ภาค ๗๖
นิมิตที่ประทานแก่โจเซฟ สมิธ ศาสดาพยากรณ์ และซิดนีย์ ริกดัน, ที่ไฮรัม, รัฐโอไฮโอ, วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๘๓๒ (History of the Church, 1:245–252). เพื่อเป็นคำปรารภสำหรับบันทึกของท่านเกี่ยวกับนิมิตนี้, ท่านศาสดาพยากรณ์เขียนไว้ว่า : “เมื่อข้าพเจ้ากลับจากการประชุมใหญ่ที่แอมเฮิร์สต์, ข้าพเจ้าก็กลับไปแปลพระคัมภีร์อีกครั้ง. จากการเปิดเผยต่าง ๆ ที่ได้รับมา, เห็นได้ชัดว่าประเด็นสำคัญหลายข้อเกี่ยวกับความรอดของมนุษย์ถูกนำไปจากพระคัมภีร์ไบเบิล, หรือหายไปก่อนจะรวบรวมไว้เป็นเล่ม. จากความจริงที่เหลืออยู่ดูเหมือนชัดแจ้งในตัวของมันเอง, ว่าหากพระผู้เป็นเจ้าทรงรางวัลทุกคนตามการกระทำที่ทำไปเมื่ออยู่ในร่างกาย คำว่า ‘สวรรค์,’ ซึ่งให้หมายถึงบ้านนิรันดร์ของวิสุทธิชน, ต้องมีอาณาจักรมากกว่าหนึ่งอาณาจักร. ดังนั้น, … ขณะที่แปลพระกิตติคุณของเซนต์ยอห์น, ข้าพเจ้าและเอ็ลเดอร์ริกดันเห็นนิมิตต่อไปนี้” (History of the Church, 1:245). หลังจากที่ท่านศาสดาพยากรณ์แปลยอห์น ๕:๒๙ แล้ว จึงประทานนิมิตนี้.
๑–๔, พระเจ้าคือพระผู้เป็นเจ้า; ๕–๑๐, ความลี้ลับทั้งหลายของอาณาจักรจะเปิดเผยแก่คนซื่อสัตย์ทั้งปวง; ๑๑–๑๗, ทุกคนจะออกมาในการฟื้นคืนชีวิตของคนเที่ยงธรรมหรือคนไม่เที่ยงธรรม; ๑๘–๒๔, ผู้อยู่อาศัยของโลกหลายโลกเป็นบุตรและธิดาที่ถือกำเนิดของพระผู้เป็นเจ้าโดยผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์; ๒๕–๒๙, เทพองค์หนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าตกและกลายเป็นมาร; ๓๐–๔๙, บรรดาบุตรแห่งหายนะรับทุกขเวทนาจากความอัปมงคลนิรันดร์; คนอื่นทั้งหมดนอกเหนือจากนั้นได้รับความรอดในระดับหนึ่ง; ๕๐–๗๐, บรรยายถึงรัศมีภาพและรางวัลของผู้ที่สูงส่งในอาณาจักรซีเลสเชียล; ๗๑–๘๐, บรรยายถึงคนเหล่านั้นที่จะสืบทอดอาณาจักรเทอร์เรสเตรียล; ๘๑–๑๑๓, อธิบายถึงสถานะของคนเหล่านั้นในรัศมีภาพทีเลสเชียล, เทอร์เรสเตรียล, และซีเลสเชียล; ๑๑๔–๑๑๙, คนซื่อสัตย์จะเห็นและเข้าใจความลี้ลับแห่งอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์.
๑ จงฟัง, โอ้เจ้าฟ้าสวรรค์, และจงเงี่ยหูฟัง, โอ้แผ่นดินโลก, และจงชื่นชมยินดี เจ้าผู้อยู่อาศัยในนั้น, เพราะพระเจ้าคือพระผู้เป็นเจ้า, และนอกจากพระองค์แล้วไม่มีพระผู้ช่วยให้รอด.
๒ พระปรีชาญาณของพระองค์ล้ำเลิศ, วิถีของพระองค์น่าอัศจรรย์, และขอบเขตการกระทำของพระองค์ไม่มีใครจะรู้ได้.
๓ จุดมุ่งหมายของพระองค์หาล้มเหลวไม่, ทั้งไม่มีคนหนึ่งคนใดจะยั้งพระหัตถ์ของพระองค์ได้.
๔ จากนิรันดรถึงนิรันดร พระองค์ทรงเหมือนเดิม, และพรรษาของพระองค์ไม่มีวันสิ้นสุด.
๕ เพราะพระเจ้าตรัสไว้ดังนี้—เรา, พระเจ้า, เมตตาและปรานีผู้ที่เกรงกลัวเรา, และยินดีจะยกย่องคนเหล่านั้นที่รับใช้เราในความชอบธรรมและในความแน่วแน่จนกว่าชีวิตจะหาไม่.
๖ สิ่งล้ำค่าจะเป็นรางวัลของพวกเขาและนิรันดรจะเป็นรัศมีภาพของพวกเขา.
๗ และแก่พวกเขาเราจะเปิดเผยความลี้ลับทั้งปวง, แท้จริงแล้ว, ความลี้ลับทั้งปวงที่ซ่อนอยู่ในอาณาจักรของเราตั้งแต่สมัยโบราณ, และยุคที่จะมาถึง, เราจะทำให้พวกเขารู้ถึงความพึงพอใจอันเป็นความประสงค์ของเราเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรของเรา.
๘ แท้จริงแล้ว, แม้การอันน่าพิศวงแห่งนิรันดรพวกเขาก็จะรู้, และสิ่งที่จะมาถึงเราก็จะให้พวกเขาเห็น, แม้สิ่งต่าง ๆ ของคนหลายรุ่น.
๙ และปัญญาของพวกเขาจะเป็นเลิศ, และความเข้าใจของพวกเขาไปถึงฟ้าสวรรค์; และต่อหน้าพวกเขาปัญญาของผู้มีปัญญาจะเสื่อมสูญ, และความเข้าใจของวิญญูชนจะสูญเปล่า.
๑๐ เพราะโดยพระวิญญาณของเรา เราจะให้ความสว่างแก่พวกเขา, และโดยอำนาจของเรา เราจะทำให้ความลับแห่งความประสงค์ของเราเป็นที่รู้แก่พวกเขา—แท้จริงแล้ว, แม้สิ่งเหล่านั้นซึ่งดวงตาไม่เคยเห็น, ทั้งหูไม่เคยได้ยิน, ทั้งไม่เคยเข้าไปในใจของมนุษย์.
๑๑ เรา, โจเซฟ สมิธ, จูเนียร์, และซิดนีย์ ริกดัน, โดยอยู่ในพระวิญญาณเมื่อวันที่สิบหก กุมภาพันธ์, ในปีของพระเจ้าของเราหนึ่งพันแปดร้อยสามสิบสอง—
๑๒ โดยอำนาจของพระวิญญาณ ดวงตาของเราจึงเปิดและความเข้าใจของเราจึงสว่างขึ้น, เพื่อจะเห็นและเข้าใจเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า—
๑๓ แม้เรื่องเหล่านั้น ซึ่งมีจากกาลเริ่มต้นก่อนมีโลกขึ้นมา, ซึ่งพระบิดาทรงแต่งตั้ง, โดยผ่านพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดของพระองค์, ผู้ทรงอยู่ในพระอุระของพระบิดา, แม้จากกาลเริ่มต้น;
๑๔ ผู้ที่เรากล่าวคำพยานถึง; และคำพยานที่เรากล่าวคือความสมบูรณ์แห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์, ผู้ทรงเป็นพระบุตร, ผู้ที่เราเห็นและผู้ที่เราสนทนาด้วยในนิมิตจากสวรรค์.
๑๕ เพราะขณะที่เรากำลังทำงานแปล, ซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดให้เราทำ, เรามาถึงข้อยี่สิบเก้าของบทที่ห้าของหนังสือยอห์น, ซึ่งประทานให้แก่เราดังต่อไปนี้—
๑๖ โดยพูดถึงการฟื้นคืนชีวิตของคนตาย, เกี่ยวกับคนเหล่านั้นผู้ที่จะได้ยินสุรเสียงของบุตรแห่งพระมหาบุรุษว่า :
๑๗ และจะออกมา; คนเหล่านั้นที่ทำดี, ในการฟื้นคืนชีวิตของคนเที่ยงธรรม; และคนเหล่านั้นที่ทำชั่ว, ในการฟื้นคืนชีวิตของคนไม่เที่ยงธรรม.
๑๘ บัดนี้ นี่ทำให้เราประหลาดใจ, เพราะพระวิญญาณประทานสิ่งนี้ให้เรา.
๑๙ และขณะที่เราพินิจไตร่ตรองถึงสิ่งเหล่านี้, พระเจ้าทรงสัมผัสดวงตาแห่งความเข้าใจของเราและมันจึงเปิด, และรัศมีภาพของพระเจ้าส่องแสงไปโดยรอบ.
๒๐ และเราเห็นรัศมีภาพของพระบุตร, ทางพระหัตถ์ขวาของพระบิดา, และได้รับความสมบูรณ์แห่งพระองค์;
๒๑ และเห็นทวยเทพผู้บริสุทธิ์, และคนเหล่านั้นผู้ที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์อยู่หน้าพระราชบัลลังก์ของพระองค์, กำลังนมัสการพระผู้เป็นเจ้า, และพระเมษโปดก, ผู้ที่นมัสการพระองค์ตลอดกาลและตลอดไป.
๒๒ และบัดนี้, หลังจากประจักษ์พยานจำนวนมากที่ให้ไว้ถึงพระองค์, นี่คือประจักษ์พยาน, สุดท้ายของทั้งหมด, ซึ่งเราให้ไว้ถึงพระองค์ : ว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ !
๒๓ เพราะเราเห็นพระองค์, แม้ทางพระหัตถ์ขวาของพระผู้เป็นเจ้า; และเราได้ยินเสียงรับสั่งคำพยานว่าพระองค์ทรงเป็นพระองค์เดียวที่ถือกำเนิดจากพระบิดา—
๒๔ ว่าโดยพระองค์, และโดยผ่านพระองค์, และจากพระองค์, โลกต่าง ๆ สร้างขึ้นมาและเคยสร้างขึ้นมาแล้ว, และผู้อยู่อาศัยในนั้นเป็นบุตรและธิดาที่ถือกำเนิดของพระผู้เป็นเจ้า.
๒๕ และนี่เราเห็นมาแล้วด้วย, และกล่าวคำพยาน, ว่าเทพองค์หนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าผู้เคยมีสิทธิอำนาจในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า, ผู้ที่กบฏต่อพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดซึ่งพระบิดาทรงรักและผู้ที่อยู่ในพระอุระของพระบิดา, ถูกโยนลงมาจากที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าและพระบุตร,
๒๖ และถูกเรียกว่าหายนะ, เพราะสวรรค์ร้องไห้เพราะเขา—เขาคือลูซิเฟอร์, บุตรคนหนึ่งแห่งรุ่งอรุณ.
๒๗ และเราเห็น, และดูสิ, เขาตกแล้ว ! ตกแล้ว, แม้บุตรคนหนึ่งแห่งรุ่งอรุณ !
๒๘ และขณะที่เรายังอยู่ในพระวิญญาณ, พระเจ้าทรงบัญชาให้เราเขียนนิมิต; เพราะเราเห็นซาตาน, งูดึกดำบรรพ์ตัวนั้น, แม้มาร, ผู้กบฏต่อพระผู้เป็นเจ้า, และหมายมั่นยึดอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าของเราและพระคริสต์ของพระองค์—
๒๙ ดังนั้น, เขาทำสงครามกับวิสุทธิชนของพระผู้เป็นเจ้า, และล้อมพวกเขาไว้รอบด้าน.
๓๐ และเราเห็นนิมิตแห่งความทุกขเวทนาของคนเหล่านั้นที่เขาทำสงครามด้วยและพ่ายแพ้เขา, เพราะสุรเสียงของพระเจ้ามาถึงเราดังนี้ :
๓๑ พระเจ้าตรัสดังนี้เกี่ยวกับคนเหล่านั้นทั้งปวงที่รู้จักอำนาจของเรา, และเราทำให้เป็นผู้รับส่วนของอำนาจนั้น, และยอมตนโดยอำนาจของมารที่จะพ่ายแพ้, และปฏิเสธความจริงและท้าทายอำนาจของเรา—
๓๒ พวกเขาคือคนเหล่านั้นที่เป็นบุตรแห่งหายนะ, เกี่ยวกับผู้นั้นที่เรากล่าวว่าหากพวกเขาไม่เกิดมาเสียเลยจะดีกว่า;
๓๓ เพราะพวกเขาเป็นภาชนะแห่งโทสะ, ถูกกำหนดชะตากรรมให้ทนรับพระพิโรธของพระผู้เป็นเจ้า, พร้อมกับมารและทวยเทพของเขาในนิรันดร;
๓๔ เกี่ยวกับผู้ที่เรากล่าวว่าไม่มีการให้อภัยในโลกนี้ทั้งไม่มีในโลกที่จะมาถึง—
๓๕ โดยที่ปฏิเสธพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์หลังจากที่ได้รับแล้ว, และโดยที่ปฏิเสธพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดของพระบิดา, โดยตรึงพระองค์ไว้ที่กางเขนสำหรับตนเองและประจานพระองค์ให้ได้อาย.
๓๖ คนเหล่านี้คือคนที่จะออกไปสู่ทะเลเพลิงและกำมะถัน, พร้อมกับมารและทวยเทพของเขา—
๓๗ และพวกเดียวเท่านั้นที่ความตายครั้งที่สองจะมีอำนาจเหนือ;
๓๘ แท้จริงแล้ว, ตามจริงแล้ว, พวกเดียวเท่านั้นที่จะไม่ได้รับการไถ่ในเวลาอันเหมาะสมของพระเจ้า, หลังจากความทุกขเวทนาจากพระพิโรธของพระองค์.
๓๙ เพราะพวกที่เหลือทั้งหมดจะถูกนำออกมาโดยการฟื้นคืนชีวิตของคนตาย, โดยชัยชนะและรัศมีภาพของพระเมษโปดก, ผู้ทรงถูกสังหาร, ผู้ทรงเคยอยู่ในพระอุระของพระบิดาก่อนโลกต่าง ๆ สร้างขึ้นมา.
๔๐ และนี่คือพระกิตติคุณ, ข่าวอันน่ายินดี, ซึ่งเสียงที่ออกจากสวรรค์กล่าวคำพยานต่อเรา—
๔๑ ว่าพระองค์เสด็จมาในโลก, แม้พระเยซู, เพื่อถูกตรึงกางเขนเพื่อโลก, และเพื่อแบกรับบาปของโลก, และเพื่อชำระโลกให้บริสุทธิ์, และเพื่อทำให้สะอาดจากความไม่ชอบธรรมทั้งปวง;
๔๒ ว่าโดยผ่านพระองค์คนทั้งปวงจะได้รับการช่วยให้รอดผู้ที่พระบิดาทรงให้อยู่ในอำนาจของพระองค์และพระองค์ทรงรังสรรค์;
๔๓ ผู้ที่สรรเสริญพระบิดา, และช่วยให้งานทุกอย่างในพระหัตถ์ของพระองค์รอด, เว้นแต่บุตรแห่งหายนะเหล่านั้นซึ่งปฏิเสธพระบุตรหลังจากที่พระบิดาทรงเปิดเผยพระองค์แล้ว.
๔๔ ดังนั้น, พระองค์ทรงช่วยให้คนทั้งปวงรอดเว้นแต่คนเหล่านั้น—พวกเขาจะออกไปสู่โทษอันเป็นนิจ, ซึ่งเป็นอนันตโทษ, ซึ่งเป็นโทษนิรันดร์, ให้ปกครองกับมารและทวยเทพของเขาในนิรันดร, ที่ซึ่งหนอนของพวกเขาหาตายไม่, และไฟก็ไม่รู้ดับ, ซึ่งเป็นความทรมานของพวกเขา—
๔๕ และการสิ้นสุดของสิ่งนั้น, ทั้งสถานที่ของมัน, และความทรมานของพวกเขา, ไม่มีมนุษย์คนใดล่วงรู้;
๔๖ ทั้งไม่เคยเปิดเผยมัน, ทั้งไม่เปิดเผย, ทั้งจะไม่ถูกเปิดเผยแก่มนุษย์, นอกจากแก่คนเหล่านั้นที่เราทำให้เป็นผู้รับส่วนของสิ่งนั้น;
๔๗ กระนั้นก็ตาม, เรา, พระเจ้า, ให้หลายคนเห็นสิ่งนั้นโดยนิมิต, แต่ปิดมันอีกทันที;
๔๘ ดังนั้น, การสิ้นสุด, ความกว้าง, ความสูง, ความลึก, และความเศร้าหมองของสิ่งนั้น, พวกเขาหาเข้าใจไม่, ทั้งไม่มีมนุษย์คนใดเข้าใจเว้นแต่คนเหล่านั้นที่จะถูกแต่งตั้งสู่การกล่าวโทษนี้.
๔๙ และเราได้ยินเสียง, กล่าวว่า : จงเขียนนิมิตนี้, เพราะดูสิ, นี่คือการสิ้นสุดของนิมิตแห่งความทุกขเวทนาของคนอาธรรม์.
๕๐ และเรากล่าวคำพยานอีกครั้ง—เพราะเราเห็นและได้ยิน, และนี่คือประจักษ์พยานถึงพระกิตติคุณของพระคริสต์เกี่ยวกับคนเหล่านั้นที่จะออกมาในการฟื้นคืนชีวิตของคนเที่ยงธรรม—
๕๑ พวกเขาคือคนเหล่านั้นที่ได้รับประจักษ์พยานถึงพระเยซู, และเชื่อในพระนามของพระองค์และรับบัพติศมาตามวิธีการฝังของพระองค์, โดยฝังตัวลงในน้ำในพระนามของพระองค์, และนี่ตามพระบัญญัติซึ่งพระองค์ประทานไว้—
๕๒ เพื่อว่าโดยรักษาพระบัญญัติพวกเขาจะได้รับการล้างและชำระจากบาปทั้งหมดของพวกเขา, และรับพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์โดยการวางมือของคนที่ได้รับแต่งตั้งและได้รับการผนึกสู่อำนาจนี้;
๕๓ และคือคนที่ชนะโดยศรัทธา, และผนึกโดยพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งคำสัญญา, ซึ่งพระบิดาทรงหลั่งรินลงบนคนเหล่านั้นทั้งหมดที่เที่ยงธรรมและจริง.
๕๔ พวกเขาคือคนเหล่านั้นที่เป็นศาสนจักรของพระบุตรหัวปี.
๕๕ พวกเขาคือคนเหล่านั้นที่พระบิดาประทานสิ่งทั้งปวงไว้ในมือพวกเขา—
๕๖ พวกเขาคือคนเหล่านั้นที่เป็นปุโรหิตและกษัตริย์, ผู้ได้รับความสมบูรณ์แห่งพระองค์, และรัศมีภาพแห่งพระองค์;
๕๗ และเป็นปุโรหิตของพระผู้สูงสุด, ตามระเบียบของเมลคีเซเดค, ซึ่งเป็นตามระเบียบของเอโนค, ซึ่งเป็นตามระเบียบของพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดมา.
๕๘ ดังนั้น, ดังที่เขียนไว้, พวกเขาเป็นผู้เป็นเจ้า, แม้บุตรทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้า—
๕๙ ดังนั้น, สิ่งทั้งปวงเป็นของพวกเขา, ไม่ว่าชีวิตหรือความตาย, หรือสิ่งปัจจุบัน, หรือสิ่งที่จะมาถึง, ทั้งหมดเป็นของพวกเขาและพวกเขาเป็นของพระคริสต์, และพระคริสต์เป็นของพระผู้เป็นเจ้า.
๖๑ ดังนั้น, อย่าให้มนุษย์คนใดโอ้อวดในตัวมนุษย์, แต่ให้เขาโอ้อวดในพระผู้เป็นเจ้าแทน, ผู้จะทรงพิชิตศัตรูทั้งสิ้นให้ศิโรราบอยู่ใต้ฝ่าพระบาท.
๖๒ คนเหล่านี้จะพำนักในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์ของพระองค์ตลอดกาลและตลอดไป.
๖๓ คนเหล่านี้คือคนที่พระองค์จะทรงพามากับพระองค์, เมื่อพระองค์จะเสด็จมาในหมู่เมฆแห่งฟ้าสวรรค์เพื่อปกครองแผ่นดินโลกเหนือผู้คนของพระองค์.
๖๔ คนเหล่านี้คือคนที่จะมีส่วนในการฟื้นคืนชีวิตครั้งแรก.
๖๕ คนเหล่านี้คือคนที่จะออกมาในการฟื้นคืนชีวิตของคนเที่ยงธรรม.
๖๖ คนเหล่านี้คือคนที่มาถึงภูเขาไซอันแล้ว, และมาถึงเมืองของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์, สถานที่แห่งสวรรค์, ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในบรรดาสถานที่ทั้งปวง.
๖๗ คนเหล่านี้คือคนที่มายังหมู่เทพนับไม่ถ้วน, มายังการชุมนุมใหญ่และศาสนจักรของเอโนค, และของพระบุตรหัวปี.
๖๘ คนเหล่านี้คือคนที่ชื่อของพวกเขามีเขียนไว้ในสวรรค์, ที่ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์ทรงเป็นผู้พิพากษาของคนทั้งปวง.
๖๙ คนเหล่านี้คือคนที่เป็นคนเที่ยงธรรมซึ่งดีพร้อมโดยผ่านพระเยซู สื่อกลางแห่งพันธสัญญาใหม่, ผู้ทรงทำให้เกิดการชดใช้ที่สมบูรณ์นี้โดยผ่านการหลั่งพระโลหิตของพระองค์เอง.
๗๐ คนเหล่านี้คือคนที่ร่างกายของพวกเขาเป็นของซีเลสเชียล, ซึ่งรัศมีภาพของพวกเขาเป็นรัศมีภาพของดวงอาทิตย์, แม้รัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้า, ผู้สูงสุดในบรรดาสิ่งทั้งปวง, ซึ่งรัศมีภาพของผู้นั้นดวงอาทิตย์แห่งท้องนภามีเขียนไว้ว่าเป็นแบบนั้น.
๗๑ และอนึ่ง, เราเห็นโลกเทอร์เรสเตรียล, และดูเถิดและดูสิ, คนเหล่านี้คือคนที่เป็นของเทอร์เรสเตรียล, ซึ่งรัศมีภาพของพวกเขาแตกต่างจากรัศมีภาพของศาสนจักรของพระบุตรหัวปีผู้ทรงได้รับความสมบูรณ์แห่งพระบิดา, แม้ดังรัศมีภาพของดวงจันทร์แตกต่างจากดวงอาทิตย์ในท้องนภา.
๗๒ ดูเถิด, คนเหล่านี้คือคนที่ตายโดยปราศจากกฎ;
๗๓ นอกจากนี้ คือพวกที่เป็นวิญญาณของคนที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำ, ผู้ที่พระบุตรเสด็จไปเยือน, และทรงสั่งสอนพระกิตติคุณแก่พวกเขา, เพื่อพวกเขาจะได้รับการพิพากษาตามมนุษย์ในเนื้อหนัง;
๗๔ ผู้หาได้รับประจักษ์พยานถึงพระเยซูในเนื้อหนังไม่, แต่ภายหลังรับ.
๗๕ คนเหล่านี้คือคนน่ายกย่องสรรเสริญของแผ่นดินโลก, ผู้ที่มืดบอดโดยเล่ห์กลของมนุษย์.
๗๖ คนเหล่านี้คือคนที่ได้รับรัศมีภาพแห่งพระองค์, แต่มิได้รับความสมบูรณ์แห่งพระองค์.
๗๗ คนเหล่านี้คือคนที่ได้รับพระสิริของพระบุตร, แต่มิได้รับความสมบูรณ์แห่งพระบิดา.
๗๘ ดังนั้น, เขามีร่างกายแห่งเทอร์เรสเตรียล, และมิใช่ร่างกายแห่งซีเลสเชียล, และแตกต่างกันในรัศมีภาพดังที่ดวงจันทร์แตกต่างจากดวงอาทิตย์.
๗๙ คนเหล่านี้คือคนที่ไม่องอาจในประจักษ์พยานถึงพระเยซู; ดังนั้น, พวกเขามิได้รับมงกุฎเหนืออาณาจักรแห่งพระผู้เป็นเจ้าของเรา.
๘๐ และบัดนี้ นี่คือการสิ้นสุดของนิมิตซึ่งเราเห็นเกี่ยวกับเทอร์เรสเตรียล, ที่พระเจ้าทรงบัญชาเราให้เขียนไว้ขณะที่เรายังอยู่ในพระวิญญาณ.
๘๑ และอนึ่ง, เราเห็นรัศมีภาพของทีเลสเชียล, ซึ่งรัศมีภาพนั้นเป็นรัศมีภาพที่ต่ำกว่า, แม้ดังที่รัศมีภาพของดวงดาวแตกต่างจากรัศมีภาพที่เป็นของดวงจันทร์ในท้องนภา.
๘๒ คนเหล่านี้คือคนที่หาได้รับพระกิตติคุณของพระคริสต์ไม่, ไม่ทั้งประจักษ์พยานถึงพระเยซู.
๘๓ คนเหล่านี้คือคนที่หาปฏิเสธพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไม่.
๘๔ คนเหล่านี้คือคนที่ถูกโยนลงนรก.
๘๕ คนเหล่านี้คือคนที่พระองค์จะไม่ทรงไถ่จากมารจนกว่าการฟื้นคืนชีวิตหนสุดท้าย, จนกว่าพระเจ้า, แม้พระคริสต์ พระเมษโปดก, จะทรงทำงานของพระองค์เสร็จ.
๘๖ คนเหล่านี้คือคนที่ไม่ได้รับความสมบูรณ์แห่งพระองค์ในโลกนิรันดร์, แต่ได้รับพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ผ่านการปฏิบัติศาสนกิจจากเทอร์เรสเตรียล;
๘๗ และเทอร์เรสเตรียลผ่านการปฏิบัติศาสนกิจจากซีเลสเชียล.
๘๘ และทีเลสเชียลด้วยได้รับสิ่งนี้จากการปฏิบัติของเหล่าเทพผู้ทรงกำหนดให้ปฏิบัติแก่พวกเขา, หรือผู้ทรงกำหนดให้เป็นวิญญาณที่ปฏิบัติแก่พวกเขา; เพราะพวกเขาจะเป็นทายาทแห่งความรอด.
๘๙ และเราเห็นดังนี้, ในนิมิตจากสวรรค์, รัศมีภาพของทีเลสเชียล, ซึ่งเกินกว่าความเข้าใจทั้งปวง;
๙๐ และไม่มีมนุษย์คนใดรู้ถึงสิ่งนี้เว้นแต่คนที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยแก่เขา.
๙๑ และเราเห็นรัศมีภาพของเทอร์เรสเตรียลดังนี้ซึ่งเลิศเลอกว่ารัศมีภาพของทีเลสเชียลในทุกสิ่ง, แม้ในรัศมีภาพ, และในอำนาจ, และในพลัง, และในอำนาจการปกครอง.
๙๒ และเราเห็นรัศมีภาพของซีเลสเชียลดังนี้, ซึ่งเลิศเลอกว่าในทุกสิ่ง—ที่ซึ่งพระผู้เป็นเจ้า, แม้พระบิดา, ทรงปกครองบนพระราชบัลลังก์ของพระองค์ตลอดกาลและตลอดไป;
๙๓ ซึ่งหน้าพระราชบัลลังก์ของพระองค์สิ่งทั้งปวงน้อมกายแสดงความเคารพอย่างนอบน้อมถ่อมตน, และน้อมสรรเสริญพระองค์ตลอดกาลและตลอดไป.
๙๔ คนเหล่านั้นที่พำนักในที่ประทับของพระองค์เป็นศาสนจักรของพระบุตรหัวปี; และพวกเขาเห็นดังที่พระองค์ทรงเห็นพวกเขา, และรู้ดังที่พระองค์ทรงรู้จักพวกเขา, โดยได้รับความสมบูรณ์แห่งพระองค์และพระคุณแห่งพระองค์;
๙๕ และพระองค์ทรงทำให้พวกเขาเท่าเทียมกันในอำนาจและในพลังและในอำนาจการปกครอง.
๙๖ และรัศมีภาพของซีเลสเชียลเป็นอย่างหนึ่ง, แม้ดังรัศมีภาพของดวงอาทิตย์เป็นอย่างหนึ่ง.
๙๗ และรัศมีภาพของเทอร์เรสเตรียลเป็นอย่างหนึ่ง, แม้ดังรัศมีภาพของดวงจันทร์เป็นอย่างหนึ่ง.
๙๘ และรัศมีภาพของทีเลสเชียลเป็นอย่างหนึ่ง, แม้ดังรัศมีภาพของดวงดาวเป็นอย่างหนึ่ง; เพราะดาวดวงหนึ่งแตกต่างจากดาวอีกดวงหนึ่งในรัศมีภาพฉันใด, แม้ฉันนั้นคนคนหนึ่งแตกต่างจากอีกคนหนึ่งในรัศมีภาพในโลกทีเลสเชียล;
๙๙ เพราะคนเหล่านี้คือคนที่เป็นของเปาโล, และของอปอลโล, และของเคฟาส.
๑๐๐ คนเหล่านี้คือคนที่กล่าวว่าบ้างเป็นของคนหนึ่งและบ้างของอีกคนหนึ่ง—บ้างของพระคริสต์และบ้างของยอห์น, และบ้างของโมเสส, และบ้างของเอลีอัส, และบ้างของเอซาอัส, และบ้างของอิสยาห์, และบ้างของเอโนค;
๑๐๑ แต่หารับพระกิตติคุณไม่, ไม่ทั้งประจักษ์พยานถึงพระเยซู, ไม่ทั้งบรรดาศาสดาพยากรณ์, ไม่ทั้งพันธสัญญาอันเป็นนิจ.
๑๐๒ ท้ายที่สุด, คนทั้งหมดเหล่านี้คือคนที่พระองค์จะไม่ทรงรวมไว้กับวิสุทธิชน, เพื่อรับขึ้นไปสู่ศาสนจักรของ พระบุตรหัวปี, และรับเข้าไปในเมฆ.
๑๐๓ คนเหล่านี้คือผู้ที่เป็นคนกล่าวเท็จ, และนักวิทยาคม, และผู้ล่วงประเวณี, และผู้ผิดประเวณี, และผู้ใดก็ตามที่รักและกล่าวคำเท็จ.
๑๐๔ คนเหล่านี้คือคนที่ทนรับพระพิโรธของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก.
๑๐๕ คนเหล่านี้คือคนที่ทนรับการแก้แค้นของไฟนิรันดร์.
๑๐๖ คนเหล่านี้คือคนที่ถูกโยนลงนรกและทนรับพระพิโรธของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ, จนถึงความสมบูรณ์แห่งเวลา, เมื่อพระคริสต์จะทรงพิชิตศัตรูทั้งสิ้นให้ศิโรราบอยู่ใต้ฝ่าพระบาท, และจะทำให้งานของพระองค์บริบูรณ์;
๑๐๗ เมื่อพระองค์จะทรงมอบอาณาจักร, ซึ่งไม่มีมลทิน, และถวายสิ่งนี้แด่พระบิดา, โดยตรัสว่า : ข้าพระองค์ชนะและเหยียบบ่อย่ำองุ่นแต่เพียงผู้เดียว, แม้บ่อย่ำองุ่นแห่งความร้ายแรงของพระพิโรธของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ.
๑๐๘ จากนั้นพระองค์จะรับการสวมมงกุฎแห่งรัศมีภาพของพระองค์, เพื่อประทับบนพระราชบัลลังก์แห่งเดชานุภาพของพระองค์เพื่อปกครองตลอดกาลและตลอดไป.
๑๐๙ แต่ดูเถิด, และดูสิ, เราเห็นรัศมีภาพและผู้อยู่อาศัยของโลกทีเลสเชียล, ว่าพวกเขามีจำนวนนับไม่ถ้วนดังดวงดาวในท้องนภาแห่งฟ้าสวรรค์, หรือดังทรายแห่งฝั่งทะเล;
๑๑๐ และได้ยินสุรเสียงของพระเจ้าตรัสว่า : คนทั้งหมดนี้จะย่อเข่าลง, และทุกลิ้นจะสารภาพต่อพระองค์ ผู้ประทับอยู่บนพระราชบัลลังก์ตลอดกาลและตลอดไป;
๑๑๑ เพราะพวกเขาจะรับการพิพากษาตามงานของพวกเขา, และมนุษย์ทุกคนจะได้รับตามงานของเขาเอง, อำนาจการปกครองของเขาเอง, ในปราสาทซึ่งเตรียมไว้;
๑๑๒ และพวกเขาจะเป็นผู้รับใช้ของพระผู้สูงสุด; แต่สถานที่ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์ทรงพำนักอยู่พวกเขาจะมาไม่ได้, ชั่วกัปชั่วกัลป์.
๑๑๓ นี่คือการสิ้นสุดของนิมิตที่เราเห็น, ซึ่งเราได้รับบัญชาให้เขียนขณะที่เรายังอยู่ในพระวิญญาณ.
๑๑๔ แต่สำคัญยิ่งและน่าอัศจรรย์คืองานของพระเจ้า, และความลี้ลับของอาณาจักรของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงให้เราเห็น, ซึ่งเกินกว่าความเข้าใจทั้งปวงในรัศมีภาพ, และในฤทธานุภาพ, และในอำนาจการปกครอง;
๑๑๕ ซึ่งพระองค์ทรงบัญชามิให้เราเขียนขณะที่เรายังอยู่ในพระวิญญาณ, และผิดกฎสำหรับมนุษย์ที่จะเอ่ยถึง;
๑๑๖ ทั้งมนุษย์ไม่สามารถจะทำให้สิ่งเหล่านั้นเป็นที่รู้ได้, เพราะสิ่งเหล่านั้นจะมองเห็นได้และเข้าใจได้โดยอำนาจของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น, ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าประทานแก่คนเหล่านั้นที่รักพระองค์, และทำตนเองให้บริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระองค์;
๑๑๗ ซึ่งแก่เขาเหล่านั้นพระองค์ประทานอภิสิทธิ์นี้ที่จะมองเห็นและรู้ด้วยตนเอง;
๑๑๘ เพื่อว่าโดยทางอำนาจและการแสดงให้ประจักษ์ของพระวิญญาณ, ขณะที่อยู่ในเนื้อหนัง, พวกเขาจะสามารถทนพระสิริของพระองค์ได้ในโลกแห่งรัศมีภาพ.
๑๑๙ และขอรัศมีภาพ, และเกียรติ, และอำนาจการปกครองจงมีแด่พระผู้เป็นเจ้าและพระเมษโปดกตลอดกาลและตลอดไป. เอเมน.