนับร้อยที่ทำให้หัวใจปวดร้าว ความเจ็บปวดที่ “ซ่อนโศกาซึ่งดวงตาค้นหาพบไม่”6

เราต่างเข้าใจว่าความยากลำบากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่เมื่อสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นกับเราเป็นการส่วนตัว อาจทำให้เราใจหายได้ เราต้องเตรียมพร้อม โดยไม่ตื่นตระหนก อัครสาวกเปโตรกล่าวว่า “อย่า​แปลก​ใจ​กับ​ความ​ทุกข์‍ยาก​แสน​สาหัส​ที่​กำลัง​เกิด‍ขึ้น​กับ​พวก‍ท่าน เพื่อ​ทด‍สอบ​พวก‍ท่าน​นั้น ราว​กับ​ว่า​สิ่ง​ประ‌หลาด​เกิด​กับ​พวก‍ท่าน”7 พร้อมกับสีสันสดใดแห่งความสุขและปีติ เส้นด้ายสีเข้มของการทดลองและเหตุสลดใจก็ถักทอเข้าด้วยกันอย่างลึกซึ้งในผืนผ้าแห่งแผนของพระบิดา ปัญหาเหล่านี้ แม้ว่าจะยากลำบาก แต่ก็มักเป็นครูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา8

เมื่อเล่าเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ของทหารหนุ่ม 2,060 คนของฮีลามัน เรารักพระคัมภีร์ข้อนี้ “ด้วยพระกรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้า, และยังความประหลาดใจอย่างใหญ่หลวงแก่เรา, และเป็นที่ปีติทั่วทั้งกองทัพของเราด้วย, ที่ไม่มีสักคนในพวกนี้เสียชีวิต”

แต่ประโยคบอกต่อไปว่า “และไม่มีสักคนในบรรดาพวกเขาที่ไม่ได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง”9 แต่ละคนจาก 2,060 คนได้รับบาดเจ็บมากมาย และเราแต่ละคนก็จะได้รับบาดเจ็บในสงครามแห่งชีวิต ไม่ว่าจะทางกาย ทางวิญญาณ หรือทั้งสองอย่าง

พระเยซูคริสต์ทรงเป็นชาวสะมาเรียผู้ใจดีของเรา

จงอย่ายอมแพ้—ไม่ว่าบาดแผลของจิตวิญญาณท่านจะลึกเพียงใด ไม่ว่าจะเกิดจากอะไร ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ไหนหรือเมื่อไร และไม่ว่าจะยังคงอยู่สั้นๆ หรือยาวนานเพียงใด ท่านจะไม่ตายทางวิญญาณ ท่านจะรอดชีวิตทางวิญญาณ และเบ่งบานในศรัทธาและความไว้วางใจของท่านในพระผู้เป็นเจ้า

พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงสร้างวิญญาณของเราเพื่อเป็นอิสระจากพระองค์ พระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์ ผ่านของประทานแห่งการชดใช้อันประมาณค่ามิได้ ไม่เพียงช่วยชีวิตเราจากความตายและทรงอภัยบาปให้เราผ่านการกลับใจเท่านั้น แต่พระองค์ยังทรงพร้อมที่จะช่วยชีวิตเราจากความเศร้าและความเจ็บปวดของจิตวิญญาณที่ได้รับบาดเจ็บด้วย10

ภาพ
ชาวสะมาเรียผู้ใจดี

พระผู้ช่วยให้รอดทรงเป็นชาวสะมาเรียผู้ใจดีของเรา11 ทรงมาเพื่อ “เยียวยาหัวใจที่แตกสลาย”12 พระองค์ทรงมาหาเราเมื่อคนอื่นเดินผ่านเราไป ด้วยความสงสาร พระองค์ทรงทาพิมเสนรักษาแผลของเราและพันผ้าไว้ พระองค์ทรงอุ้มเรา ทรงห่วงใยเรา ทรงเชื้อเชิญให้เรา “มาหาเรา … และเราจะรักษา [ท่าน]”13

“และ [พระเยซู] จะ … ทรงทนความเจ็บปวดและความทุกข์และการล่อลวงทุกอย่าง; … เพื่อ … พระองค์จะทรงรับความเจ็บปวดและความป่วยไข้ของผู้คนของพระองค์ … พระองค์จะทรงรับเอาความทุพพลภาพ [ของเรา], ด้วยพระเมตตา”14

มาเถิด ท่านผู้สิ้นหวัง ไม่ว่าอ่อนกำลังอยู่หนใด

มาสู่พระที่นั่งกรุณา คุกเข่าวิงวอนสุดใจ

นำหัวใจบาดเจ็บมาที่นี่ ความปวดร้าวที่มีจงระบาย

โลกไม่มีความโศกใดที่สวรรค์เยียวยาไม่ได้15

ณ เวลาแห่งการทนทุกข์อันใหญ่หลวง พระเจ้าตรัสกับศาสดาพยากรณ์โจเซฟว่า “สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้จะเป็นประสบการณ์แก่เจ้า, และจะเกิดขึ้นเพื่อความดีของเจ้า”16 บาดแผลที่เจ็บปวดจะเป็นไปเพื่อความดีของเราได้อย่างไร ในความทรหดของการทดลองทางโลก จงอดทนมุ่งหน้าต่อไป และเดชานุภาพแห่งการเยียวยาของพระผู้ช่วยให้รอดจะนำความสว่าง ความเข้าใจ สันติสุข และความหวังมาสู่ท่าน17

อย่ายอมแพ้เด็ดขาด

จงสวดอ้อนวอนด้วยสุดใจท่าน เสริมสร้างศรัทธาของท่านในพระเยซูคริสต์ ในความเป็นจริงของพระองค์ ในพระคุณของพระองค์ จงยึดมั่นในพระคำของพระองค์ที่ว่า “การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น”18

พึงจดจำว่า การกลับใจเป็นยาทางวิญญาณที่ทรงพลัง19 จงรักษาพระบัญญัติและมีค่าควรต่อพระผู้ปลอบโยน จดจำสัญญาของพระผู้ช่วยให้รอดที่ว่า “เราจะไม่ละ‍ทิ้งพวก‍ท่านไว้ให้เป็นลูก‍กำ‌พร้า เราจะมา‍หาท่าน”20

ความสงบสุขของพระวิหารคือพิมเสนระงับพิษจิตวิญญาณที่บาดเจ็บ กลับไปพระนิเวศน์ของพระเจ้าพร้อมใจที่บาดเจ็บและรายชื่อครอบครัวท่านให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ พระวิหารแสดงให้เห็นช่วงเวลาสั้นๆ ของเราในความเป็นมรรตัยบนจอภาพกว้างใหญ่ของนิรันดร21

มองย้อนกลับไป พึงระลึกว่าท่านพิสูจน์ความมีค่าควรของท่านแล้วในสภาวะก่อนเกิด ท่านเป็นบุตรที่องอาจของพระผู้เป็นเจ้า และด้วยความช่วยเหลือจากพระองค์ ท่านสามารถมีชัยชนะในสงครามของโลกที่ตกนี้ได้ ท่านเคยทำมาแล้ว และท่านทำอีกได้

มองไปข้างหน้า ปัญหาและความโศกเศร้าของท่านเป็นเรื่องจริง แต่จะไม่ดำรงอยู่ตลอดไป22 คืนแห่งความมืดของท่านจะผ่านพ้นไป เพราะ “พระบุตร … ทรงลุกขึ้นด้วยปีกของพระองค์ที่รักษาหาย”23

ครอบครัวนอร์บีบอกข้าพเจ้าว่า “ความผิดหวังมาเยือนเราในบางครั้งแต่เราไม่เคยอนุญาตให้อยู่ต่อ”24 อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า “เรา​เผชิญ​ความ​ยาก‍ลำ‌บาก​ … แต่​ก็​ไม่​ถูก​บด‍ขยี้ เรา​สับสน​แต่​ก็​ไม่​หมด‍หวัง เรา​ถูก​ข่ม‍เหง​แต่​ก็​ไม่​ถูก​ทอด‍ทิ้ง เรา​ถูก​ตี​ให้​ล้ม‍ลง แต่​ก็​ไม่​ถูก​ทำ‍ลาย”25 ท่านอาจจะเหนื่อยล้า แต่อย่ายอมแพ้26

แม้ด้วยบาดแผลอันเจ็บปวดของท่านเอง ท่านจะเอื้อมออกไปหาผู้อื่นโดยสัญชาตญาณ โดยวางใจในสัญญาของพระผู้ช่วยให้รอดที่ว่า “ใครยอมเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา คน‍นั้นจะได้ชีวิต‍รอด”27 ผู้ที่บาดเจ็บและดูแลรักษาบาดแผลของผู้อื่นคือเทพของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก

อีกสักครู่ เราจะฟังศาสดาพยากรณ์ที่รักของเรา ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน ชายผู้มีศรัทธามั่นคงในพระเยซูคริสต์ บุรุษแห่งความหวังและสันติสุข ผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงรักแต่ไม่ละเว้นจากบาดแผลของจิตวิญญาณ

ในปี 1995 แพทย์วินิจฉัยว่าเอมิลี บุตรสาวของท่านเป็นมะเร็งขณะกำลังตั้งครรภ์ มีวันเวลาแห่งความหวังและความสุขเมื่อเธอคลอดทารกน้อยสุขภาพแข็งแรง แต่มะเร็งกลับมา และเอมิลีที่รักก็จากชีวิตนี้ไปเพียงสองสัปดาห์หลังจากวันเกิดปีที่ 37 ของเธอ พลัดพรากจากสามีที่รักกับลูกเล็กห้าคนของเธอ

ภาพ
ประธานเนลสันพูดในปี 1995

ในการประชุมใหญ่สามัญ ไม่นานหลังจากเธอจากไป ประธานเนลสันบอกความในใจว่า “น้ำตาแห่งความโศกเศร้าของข้าพเจ้าหลั่งออกมาพร้อมกับความหวังว่าข้าพเจ้าจะทำได้มากกว่านี้เพื่อลูกสาวของเรา … หากข้าพเจ้ามีอำนาจแห่งการฟื้นคืนชีวิต ข้าพเจ้าคงจะพยายามนำ [เธอ] กลับมา … [แต่] พระเยซูคริสต์ทรงถือกุญแจเหล่านั้นและจะทรงใช้กับเอมิลี … และกับทุกคนในเวลาของพระเจ้าเอง”28

ภาพ
ประธานเนลสันในเปอร์โตริโก

เดือนที่แล้ว ขณะไปเยี่ยมวิสุทธิชนในเปอร์โตริโก เราจำได้ถึงเฮอร์ริเคนที่สร้างความเสียหายไว้เมื่อปีที่แล้ว ประธานเนลสันพูดด้วยความรักและความเห็นใจว่า

“นี่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต นี่คือเหตุผลที่เรามาอยู่ที่นี่ เรามาที่นี่เพื่อมีร่างกาย เพื่อรับการทดลองและการทดสอบ การทดสอบบางอย่างเป็นเรื่องทางกาย บางอย่างเป็นเรื่องทางวิญญาณ การทดลองของท่านที่นี่เป็นทั้งทางกายและทางวิญญาณ”29

“พวกท่านไม่ยอมแพ้ เราภูมิใจในตัวพวกท่านมาก วิสุทธิชนผู้ซื่อสัตย์สูญเสียอย่างมาก แต่ตลอดประสบการณ์ทั้งหมดนี้ พวกท่านได้บ่มเพาะศรัทธาในพระเจ้า พระเยซูคริสต์”30

“โดยการรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า เราจะพบปีติแม้ท่ามกลางสภาวการณ์ที่แย่ที่สุดของเรา”31

จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยด

พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าสัญญากับท่านว่าการเพิ่มพูนศรัทธาของท่านในพระเจ้าพระเยซูคริสต์จะนำมาซึ่งพละกำลังและความหวังที่มากขึ้น สำหรับท่าน ผู้ชอบธรรม พระผู้ทรงเยียวยาจิตวิญญาณเราจะทรงรักษาบาดแผลทั้งหมดของท่าน ในเวลาและในวิธีของพระองค์32 ไม่มีความอยุติธรรม ไม่มีการข่มเหง ไม่มีการทดลอง ไม่มีความเศร้าเสียใจ ไม่มีความปวดร้าวใจ ไม่มีความทุกข์ทรมาน ไม่มีบาดแผลใด—ไม่ว่าจะลึกเท่าใด กว้างเท่าใด เจ็บปวดเท่าใด—จะถูกละเว้นจากการปลอบโยน สันติสุข และความหวังอันยั่งยืนของพระองค์ผู้ทรงมีพระพาหุอันเปิดกว้างและพระหัตถ์ที่มีบาดแผลจะทรงต้อนรับเรากลับสู่ที่ประทับของพระองค์ ในวันนั้น อัครสาวกยอห์นเป็นพยานว่าผู้ชอบธรรม “ที่มาจากความยากลำบากครั้งยิ่งใหญ่”33 จะยืน “สวมเสื้อผ้าสีขาว … หน้าพระที่นั่งของพระเจ้า” พระเมษโปดกจะทรง “เลี้ยงดู [พวกเรา] … และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของเขาทั้งหลาย”34 วันนั้นจะมาถึง ข้าพเจ้าเป็นพยานในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. การสนทนาส่วนตัว, 26 ม.ค. 2018.

  2. ในการสนทนาช่วงต้นปีนี้ ริชาร์ด นอร์บีบอกข้าพเจ้าว่า “เราตอบสิ่งที่มอบให้เรา” เขาแบ่งปันสิ่งนี้จากสมุดบันทึกของเขา: “การทดสอบและการทดลองที่เกิดขึ้นกับเราแต่ละคนให้โอกาสและสิทธิพิเศษที่จะรู้จักพระผู้ช่วยให้รอดดีขึ้นและเข้าใจอย่างละเอียดลึกซึ้งขึ้นถึงการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์ คือพระองค์ที่เราพักพิง คือพระองค์ที่เราแสวงหา คือพระองค์ที่เราพึ่งพา คือพระองค์ที่เรามั่นใจ คือพระองค์ที่เรารักสุดใจ โดยไม่มีเงื่อนไขใด พระผู้ช่วยให้รอดทรงรักษาความเจ็บปวดทางกายและทางอารมณ์ทุกอย่างที่เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมรรตัย พระองค์ทรงรับเอาความเจ็บปวดไปจากเรา พระองค์ทรงซึมซับความโศกเศร้าของเรา”

  3. ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:39.

  4. 2 นีไฟ 2:11.

  5. มัทธิว 5:45.

  6. “พระเจ้าขอข้าตามพระองค์,” เพลงสวด, บทเพลงที่ 106.

  7. 1 เปโตร 4:12.

  8. “และพวกเราจะพิสูจน์พวกเขาโดยวิธีนี้, เพื่อดูว่าพวกเขาจะทำสิ่งทั้งปวงไม่ว่าอะไรก็ตามที่พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขาจะทรงบัญชาพวกเขาหรือไม่” (อับราฮัม 3:25; ดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 101:4–5 ด้วย).

  9. แอลมา 57:25.

  10. เพื่อนคนหนึ่งเขียนมาหาข้าพเจ้าว่า “การต่อสู่เกือบห้าปีกับ ‘ความมืดมนและความหดหู่’ ทางอารมณ์ในหลายระดับพาคุณไปสู่สุดขอบของความสามารถ ความมุ่งมั่น ศรัทธา และความอดทนของคุณ หลังจากหลายวันที่ ‘ทุกข์ทรมาน’ คุณเหนื่อยล้า หลังจากหลายสัปดาห์ที่ ‘ทุกข์ทรมาน’ คุณอ่อนแรง หลังจากหลายเดือนที่ ‘ทุกข์ทรมาน’ คุณเริ่มหมดกำลัง หลังจากหลายปีที่ ‘ทุกข์ทรมาน’ คุณยอมรับในความเป็นไปได้ว่าคุณจะไม่มีวันดีขึ้นอีกต่อไป ความหวังกลายเป็นของขวัญล้ำค่าและหายากที่สุด สรุปคือ ฉันไม่แน่ใจว่าฉันรู้วิธีที่ฉันผ่านพ้นการทดลองนี้มาได้ หากไม่ใช่เพราะ [พระผู้ช่วยให้รอด] นั่นเป็นคำอธิบายเดียว ฉันอธิบายไม่ได้ว่าฉันรู้ได้อย่างไร เว้นแต่ว่าฉันรู้ เพราะพระองค์ ฉันจึงผ่านพ้นสิ่งนี้มาได้.”

  11. ดู ลูกา 10:30–35.

  12. ลูกา 4:18; ดู อิสยาห์ 61:1 ด้วย.

  13. 3 นีไฟ 18:32.

  14. แอลมา 7:11–12. “พระองค์เสด็จลงต่ำกว่าสิ่งทั้งปวงด้วย, ในการนั้นพระองค์ทรงเข้าพระทัยสิ่งทั้งปวง” (หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:6).

  15. “Come, Ye Disconsolate,” Hymns, no. 115.

  16. หลักคำสอนและพันธสัญญา 122:7.

  17. “ลูกรู้จักความยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า; และพระองค์จะทรงอุทิศความทุกข์ของลูกให้เป็นพรของลูก” (2 นีไฟ 2:2). “เพราะพ่อรู้ว่าผู้ใดก็ตามที่มอบความไว้วางใจของพวกเขาในพระผู้เป็นเจ้าจะได้รับการค้ำจุนในความเดือดร้อนของพวกเขา, และความยุ่งยากของพวกเขา, และความทุกข์ของพวกเขา, และพระองค์จะทรงยกขึ้นในวันสุดท้าย” (แอลมา 36:3).

  18. 2 โครินธ์ 12:9.

  19. ดู Neil L. Andersen, “The Joy of Becoming Clean,” Ensign, Apr. 1995,50–53.

  20. ยอห์น 14:18.

  21. “ถ้า​เรา​มี​ความ​หวัง​ใน​พระ‍คริสต์​เพียง​แค่​ใน​ชีวิต​นี้ เรา​ก็​เป็น​พวก​น่า‍เวท‌นา​ที่‍สุด​ของ​คน​ทั้ง‍หมด” (1 โครินธ์ 15:19).

  22. ในข้อแรกของพระคัมภีร์มอรมอน นีไฟอธิบายว่าท่าน “เห็นความทุกข์หลายอย่างในวันเวลา [ของท่าน]” (1 นีไฟ 1:1). ภายหลังนีไฟกล่าวว่า “กระนั้นก็ตาม, ข้าพเจ้าวางใจพระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า, และข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ทั้งวัน; และข้าพเจ้าไม่ได้พร่ำบ่นต่อต้านพระเจ้าเพราะความทุกข์ของข้าพเจ้า” (1 นีไฟ 18:16).

  23. 3 นีไฟ 25:2.

  24. การสนทนาส่วนตัว, 26 ม.ค. 2018.

  25. 2 โครินธ์ 4:8–9.

  26. ประธานฮิวจ์ บี. บราวน์ ขณะไปเยี่ยมอิสราเอล มีคนถามว่าเหตุใดอับราฮัมจึงได้รับบัญชาให้สังเวยลูกชายของท่าน ท่านตอบว่า “อับราฮัมจำเป็นต้องเรียนรู้บางสิ่งเกี่ยวกับอับราฮัม” (ใน Truman G. Madsen, Joseph Smith the Prophet [1989], 93).

  27. มัทธิว 16:25.

  28. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “Children of the Covenant,” Ensign, May 1995, 32.

  29. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, ใน Jason Swensen, “Better Days Are Ahead for the People of Puerto Rico,” Church News, Sept. 9, 2018, 4.

  30. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, ใน Swensen, “Better Days Are Ahead,” 3.

  31. รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, ใน Swensen, “Better Days Are Ahead,” 4.

  32. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พระเยซูคริสต์—พระผู้เชี่ยวชาญการรักษา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2005, 100–103.

  33. วิวรณ์ 7:14.

  34. ดู วิวรณ์ 7:13, 15, 17.