2010–2019
ตาที่มองเห็นและหูที่ได้ยิน
ตุลาคม 2015


ตาที่มองเห็นและหูที่ได้ยิน

หากเราจะมองที่พระคริสต์และเปิดหูและตาของเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์จะประทานพรเราให้เห็นสิ่งที่พระเจ้า พระเยซูคริสต์ทำในชีวิตของเรา

ในการปฏิบัติศาสนกิจมรรตัยของพระองค์ พระเยซูทรงทำปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่เช่นการรักษาและสอนด้วยสิทธิอำนาจและพลังที่พระคัมภีร์กล่าวว่า “กิตติศัพท์ของพระองค์ก็เลื่องลือไปทั่วประเทศซีเรีย … และมีมหาชนติดตามพระองค์”1

บางคนที่เห็นพระองค์ทรงรักษาและได้ยินพระองค์ทรงสอนกลับปฏิเสธพระองค์ หลายคนติดตามพระองค์ระยะหนึ่งแต่จากนั้นก็ไม่ติดตามพระองค์อีกต่อไป2 พระเจ้าพระเยซูคริสต์ทรงอยู่ต่อหน้าพวกเขา แต่พวกเขาไม่รู้ว่าพระองค์เป็นใคร พวกเขามืดบอด และพวกเขาเลือกที่จะจากไป ถึงพวกเขา พระเยซูตรัสว่า

“เรามาหาคนของเรา, และคนของเราหารับเราไม่”3

“หูของเขาก็ตึง และตาของเขาก็ปิด”4

อย่างไรก็ตาม มีชายและหญิงจำนวนมาก รวมทั้งอัครสาวกผู้ซื่อสัตย์ของพระองค์ผู้ซึ่งดำเนินชีวิตที่ให้พระองค์เป็นศูนย์กลาง แม้พวกเขาล้มลุกคลุกคลานกับสิ่งรบกวนทางโลก ด้วยความสับสนเกี่ยวกับสิ่งที่พระองค์ทรงสอน และแม้ด้วยความหวาดกลัว พวกเขาเชื่อในพระองค์ รักพระองค์ และติดตามพระองค์

ถึงพวกเขา พระเยซูตรัสว่า “แต่นัยน์ตาของท่านทั้งหลายก็เป็นสุขเพราะได้เห็น และหูของท่านก็เป็นสุขเพราะได้ยิน”5

ก่อนพระองค์จะทรงทนทุกข์ในเกทเสมนีและบนคัลวารี พระเยซูทรงให้คำสัญญาที่ยอดเยี่ยมต่อสานุศิษย์ของพระองค์ว่า “คนที่วางใจในเราจะทำกิจการที่เราทำนั้นด้วย และเขาจะทำกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก เพราะว่าเราจะไปหาพระบิดาของเรา”6

พระเยซูทำให้คำสัญญานั้นเกิดสัมฤทธิผล: เริ่มที่วันเพ็นเทคอสต์ เหล่าสานุศิษย์ได้รับพรด้วยการบัพติศมาด้วยไฟและด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์7 โดยผ่านศรัทธาในพระคริสต์การกลับใจและการเชื่อฟังของพวกเขา พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นเพื่อนของพวกเขา เปลี่ยนใจพวกเขา และอวยพรพวกเขาด้วยประจักษ์พยานที่มั่นคงถึงความจริง

ของประทานและพรเหล่านี้เสริมสร้างความเข้มแข็งให้สานุศิษย์ของพระองค์ ถึงแม้ช่วงเวลาที่พวกเขามีชีวิตอยู่นั้นอันตรายและน่าสับสน พวกเขาได้รับของประทานทางวิญญาณของตาที่มองเห็นและหูที่ได้ยิน โดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาเริ่มเห็นความจริงของเรื่องดังที่มันเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องพระเจ้าพระเยซูคริสต์และงานของพระองค์ในบรรดาพวกเขา8 พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้ความเข้าใจสว่าง และพวกเขาได้ยินสุรเสียงของพระเจ้าชัดเจนขึ้น พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ฝังลึกอยู่ในใจพวกเขา9 พวกเขาแน่วแน่และเชื่อฟัง10 พวกเขาสั่งสอนพระกิตติคุณด้วยความองอาจและพลัง และสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าขึ้น11 พวกเขามีปีติในพระเจ้าพระเยซูคริสต์

เรามีหลายสิ่งที่เหมือนกับชายหญิงที่ซื่อสัตย์ในความเรืองโรจน์แห่งเวลา เรามีชีวิตในช่วงเวลาที่พระเจ้าพระเยซูคริสต์ทำปาฏิหาริย์ในบรรดาพวกเรา—รวมถึงการรักษาคนป่วย ชำระเราจากบาป การเปลี่ยนใจของเรา และทำให้ความรอดแก่บุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าทั้งสองด้านของม่านเป็นไปได้ ในสมัยของเรา เรามีศาสดาพยากรณ์และอัครสาวก อำนาจฐานะปุโรหิต ของประทานทางวิญญาณ และมีพรอันสูงส่งของศาสนพิธีแห่งความรอด

ช่วงเวลาของเราเป็นเวลาที่อันตราย—เป็นเวลาแห่งความชั่วร้ายและการล่อลวง เวลาแห่งความสับสนและความโกลาหล ในช่วงกลียุคเหล่านี้ ศาสดาพยากรณ์ของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก ประธานโธมัส เอส. มอนสัน เรียกให้เราช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทางวิญญาณ12 ยืนหยัดในความจริงด้วยความกล้าหาญ13 และสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า14 ไม่ว่าระดับความเข้มแข็งทางวิญญาณหรือศรัทธาหรือการเชื่อฟังของเราจะมากเพียงใด ก็ยังไม่พอสำหรับงานที่อยู่เบื้องหน้า เราต้องการแสงสว่างทางวิญญาณและพลังอำนาจมากขึ้น เราต้องมีตาที่มองเห็นพระผู้ช่วยให้รอดทำงานในชีวิตของเราได้ชัดเจนขึ้นและหูที่ได้ยินสุรเสียงของพระองค์ลึกซึ้งมากขึ้นในใจเรา

พรอันน่าอัศจรรย์นี้เกิดขึ้นเมื่อเราเปิดใจเราและรับ15 รับพระเจ้าพระเยซูคริสต์ หลักคำสอนของพระองค์และศาสนจักรของพระองค์เข้ามาในชีวิตของเราอย่างแท้จริง เราไม่จำเป็นต้องดีพร้อม แต่เราต้องเป็นคนดีและดียิ่งขึ้น เราต้องมุ่งมั่นดำเนินชีวิตตามความจริงที่แจ้งชัดและเรียบง่ายของพระกิตติคุณ หากเรายอมรับพระนามของพระคริสต์ ด้วยศรัทธาในพระองค์ในการกลับใจจากบาปของเรา รักษาพระบัญญัติของพระองค์ และระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา เราจะได้รับความเป็นเพื่อนจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ผ่านพระเมตตาและพระคุณของพระเยซูคริสต์

การเชื่อฟังนำพระวิญญาณมาสู่จิตใจเรา ในบ้านของเรา เราสวดอ้อนวอนด้วยศรัทธา ค้นคว้าพระคัมภีร์ และรักษาวันสะบาโตให้ศักดิ์สิทธิ์ ในห้องนมัสการ เรารับส่วนศีลระลึกและทำสัญญาศักดิ์สิทธิ์กับพระบิดาบนสวรรค์ในพระนามของพระคริสต์ ในพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ เรามีส่วนร่วมในศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์แทนพี่น้องอีกด้านหนึ่งของม่าน ในครอบครัวของเราและในงานมอบหมายของเราจากพระเจ้า เราเอื้อมไปหาผู้อื่นยกภาระของพวกเขาและเชื้อเชิญพวกเขามาสู่พระคริสต์

พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ารู้ว่าหากเราจะทำสิ่งเหล่านี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมา! เราจะเติบโตทางวิญญาณ และรับประสบการณ์ผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพระองค์จะทรงเป็นเพื่อนเรา หากเราจะมองที่พระคริสต์และเปิดหูและตาของเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์จะประทานพรเราให้เห็นสิ่งที่พระเจ้า พระเยซูคริสต์ทำในชีวิตของเรา เสริมสร้างศรัทธาของเราในพระองค์ด้วยความเชื่อมั่นและความชัดแจ้ง เราจะต้องเพิ่มการมองเห็นพี่น้องของเราทุกคนอย่างที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมองเห็นพวกเขา ด้วยความรักและความเห็นอกเห็นใจมากขึ้น เราจะได้ยินเสียงของผู้ช่วยให้รอดในพระคัมภีร์ ในสุรเสียงกระซิบของพระวิญญาณ และในถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิต16 เราจะเห็นอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าสถิตกับศาสดาพยากรณ์และผู้นำทั้งหมดของศาสนจักรที่แท้จริงและดำรงอยู่ของพระองค์ และเราจะรู้ด้วยความแน่นอนว่านี่คืองานอันศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า17 เราจะเห็นและเข้าใจตนเอง และสิ่งรอบตัวเราในแบบของพระผู้ช่วยให้รอด เราจะพบสิ่งที่อัครสาวกเปรโตเรียกว่า “พระทัยของพระคริสต์”18 เราจะมีตาที่มองเห็นและหูที่ได้ยิน และเราจะสร้างอาณาจักรของพระเจ้า

ชีวิตอาจจะยาก น่าสับสน เจ็บปวด และท้อแท้ ข้าพเจ้าเป็นพยานว่า โดยที่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเพื่อน แสงสว่างของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์จะส่องผ่านความสับสน ความเจ็บปวด และความมืดมน ไม่ว่ามาในรูปแบบกระทันหันน่าทึ่งหรือในขั้นตอนที่อ่อนโยน พลังอำนาจทางวิญญาณที่รุ่งโรจน์จะให้การรักษาด้วยความรักและการปลอบโยนสู่การกลับใจ จิตวิญญาณที่บาดเจ็บ ขจัดความมืดด้วยความสว่างแห่งความจริง และขับไล่ความท้อแท้สิ้นหวังด้วยความหวังในพระคริสต์ เราจะเห็นพรเหล่านี้ และเราจะรู้จากการเป็นพยานของพระวิญญาณว่า พระเจ้าพระเยซูคริสต์กำลังทำงานในชีวิตเรา ภาระของเราจะถูก “กลืนเข้าไปในปีติของ [พระผู้ไถ่ของเรา]” อย่างแท้จริง19

ประสบการณ์ของคุณพ่อคุณแม่ข้าพเจ้าเมื่อหลายปีก่อนแสดงให้เห็นถึงความสำคัญและอำนาจของตาที่มองเห็นและหูที่ได้ยิน ในปี 1982 คุณพ่อคุณแม่ถูกเรียกให้รับใช้ในคณะเผยแผ่ดาเวาฟิลิปปินส์ เมื่อคุณแม่เปิดจดหมาย และเห็นว่าพวกเขาได้รับเรียก เธอพูดกับคุณพ่อว่า “ไม่! คุณต้องโทรหาพวกเขา และบอกพวกเขาว่าเราไม่สามารถไปฟิลิปปินส์ได้ พวกเขารู้ว่าคุณมีโรคหอบหืด” คุณพ่อทนทุกข์ด้วยโรคหอบหืดเป็นเวลาหลายปี และคุณแม่เป็นทุกข์ยิ่งนักเกี่ยวกับท่าน

สองสามคืนต่อมาคุณแม่ปลุกคุณพ่อเวลาประมาณ 2:30 น. เธอกล่าวว่า “เมอลิน คุณได้ยินเสียงนั้นไหม”

“ไม่ ผมไม่ได้ยินอะไร”

“แต่ฉันได้ยินเสียงพูดเหมือนเดิมสามครั้งว่า ‘ทำไมเจ้าจึงกังวลเล่า เจ้าไม่รู้หรือว่าเรารู้ว่าเขาเป็นโรคหอบหืด เราจะดูแลเขา และเราจะดูแลเจ้า เตรียมตัวเจ้าให้พร้อมเพื่อทำงานในฟิลิปปินส์’”

ภาพ
เมอร์ลิน และเฮเลน คลาร์ก

คุณพ่อคุณแม่ข้าพเจ้ารับใช้ในฟิลิปปินส์และมีประสบการณ์ยอดเยี่ยม พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเพื่อนของพวกเขา และพวกเขาได้รับพรและคุ้มครอง คุณพ่อไม่เคยมีปัญหากับโรคหอบหืด ท่านรับใช้เป็นที่ปรึกษาที่หนึ่งในฝ่ายประธานคณะเผยแผ่ และท่านกับคุณแม่ได้อบรมผู้สอนศาสนาหลายร้อยคนและวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่ซื่อสัตย์หลายพันคน ในการเตรียมพร้อมสำหรับการจัดตั้งวอร์ดและสเตคบนเกาะมินดาเนา พวกท่านได้รับพร ด้วยตาที่มองเห็นและหูที่ได้ยิน

พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้ายืนเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้ารู้ว่าพระองค์ทรงพระชนม์ พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดและพระผู้ไถ่ของเรา ข้าพเจ้ารู้ว่าหากเรารับพระองค์เข้ามาในชีวิตของเรา และดำเนินชีวิตตามความจริงที่แจ้งชัดและเรียบง่ายของพระกิตติคุณของพระองค์ เราจะได้ความสุขในการเป็นเพื่อนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะมีของขวัญล้ำค่าของตาที่มองเห็นและหูที่ได้ยิน ข้าพเจ้าเป็นพยานในพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสต์ เอเมน