2010–2019
แสวงหาพระเจ้า
เมษายน 2015


แสวงหาพระเจ้า

เมื่อเราขยายความเข้าใจเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอด เราจะมีความปรารถนามากขึ้นที่จะดำเนินชีวิตอย่างชื่นชมยินดีและมีความเชื่อมั่นว่าปีตินั้นเป็นไปได้

พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเปี่ยมปีติอย่างยิ่งที่ได้ยืนอยู่ต่อหน้าพวกท่านที่นี่ขณะที่เรามีส่วนร่วมในการประชุมใหญ่สามัญนี้ด้วยกัน การได้ฟังถ้อยคำแห่งปัญญา คำแนะนำ การปลอบโยน และคำเตือนที่ให้ไว้ในการประชุมใหญ่สามัญตลอดหลายปีเป็นพรเหลือคณานับสำหรับซิสเตอร์เทียเซียรา ครอบครัวของเรา และสำหรับข้าพเจ้า

ในเทศกาลพิเศษนี้ของปี โดยเฉพาะในวันสะบาโตอีสเตอร์ ข้าพเจ้าได้แต่ไตร่ตรองถึงความสำคัญของคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอดและแบบอย่างแห่งความเมตตาและความรักของพระองค์ในชีวิตข้าพเจ้า

ความเข้าใจอันลึกซึ้งถึงพระเยซูคริสต์จะให้ความหวังที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นสำหรับอนาคต และความมั่นใจในการทำเป้าหมายอันชอบธรรมของเราให้เกิดสัมฤทธิผล แม้ว่าเราไม่ดีพร้อม สิ่งนี้จะทำให้เรามีความปรารถนาจะรับใช้เพื่อนมนุษย์มากยิ่งขึ้น

พระเจ้าตรัสว่า “จง [แสวงหา] เราในความนึกคิดทุกอย่าง; อย่าสงสัย, อย่ากลัว.”1 การแสวงหาพระเจ้าและสัมผัสถึงการดำรงอยู่ของพระองค์เป็นกิจประจำวัน เป็นความพยายามที่คุ้มค่า

พี่น้องทั้งหลาย ในทุกวันนี้มากกว่าในสมัยอื่นๆ เรามีโอกาสและแหล่งข้อมูลอันยอดเยี่ยมให้ใช้เพื่อขยายความเข้าใจในคำสอนของพระเยซูคริสต์และในการชดใช้ของพระองค์ การใช้แหล่งข้อมูลเหล่านี้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้เราดำเนินชีวิตอย่างสมบูรณ์และเต็มไปด้วยปีติสุข

ในคำอุปมาของพระผู้ช่วยให้รอดเรื่องเถาองุ่นและแขนง พระองค์ตรัสว่า “จงติดสนิทอยู่กับเราและเราติดสนิทอยู่กับพวกท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้นอกจากจะติดสนิทอยู่กับเถา พวกท่านก็เช่นเดียวกันจะเกิดผลไม่ได้นอกจากจะติดสนิทอยู่กับเรา”2

ยิ่งเราเข้าใจบทบาทพิเศษของพระคริสต์ในชีวิตเรามากขึ้นเท่าใด เรายิ่งเข้าใจจุดประสงค์ของเราในชีวิตมรรตัยที่นี่มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็คือเพื่อมีปีติ อย่างไรก็ตาม ปีติดังกล่าวไม่ได้ปกป้องเราจากการทดลองและความยากลำยาก แม้บางครั้งหนักหน่วงและซับซ้อนจนทำให้เราเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีความสุขในสภาวการณ์เช่นนั้น

ข้าพเจ้ารู้ด้วยประสบการณ์ส่วนตัวว่าปีติแห่งการดำเนินชีวิตในความชอบธรรมและการติดสนิทอยู่กับพระคริสต์จะดำเนินต่อไปได้แม้ในความยากลำบากของชีวิตมรรตัย สุดท้ายแล้ว บ่อยครั้งความยากลำบากเหล่านี้เพิ่มคุณค่า ขัดเกลา และนำเราไปสู่ความเข้าใจอันลึกซึ้งถึงจุดประสงค์ในการดำรงอยู่ของเราที่นี่ในความเป็นมรรตัยและถึงการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ แท้จริงแล้ว ความบริบูรณ์แห่งปีติจะสำเร็จได้โดยผ่านพระเยซูคริสต์เท่านั้น3

พระองค์ตรัสว่า “เราเป็นเถาองุ่น พวกท่านเป็นแขนง คนที่ติดสนิทอยู่กับเราและเราติดสนิทอยู่กับเขา คนนั้นจะเกิดผลมาก เพราะว่าถ้าแยกจากเราแล้วพวกท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย”4

ข้าพเจ้าเชื่อว่าเมื่อเราขยายความเข้าใจเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอด เราจะมีความปรารถนามากขึ้นที่จะดำเนินชีวิตอย่างชื่นชมยินดีและมีความเชื่อมั่นว่าปีตินั้นเป็นไปได้ ผลก็คือ เราจะมีความสามารถเพิ่มขึ้นที่จะดำเนินชีวิตแต่ละวันด้วยความกระตือรือร้นมากขึ้นและเพื่อรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า แม้ในสภาวการณ์ที่ท้าทาย

สิ่งใดเราทำได้ในวันนี้จงอย่ารอทำวันพรุ่งนี้ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมาหาพระคริสต์เพราะ “หาก [เรา] เชื่อ [พระองค์], [เรา] จะทำงานขณะที่เรียกว่าวันนี้”5

ทุกๆ วันเราควรพิจารณามีการปฏิสัมพันธ์บ่อยครั้งด้วยคำสอนของพระคริสต์ อิริยาบทและการกระทำเล็กๆ และเรียบง่ายที่ทำทุกวันจะ

  1. ขยายความเข้าใจให้ลึกซึ้งถึงความสำคัญของพระเจ้าในชีวิตของเรา และ

  2. ช่วยเราแบ่งปันความเข้าใจนี้กับอนุชนรุ่นหลัง ผู้จะสัมผัสถึงความรักของพระบิดาบนสวรรค์และพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์แน่นอน เมื่อพวกเขาเห็นแบบอย่างของเราในการดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณอย่างจริงใจ

ดังนั้นอะไรคือพฤติกรรมเรียบง่ายบางอย่างในสมัยใหม่นี้ที่จะเป็นยารักษาจิตวิญญาณเราในการเสริมสร้างประจักษ์พยานถึงพระคริสต์และพระพันธกิจของพระองค์

ภาพ
Woman on a train with a cell phone illuminating her face.

ในปี 2014 การประกวดภาพถ่ายของ National Geographic มีภาพถ่ายส่งมามากกว่า 9,200 ภาพโดยช่างภาพมืออาชีพและผู้ที่กระตือรือร้นจากมากกว่า 150 ประเทศ  ภาพที่ชนะรางวัลคือภาพสตรีคนหนึ่งอยู่กลางรถไฟที่เต็มไปด้วยผู้โดยสาร แสงจากโทรศัพท์มือถือส่องหน้าเธอสว่าง เธอส่งข่าวสารชัดเจนให้ผู้โดยสารคนอื่นๆ ว่า แม้ตัวเธอจะอยู่ที่นั่น แต่ใจเธอไม่อยู่ที่นั่นด้วย6

ข้อมูลมือถือ สมาร์ทโฟน และเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราในโลกและวิธีการสื่อสารกับผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง

ในยุคดิจิทัลนี้ เราสามารถเคลื่อนย้ายตัวเราอย่างฉับไวไปยังสถานที่และกิจกรรมต่างๆ ที่จะนำตัวเราออกห่างจากสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตที่เต็มไปด้วยปีติอันยั่งยืนอย่างรวดเร็ว

หากไม่ควบคุมให้ดี ชีวิตออนไลน์นี้จะให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์กับผู้คนที่เราไม่รู้จักหรือไม่เคยพบเจอมากกว่ากับผู้คนที่เราอาศัยอยู่ด้วย—ครอบครัวของเราเอง!

ในทางกลับกันเราทุกคนรู้ว่าเป็นพรที่เรามีแหล่งข้อมูลออนไลน์อันยอดเยี่ยม รวมถึงสิ่งที่ศาสนจักรพัฒนาขึ้นมาเช่นไฟล์ข้อความและไฟล์เสียงของพระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์และการประชุมใหญ่สามัญ วีดิทัศน์เกี่ยวกับพระชนม์ชีพและคำสอนของพระเยซูคริสต์ แอพต่างๆ เพื่อบันทึกประวัติครอบครัว และโอกาสในการฟังดนตรีที่ดลใจ

ทางเลือกและลำดับความสำคัญที่เราเลือกใช้กับเวลาออนไลน์ของเรานั้นมีอิทธิพลมาก แม้สามารถที่จะกำหนดความก้าวหน้าและวุฒิภาวะทางวิญญาณของเราในพระกิตติคุณและความปรารถนาของเราในการมีส่วนทำให้โลกดีขึ้นและเพื่อดำเนินชีวิตอย่างมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น

ด้วยเหตุนี้ วันนี้ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวถึงนิสัยเรียบง่ายสามอย่างซึ่งจะเสริมสร้างกิจกรรมออนไลน์ที่เป็นประโยชน์ นิสัยเหล่านี้จะก่อให้เกิดการไตร่ตรองตนเองประจำวันซึ่งจำเป็นสำหรับเราในการเข้าใกล้คำสอนของพระบิดาบนสวรรค์และพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์มากยิ่งขึ้น

นิสัยหมายเลข 1: เข้าเยี่ยมเว็บไซท์ทางการของศาสนจักรสำหรับแหล่งข้อมูลต่างๆ

การเข้าเยี่ยมแหล่งข้อมูลเหล่านี้บ่อยครั้งในระหว่างสัปดาห์จะช่วยให้เราไวต่อคำสอนของพระกิตติคุณเสมอและกระตุ้นครอบครัวและเพื่อนของเราให้คำนึงและไตร่ตรองถึงสิ่งที่สำคัญที่สุด

นิสัยหมายเลข 2: ลงชื่อบอกรับในเครือข่ายสังคมออนไลน์ทางการของศาสนจักร

การเลือกนี้จะนำเนื้อหาที่จำเป็นในการขยายการค้นคว้าและการแสวงหาพระเจ้าและคำสอนของพระองค์มาสู่หน้าจอของท่าน และจะทำให้ท่านปรารถนาจะเข้าใจพระกิตติคุณมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญยิ่งกว่านั้น สิ่งนี้จะช่วยให้ท่านระลึกได้ว่าพระคริสต์ทรงคาดหวังอะไรจากเราแต่ละคน

เช่นที่ว่า “ไม่มีดินดีหากไม่มีชาวนาที่ดี”7 ก็เหมือนกันที่ว่าไม่มีผลดีจากการออนไลน์เว้นแต่เราจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่นิ้วมือกับความคิดของเราเข้าถึงได้ไว้แต่แรกเริ่ม

นิสัยหมายเลข 3: หาเวลาหยุดใช้อุปกรณ์มือถือของท่าน

เป็นการเติมพลังที่จะหยุดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั่วครู่และหันมาเปิดพระคัมภีร์หรือใช้เวลาสนทนากับครอบครัวและเพื่อนๆ โดยเฉพาะในวันของพระเจ้า สัมผัสถึงสันติสุขของการรับส่วนศีลระลึกโดยปราศจากแรงกระตุ้นตลอดเวลาที่จะดูว่าท่านได้รับข้อความหรือโพสต์ใหม่หรือไม่

นิสัยของการหยุดใช้อุปกรณ์มือถือระยะเวลาหนึ่งจะเพิ่มพูนและขยายมุมมองของชีวิตท่าน เพราะว่าชีวิตไม่ได้จำกัดอยู่ในจอภาพสี่นิ้ว (10 ซม.)

พระเจ้าพระเยซูคริสต์ตรัสว่า “พระบิดาทรงรักเราอย่างไร เราก็รักพวกท่านอย่างนั้น จงติดสนิทอยู่กับความรักของเรา”8 พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์ให้เรามีปีติและสัมผัสถึงความรักของพระองค์ พระคริสต์ทรงทำให้ปีตินั้นเป็นไปได้สำหรับเราแต่ละคน เรามีช่องทางที่จะรู้จักพระองค์ยิ่งขึ้นและดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณของพระองค์

ข้าพเจ้าแสดงประจักษ์พยานถึงปีตินั้นซึ่งดำรงอยู่เมื่อเรารักษาพระบัญญัติและถึงสันติสุขและความปลอดภัยที่เราสัมผัสได้เมื่อเราติดสนิทอยู่ในความรักของพระบิดาบนสวรรค์และพระบุตรของพระองค์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน