2010–2019
ศีลระลึกช่วยให้เราบริสุทธิ์ได้
ตุลาคม 2016


ศีลระลึกช่วยให้เราบริสุทธิ์ได้

ให้พิจารณาวิธีห้าประการที่จะเพิ่มผลลัพธ์และพลังในการมีส่วนร่วมของเราในศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์ของศีลระลึก

ความทรงจำแรกสุดของข้าพเจ้าเกี่ยวกับการประชุมศีลระลึกคือครั้งที่จัดขึ้นที่บ้านของเราในเมืองวอร์นัมบูล ประเทศออสเตรเลีย สาขาเรามีผู้เข้าร่วมประชุม 10–15 คน และคุณพ่อข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในผู้ดำรงฐานะปุโรหิตสามคนที่มีโอกาสสวดให้พรศีลระลึกอยู่เป็นประจำ ข้าพเจ้าจำความรู้สึกที่มีต่อการอ่านคำสวดศีลระลึกที่นอบน้อมและตั้งใจของคุณพ่อได้ บ่อยครั้งที่เสียงท่านจะสั่นขณะรู้สึกถึงพระวิญญาณ บางครั้งท่านต้องหยุดเพื่อควบคุมอารมณ์ก่อนจะสวดต่อจนจบ

โดยที่เพิ่งอายุห้าขวบ ข้าพเจ้าไม่สามารถเข้าใจความหมายของสิ่งที่พูดและการกระทำทั้งหมดได้ แต่ข้าพเจ้ารู้ว่าสิ่งพิเศษกำลังเกิดขึ้น ข้าพเจ้ารู้สึกได้ถึงความสงบและอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำให้สบายใจขณะคุณพ่อทบทวนความรักของพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อเรา

พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนว่า “สิ่งนี้เจ้าจงปฏิบัติเสมอแก่คนที่กลับใจและรับบัพติศมาในนามของเรา; และเจ้าจงทำด้วยความระลึกถึงโลหิตของเรา, ซึ่งเราหลั่งเพื่อเจ้า, เพื่อเจ้าจะเป็นพยานต่อพระบิดาว่าเจ้าระลึกถึงเราตลอดเวลา. และหากเจ้าระลึกถึงเราตลอดเวลาเจ้าจะมีพระวิญญาณของเราอยู่กับเจ้า” (3 นีไฟ 18:11)

ข้าพเจ้าเชื้อเชิญทุกท่านให้พิจารณาวิธีห้าประการที่จะเพิ่มผลลัพธ์และพลังในการมีส่วนร่วมของเราในศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์ของศีลระลึก ศาสนพิธีที่ช่วยให้เราบริสุทธิ์ได้

1. เตรียมตัวล่วงหน้า

เราเริ่มเตรียมตัวสำหรับศีลระลึกได้อย่างดีก่อนการประชุมศีลระลึกเริ่ม วันเสาร์อาจเป็นเวลาดีที่จะใคร่ครวญความก้าวหน้าและความพร้อมทางวิญญาณของเรา

ภาพ
เตรียมตัวสำหรับวันอาทิตย์

ความเป็นมรรตัยเป็นของประทานสำคัญยิ่งในการเดินทางสู่ความเป็นเหมือนพระบิดาบนสวรรค์ เราจำเป็นต้องรับการทดลองและความยากลำบากเพื่อการเปลี่ยนแปลงและเติบโต กษัตริย์เบนจามินสอนว่า “มนุษย์ปุถุชนเป็นศัตรูต่อพระผู้เป็นเจ้า, . . . และจะเป็นไป, ตลอดกาลและตลอดไป, เว้นแต่เขาจะยอมต่อการชักจูงของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์, และทิ้งความเป็นมนุษย์ปุถุชนและกลับเป็นวิสุทธิชนโดยผ่านการชดใช้ของพระคริสต์พระเจ้า” (โมไซยาห์ 3:19) การมีส่วนร่วมในศาสนพิธีศีลระลึกทำให้เราถวายใจและจิตวิญญาณแด่พระผู้เป็นเจ้าได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ในการเตรียมตัว ใจเราต้องชอกช้ำขณะแสดงความสำนึกคุณต่อการชดใช้ของพระคริสต์ เรากลับใจจากความผิดพลาดและข้อบกพร่อง และขอให้พระบิดาทรงช่วยในการเดินทางต่อไปสู่ความเป็นเหมือนพระองค์มากยิ่งขึ้น จากนั้นเราสามารถมองหาโอกาสที่ศีลระลึกจะทำให้เราระลึกถึงการพลีพระชนม์ชีพของพระองค์และต่อคำมั่นสัญญาในพันธสัญญาที่เราทำทั้งหมด

2. มาโบสถ์ แต่เช้า

ประสบการณ์ศีลระลึกจะดีขึ้นเมื่อเรามาโบสถ์ก่อนการประชุมเริ่มและนั่งไตร่ตรองขณะมีการบรรเลงเพลงก่อนการประชุม

ภาพ
มาการประชมศีลระลึกแต่เช้า

ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์สอนว่า “เพลงก่อนการประชุมที่เล่นด้วยความคารวะช่วยบำรุงเลี้ยงวิญญาณและทำให้เกิดการดลใจ”1 “นี่ไม่ใช่เวลา” ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันอธิบาย “สำหรับการสนทนาหรือส่งข่าวสารแต่เป็นช่วงเวลาแห่งการตรึกตรองร่วมกับการสวดอ้อนวอนในฐานะผู้นำและสมาชิกเพื่อเตรียมพร้อมด้านวิญญาณสำหรับศีลระลึก”2

3. ร้องเพลงและเรียนรู้จากเนื้อเพลงสวดศีลระลึก

เพลงสวดศีลระลึกเป็นส่วนสำคัญยิ่งในประสบการณ์ศีลระลึกของเรา ดนตรีช่วยยกระดับความคิดและความรู้สึก เพลงสวดศีลระลึกจะยิ่งทวีอิทธิพลดียิ่งขึ้นเมื่อเราเอาใจใส่ต่อคำร้องและหลักคำสอนอันทรงพลังของเพลง เราเรียนรู้มากมายจากเนื้อเพลงตัวอย่างเช่น “พบความชอกช้ำเพื่อเรา”3“ให้เราจดจำและมั่นใจว่า ใจและมือเราพิสุทธิ์ผ่องแผ้ว”4และ “ซึ่งความเที่ยงธรรมความรักเมตตา ประสานปรองดองเมืองฟ้า!”5

ภาพ
ขับร้องและเรียนรู้จากเพลงสวด
ภาพ
ตั้งใจฟังคำร้องของเพลงสวด

ขณะเราขับร้องเพลงสวดเพื่อเตรียมรับส่วนแห่งเครื่องหมาย คำร้องจะเป็นส่วนหนึ่งของคำมั่นสัญญาในพันธสัญญาของเราได้ ให้พิจารณาดังตัวอย่าง “เรารักพระองค์ ใจเราอิ่มเอิบ จะเดินทางพระองค์เลือก”6

4. มีส่วนร่วมทางวิญญาณในการสวดศีลระลึก (ดูโมโรไน 4–5)

แทนที่จะฟังคำสวดศีลระลึกที่คุ้นเคยไปตามความเคยชิน เราสามารถเรียนรู้มากมายและอาจรู้สึกมากขึ้นขณะเรามีส่วนร่วมทางวิญญาณโดยพิจารณาถึงคำมั่นสัญญาและพรที่ตามมาในคำสวดอันศักดิ์สิทธิ์นี้

ภาพ
การให้พรขนมปัง

มีการประทานพรและทำให้ขนมปังและน้ำศักดิ์สิทธิ์แก่จิตวิญญาณของเรา สิ่งนี้เตือนให้เราระลึกถึงการพลีพระชนม์ชีพของพระผู้ช่วยให้รอดและเพื่อให้พระองค์ทรงช่วยให้เราบริสุทธิ์ได้

คำสวดอธิบายว่าเรารับส่วนขนมปังเพื่อระลึกถึงพระวรกายของพระบุตร ซึ่งพระองค์ประทานให้เป็นค่าไถ่เพื่อคนทั้งปวงจะมีคุณสมบัติพร้อมรับการฟื้นคืนชีวิต และเราดื่มน้ำเพื่อระลึกถึงพระโลหิตของพระบุตรซึ่งหลั่งเพื่อเราจะได้รับการไถ่ภายใต้เงื่อนไขการกลับใจ

คำสวดแนะนำพันธสัญญาด้วยวลี “ว่าพวกเขาเต็มใจ”โมโรไน 4:3วลีนี้มีพลังต่อเราในอนาคตอย่างมาก เราเต็มใจที่จะรับใช้และมีส่วนร่วมหรือไม่ เราเต็มใจที่จะเปลี่ยนหรือไม่ เราเต็มใจที่จะแก้ไขความอ่อนแอของเราหรือไม่ เราเต็มใจที่จะเอื้อมออกไปเป็นพรแก่ผู้อื่นหรือไม่ เราเต็มใจที่จะวางใจในพระผู้ช่วยให้รอดหรือไม่

ขณะกล่าวคำสัญญาและขณะเรารับส่วน เรายืนยันในใจเราว่าเราเต็มใจที่จะ:

  • รับพระนามของพระเยซูคริสต์

  • พยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาพระบัญญัติทุกข้อ

  • ระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา

คำสวดจบลงด้วยคำเชิญและสัญญาอันล้ำเลิศ: “เพื่อพวกเขาจะมีพระวิญญาณของพระองค์อยู่กับพวกเขาตลอดเวลา” (โมโรไน 4:3)

เปาโลเขียนว่า “ผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนโยน [และ] การรู้จักบังคับตน” (กาลาเทีย 5:22–23) เมื่อเรารักษาพันธสัญญา เราจะได้รับพรและของประทานอันประเสริฐ

5. ไตร่ตรองและระลึกถึงพระองค์ขณะส่งผ่านเครื่องหมายศีลระลึก

ช่วงเวลาแห่งความคารวะขณะผู้ดำรงฐานะปุโรหิตส่งผ่านศีลระลึกมีความศักดิ์สิทธิ์ต่อเราได้

ภาพ
ส่งผ่านขนมปัง

ขณะส่งผ่านขนมปัง เราอาจใคร่ครวญถึงความรักอันล้นเหลือที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อเรา พระผู้ช่วยให้รอด “ทรงรับเอาความตาย เพื่อพระองค์จะทรงทำให้สายรัดแห่งความตายที่ผูกมัดผู้คนของพระองค์หลุดออก” (แอลมา 7:12)

เราอาจระลึกถึงพรอันรุ่งโรจน์แห่งการฟื้นคืนชีวิตซึ่ง “จะเกิดแก่คนทั้งปวง, . . . ทั้งทาสและไท, ทั้งชายและหญิง, ทั้งคนชั่วร้ายและคนชอบธรรม; และแม้ผมบนศีรษะของพวกเขาสักเส้นเดียวก็จะไม่หายไป; แต่พระองค์จะทรงนำทุกสิ่งกลับคืนสู่โครงร่างอันสมบูรณ์ ” (แอลมา 11:44)

ภาพ
ส่งผ่านน้ำ

ขณะส่งผ่านน้ำ เราอาจระลึกถึงคำวิงวอนของพระผู้ช่วยให้รอด:

“เพราะดูเถิด, เรา. พระผู้เป็นเจ้าทนทุกข์กับสิ่งเหล่านี้เพื่อทุกคน, เพื่อพวกเขาจะได้ไม่ทนทุกข์ หากพวกเขาจะกลับใจ; . . .

“ซึ่งความทุกขเวทนานี้ทำให้ตัวเรา, แม้พระผู้เป็นเจ้า, ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาสิ่งทั้งปวง, ต้องสั่นเพราะความเจ็บปวด, และเลือดออกจากทุกขุมขน, และทนทุกข์ทั้งร่างกายและวิญญาณ—และปรารถนาที่เราจะไม่ต้องดื่มถ้วยอันขมขื่น, และชะงักอยู่” (คพ. 19:16, 18)

เราระลึกถึงที่พระองค์ทรงรับเอา “ความทุพพลภาพของพวกเขา, เพื่ออุทรของพระองค์จะเปี่ยมไปด้วยพระเมตตา, ตามเนื้อหนัง, เพื่อพระองค์จะทรงรู้ตามเนื้อหนังว่าจะทรงช่วยผู้คนของพระองค์ตามความทุพพลภาพของพวกเขาได้อย่างไร” (แอลมา 7:12)

ขณะเราพิจารณาประสบการณ์ศีลระลึกของเรา เราอาจถามตนเองดังนี้

  • ฉันจะทำอะไรในสัปดาห์นี้เพื่อเตรียมตัวสำหรับศีลระลึกให้ดีขึ้น

  • ฉันจะอุทิศตนให้มีความคารวะและการเปิดเผยอยู่ด้วยในช่วงเวลาเริ่มการประชุมศีลระลึกได้หรือไม่

  • หลักคำสอนใดสอนไว้ในเพลงสวดศีลระลึก

  • ฉันได้ยินและรู้สึกอย่างไรขณะฟังคำสวดศีลระลึก

  • ฉันคิดถึงเรื่องอะไรขณะมีการส่งผ่านศีลระลึก

เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์ สอนว่า “ศาสนพิธีศีลระลึกคือการเชื้อเชิญอันศักดิ์สิทธิ์และซ้ำๆ หลายครั้ง เพื่อให้เรากลับใจอย่างจริงใจและเริ่มต้นใหม่ทางวิญญาณ โดยนัยเช่นนี้ การรับส่วนศีลระลึกไม่ทำให้เกิดการปลดบาป แต่เมื่อเราเตรียมอย่างตั้งใจและมีส่วนร่วมในศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์นี้ด้วยใจชอกช้ำและวิญญาณที่สำนึกผิด เมื่อนั้น สัญญาที่ว่าเราจะมีพระวิญญาณของพระเจ้าอยู่กับเราตลอดเวลาจะเป็นจริง และโดยพลังของการชำระให้บริสุทธิ์จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ในฐานะเพื่อนที่ยั่งยืนเราสามารถทำให้การปลดบาปของเรามีอยู่เสมอ7

ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพรมากมายมีไว้ให้เราเมื่อเราเตรียมตัวและมีส่วนร่วมทางวิญญาณมากขึ้นในศาสนพิธีศีลระลึก ข้าพเจ้าเป็นพยานอีกว่าพรเหล่านี้มีไว้ให้เราเนื่องด้วยความรักของพระบิดาในสวรรค์และการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้อันไม่มีที่สิ้นสุดของพระบุตรที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสต์ ในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์แม้พระเยซูคริสต์ เอเมน

อ้างอิง

  1. บอยด์ เค. แพคเกอร, “Personal Revelation: The Gift, the Test, and the Promise,Ensign, Nov. 1994, 61.

  2. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “การนมัสการในการประชุมศีลระลึก,เลียโฮนา, สิงหาคม 2004, หน้า 13.

  3. “เยซูแห่งนาซาเร็ธ,” เพลงสวด,บทเพลงที่ 82.

  4. “ยามเรารับส่วนแห่งเครื่องหมายนี้,”เพลงสวด,บทเพลงที่ 80.

  5. “ปัญญาและความรักยิ่งใหญ่”เพลงสวด,บทเพลงที่ 88.

  6. “As Now We Take the Sacrament,”Hymns, no. 169.

  7. เดวิด เอ. เบดนาร์, “การปลดบาปของท่านจะมีอยู่เสมอ,”เลียโฮนา, พฤษภาคม 2016, หน้า 61–62.