ปจส., ปฐมกาล ๑๔:๒๕–๔๐ (เปรียบเทียบ ปฐมกาล ๑๔)
(กล่าวถึงการปฏิบัติศาสนกิจอันสำคัญยิ่งของเมลคีเซเดค; อธิบายถึงพลังอำนาจและพรทั้งหลายของฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดค.)
๒๕ และเมลคีเซเดคเปล่งเสียงและอวยพรอับราม.
๒๖ บัดนี้เมลคีเซเดคเป็นบุรุษแห่งศรัทธา, ผู้กระทำความชอบธรรม; และเมื่อเป็นเด็ก เขาเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า, และปิดปากฝูงสิงโต, และดับความร้อนแรงของไฟ.
๒๗ และด้วยเหตุนี้, โดยที่ได้รับความเห็นชอบจากพระผู้เป็นเจ้า, เขาได้รับแต่งตั้งเป็นมหาปุโรหิตตามระเบียบแห่งพันธสัญญาซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงทำไว้กับเอโนค,
๒๘ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า; ซึ่งระเบียบเกิดขึ้น, มิใช่โดยมนุษย์, หรือความประสงค์ของมนุษย์; ทั้งมิใช่โดยบิดาหรือมารดา; ทั้งมิใช่โดยการเริ่มต้นของวันหรือการสิ้นสุดของปี; แต่เกิดขึ้นจากพระผู้เป็นเจ้า;
๒๙ และมอบไว้ให้มนุษย์โดยการเรียกด้วยสุรเสียงของพระองค์เอง, ตามพระประสงค์ของพระองค์เอง, แก่คนมากเท่าที่เชื่อในพระนามของพระองค์.
๓๐ เพราะพระผู้เป็นเจ้าโดยที่ประทานคำมั่นไว้กับเอโนคและพงศ์พันธุ์ของเขาโดยคำปฏิญาณด้วยพระองค์เอง; ว่าทุกคนที่ได้รับแต่งตั้งตามระเบียบและการเรียกนี้จะมีพลัง, โดยศรัทธา, ที่จะทลายภูเขา, แยกท้องทะเล, ทำให้ผืนน้ำเหือดแห้ง, เพื่อแปรเปลี่ยนสายน้ำออกจากเส้นทางเดิม;
๓๑ ต้านทานเหล่ากองทัพของบรรดาประชาชาติ, แยกผืนดิน, บั่นสายรัดทุกเส้น, ยืนในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า; ทำสิ่งทั้งปวงตามพระประสงค์ของพระองค์, ตามพระบัญชาของพระองค์, พิชิตบรรดามณฑลและอำนาจให้ศิโรราบ; และสิ่งนี้โดยพระประสงค์ของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่นับแต่ก่อนการวางรากฐานของโลก.
๓๒ และมนุษย์ซึ่งมีศรัทธานี้, ที่ขึ้นมาถึงระเบียบนี้ของพระผู้เป็นเจ้า, ได้รับการแปรสภาพและพาขึ้นสู่สวรรค์.
๓๓ และบัดนี้, เมลคีเซเดคเป็นปุโรหิตของระเบียบนี้; ดังนั้นเขาได้รับสันติสุขในซาเลม, และมีนามว่าท่านประมุขแห่งสันติสุข.
๓๔ และผู้คนของเขากระทำความชอบธรรม, และได้รับสวรรค์, และแสวงหานครแห่งเอโนคซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงรับไปก่อนหน้านี้, โดยแยกไว้จากแผ่นดินโลก, โดยทรงเก็บไว้สำหรับวันเวลาสุดท้าย, หรือการสิ้นสุดของโลก;
๓๕ และตรัส, และประทานคำมั่นด้วยคำปฏิญาณ, ว่าสวรรค์และแผ่นดินโลกจะม้วนเข้าหากัน; และบรรดาบุตรของพระผู้เป็นเจ้าจะถูกทดสอบเสมือนหนึ่งด้วยไฟ.
๓๖ และเมลคีเซเดคนี้, โดยที่สถาปนาความชอบธรรมดังนี้, ผู้คนของท่านเรียกท่านว่ากษัตริย์แห่งสวรรค์, หรือ, อีกนัยหนึ่ง, กษัตริย์แห่งสันติสุข.
๓๗ และเขาเปล่งเสียง, และเขาอวยพรอับราม, โดยที่เป็นมหาปุโรหิต, และผู้ดูแลคลังของพระผู้เป็นเจ้า;
๓๘ เขาคนนั้นผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดให้รับหนึ่งในสิบส่วนเพื่อคนจน.
๓๙ ด้วยเหตุนี้, อับรามจึงจ่ายให้เขาหนึ่งในสิบส่วนของทุกอย่างที่เขามี, จากทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เขาครอบครอง, ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าประทานให้เขามากเกินความจำเป็นของเขา.
๔๐ และเหตุการณ์ได้บังเกิดขึ้น, คือพระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรอับราม, และประทานความมั่งคั่งให้เขา, และเกียรติ, และผืนดินเพื่อเป็นทรัพย์สมบัติอันเป็นนิจ; ตามพันธสัญญาซึ่งเขาได้ทำไว้, และตามพรที่เมลคีเซเดคอวยพรเขาไว้.