ภาค ๑๓๓
การเปิดเผยที่ประทานผ่านโจเซฟ สมิธ ศาสดาพยากรณ์, ที่ไฮรัม, รัฐโอไฮโอ, วันที่ ๓ พฤศจิกายน ค.ศ. ๑๘๓๑ (History of the Church, 1:229–234). เพื่อเป็นคำปรารภสำหรับการเปิดเผยนี้ท่านศาสดาพยากรณ์เขียนไว้ว่า, “ขณะนี้มีหลายเรื่องซึ่งเอ็ลเดอร์ปรารถนาจะรู้เกี่ยวกับการสั่งสอนพระกิตติคุณแก่ผู้อยู่อาศัยของแผ่นดินโลก, และเกี่ยวกับการรวมกันนั้น; และเพื่อให้ดำเนินชีวิตด้วยความสว่างแท้จริง, และได้รับการชี้แนะจากเบื้องบน, ในวันที่ ๓ พฤศจิกายน, ค.ศ. ๑๘๓๑, ข้าพเจ้าทูลถามพระเจ้าและได้รับการเปิดเผยที่สำคัญดังนี้” (History of the Church, 1:229). ในตอนแรก ภาคนี้ได้เพิ่มเติมเข้ากับหนังสือหลักคำสอนและพันธสัญญาให้เป็นภาคผนวกและต่อมามีการกำหนดเลขที่ภาค.
๑–๖, วิสุทธิชนได้รับบัญชาให้เตรียมรับการเสด็จมาครั้งที่สอง; ๗–๑๖, มนุษย์ทุกคนได้รับบัญชาให้หลบหนีจากบาบิโลน, มาที่ไซอัน, และเตรียมรับวันสำคัญยิ่งของพระเจ้า; ๑๗–๓๕, พระองค์จะทรงยืนบนภูเขาไซอัน, ทวีปทั้งหลายจะกลายเป็นผืนแผ่นดินเดียว, และบรรดาเผ่าที่สูญหายของอิสราเอลจะกลับมา; ๓๖–๔๐, พระกิตติคุณได้รับการฟื้นฟูผ่านโจเซฟ สมิธ เพื่อจะได้นำไปสั่งสอนทั่วโลก; ๔๑–๕๑, พระเจ้าจะเสด็จลงมาในการแก้แค้นคนชั่วร้าย; ๕๒–๕๖, ปีแห่งผู้ได้รับการไถ่ของพระองค์; ๕๗–๗๔, พระองค์จะทรงส่งพระกิตติคุณออกไปช่วยวิสุทธิชนให้รอดและทำให้คนชั่วร้ายพินาศ.
๑ จงสดับฟัง, โอ้ เจ้าผู้คนแห่งศาสนจักรของเรา, พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของเจ้าตรัส, และได้ยินพระคำของพระเจ้าเกี่ยวกับเจ้า—
๒ พระเจ้าผู้จะเสด็จมาที่พระวิหารของพระองค์โดยพลัน; พระเจ้าผู้จะเสด็จลงมาบนโลกพร้อมด้วยการสาปแช่งเพื่อการพิพากษา; แท้จริงแล้ว, บนประชาชาติทั้งปวงที่ลืมพระผู้เป็นเจ้า, และบนคนอาธรรม์ทั้งปวงในบรรดาพวกเจ้า.
๓ เพราะพระองค์จะทรงเผยพระพาหุอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ในสายตาของประชาชาติทั้งปวง, และทั่วสุดแดนแผ่นดินโลกจะเห็นการช่วยให้รอดของพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา.
๔ ดังนั้น, เจ้าจงเตรียม, เจ้าจงเตรียม, โอ้ผู้คนของเรา; จงชำระตนเองให้บริสุทธิ์; เจ้าจงมารวมกัน, โอ้เจ้าผู้คนแห่งศาสนจักรของเรา, บนแผ่นดินแห่งไซอัน, เจ้าทุกคนที่ไม่ได้รับบัญชาให้อยู่ต่อไป.
๕ เจ้าจงออกไปจากบาบิโลน. เจ้าที่ถือภาชนะของพระเจ้าจงสะอาด.
๖ จงเรียกให้มีการชุมนุมศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของเจ้า, และพูดแก่กันบ่อย ๆ. และให้ทุกคนเรียกหาพระนามของพระเจ้า.
๗ แท้จริงแล้ว, ตามจริงแล้วเรากล่าวแก่เจ้าอีก, ถึงเวลาแล้วเมื่อสุรเสียงของพระเจ้ามาถึงเจ้า : เจ้าจงออกไปจากบาบิโลน; เจ้าจงพร้อมใจกันออกจากบรรดาประชาชาติ, จากลมทั้งสี่ทิศ, จากปลายฟ้าฟากหนึ่งถึงอีกฟากหนึ่ง.
๘ จงส่งเอ็ลเดอร์แห่งศาสนจักรของเราออกไปยังประชาชาติทั้งหลายซึ่งอยู่ในแดนอันไกลโพ้น; ไปยังหมู่เกาะในทะเล; จงส่งออกไปยังผืนแผ่นดินต่างแดน; จงเรียกหาประชาชาติทั้งปวง, ลำดับแรกเรียกหาคนต่างชาติ, และจากนั้นเรียกหาชาวยิว.
๙ และดูเถิด, และดูสิ, นี่จะเป็นเสียงร้องของพวกเขา, และสุรเสียงของพระเจ้าถึงผู้คนทั้งปวง : เจ้าจงออกไปยังแผ่นดินแห่งไซอัน, เพื่อเขตแดนของผู้คนแห่งเราจะขยาย, และเพื่อจะเสริมสร้างสเตคของนางให้เข้มแข็ง, และเพื่อไซอันจะออกไปถึงภูมิภาคต่าง ๆ โดยรอบ.
๑๐ แท้จริงแล้ว, ให้เสียงร้องออกไปในบรรดาผู้คนทั้งปวง : ตื่นเถิดและลุกขึ้นและออกไปพบเจ้าบ่าว; ดูเถิดและดูสิ, เจ้าบ่าวเสด็จมา; เจ้าจงออกไปเฝ้าพระองค์. จงเตรียมตัวเจ้าไว้รับวันสำคัญยิ่งของพระเจ้า.
๑๑ ฉะนั้น, จงเฝ้าดู, เพราะเจ้าไม่รู้ทั้งวันนั้นและโมงนั้น.
๑๒ ฉะนั้น, ให้พวกเขา, ผู้อยู่ในบรรดาคนต่างชาติ หลบหนีไปยังไซอัน.
๑๓ และให้พวกเขาที่เป็นของยูดาห์หลบหนีไปยังเยรูซาเล็ม, ไปยังภูเขาทั้งหลายแห่งพระนิเวศน์ของพระเจ้า.
๑๔ เจ้าจงออกไปจากบรรดาประชาชาติ, แม้จากบาบิโลน, จากท่ามกลางความชั่วร้าย, ซึ่งเป็นบาบิโลนทางวิญญาณ.
๑๕ แต่ตามจริงแล้ว, พระเจ้าตรัสดังนี้, อย่าให้การหนีของเจ้าเป็นไปอย่างเร่งรีบ, แต่ให้สิ่งทั้งปวงเตรียมไว้ก่อนหน้าเจ้า; และคนที่ออกไป, ก็อย่าให้เขาเหลียวหลังมามองเกลือกความพินาศโดยพลันจะเกิดกับเขา.
๑๖ จงสดับตรับฟัง โอ้เจ้าผู้อยู่อาศัยของแผ่นดินโลก. จงฟัง, เจ้าเอ็ลเดอร์แห่งศาสนจักรของเราฟังด้วย, และได้ยินสุรเสียงของพระเจ้า; เพราะพระองค์ทรงเรียกหามนุษย์ทั้งปวง, และพระองค์ทรงบัญชามนุษย์ทั้งปวงทุกแห่งหนให้กลับใจ.
๑๗ เพราะดูเถิด, พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งเทพออกไปป่าวร้องผ่านท่ามกลางฟ้าสวรรค์, โดยกล่าวว่า : เจ้าจงเตรียมมรรคาแห่งพระเจ้า, และทำวิถีของพระองค์ให้ตรง, เพราะโมงแห่งการเสด็จมาของพระองค์ใกล้เข้ามาแล้ว—
๑๘ เมื่อพระเมษโปดกจะทรงยืนอยู่บนภูเขาไซอัน, และพร้อมกับพระองค์ คนหนึ่งแสนสี่หมื่นสี่พันคน, โดยมีพระนามพระบิดาของพระองค์เขียนไว้บนหน้าผากพวกเขา.
๑๙ ดังนั้น, เจ้าจงเตรียมรับการเสด็จมาของเจ้าบ่าว; เจ้าจงไป, เจ้าจงออกไปเฝ้าพระองค์.
๒๐ เพราะดูเถิด, พระองค์จะทรงยืนบนภูเขาแห่งออลิเวท, และบนมหาสมุทรอันไพศาล, แม้ห้วงแห่งความลึกอันใหญ่หลวง, และบนหมู่เกาะในทะเล, และบนแผ่นดินแห่งไซอัน.
๒๑ และพระองค์จะทรงเปล่งสุรเสียงของพระองค์มาจากไซอัน, และพระองค์จะตรัสจากเยรูซาเล็ม, และจะได้ยินสุรเสียงของพระองค์ในบรรดาผู้คนทั้งปวง;
๒๒ และจะเป็นพระสุรเสียงดังเสียงของผืนน้ำมากมาย, และดังเสียงของฟ้าร้องกึกก้อง, ซึ่งจะทลายภูเขา, และบรรดาหุบเขาจะมิได้พบเห็น.
๒๓ พระองค์จะทรงบัญชาห้วงแห่งความลึกอันใหญ่หลวง, และมันจะถูกไล่กลับไปยังดินแดนทางเหนือ, และหมู่เกาะจะกลายเป็นแผ่นดินเดียว;
๒๔ และแผ่นดินแห่งเยรูซาเล็มและแผ่นดินแห่งไซอันพระองค์จะทรงคืนไปสู่สถานที่ของมันเอง, และแผ่นดินโลกจะเป็นเหมือนดังที่เคยเป็นในวันเวลาก่อนที่พระองค์จะทรงแยก.
๒๕ และพระเจ้า, แม้พระผู้ช่วยให้รอด, จะทรงยืนท่ามกลางผู้คนของพระองค์, และจะทรงปกครองเหนือเนื้อหนังทั้งปวง.
๒๖ และคนเหล่านั้นที่อยู่ในดินแดนทางเหนือจะมาอยู่ในความทรงจำต่อพระพักตร์พระเจ้า; และบรรดาศาสดาพยากรณ์ของพวกเขาจะได้ยินสุรเสียงของพระองค์, และจะไม่ยับยั้งตนอีกต่อไป; และพวกเขาจะตีศิลา, และน้ำแข็งจะไหลหลั่งลงมาเนื่องจากคนเหล่านั้นอยู่ที่นั่น.
๒๗ และทางหลวงจะทอดไว้ท่ามกลางห้วงแห่งความลึกอันใหญ่หลวง.
๒๘ ศัตรูของพวกเขาจะกลายเป็นเหยื่อให้พวกเขา,
๒๙ และในทะเลทรายที่แห้งแล้งจะบังเกิดบ่อน้ำธำรงชีวิต; และพื้นดินแห้งผากจะไม่เป็นผืนดินแล้งน้ำอีกต่อไป.
๓๐ และพวกเขาจะนำทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าของพวกเขาออกมาให้ลูกหลานของเอฟราอิม, ผู้รับใช้ทั้งหลายของเรา.
๓๑ และพรมแดนแห่งเทือกเขาอันเป็นนิจจะสั่นสะเทือนเนื่องจากพวกเขาอยู่ที่นั่น.
๓๒ และที่นั่นพวกเขาจะหมอบลงและพระองค์จะทรงสวมมงกุฎพวกเขาด้วยรัศมีภาพ, แม้ในไซอัน, โดยมือผู้รับใช้ทั้งหลายของพระเจ้า, แม้ลูกหลานของเอฟราอิม.
๓๓ และพวกเขาจะเปี่ยมด้วยเพลงแห่งปีติอันเป็นนิจ.
๓๔ ดูเถิด, นี่เป็นพรของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นนิจแก่บรรดาเผ่าของอิสราเอล, และพรที่เลอค่าบนศีรษะของเอฟราอิมและมิตรสหายของเขา.
๓๕ และบรรดาคนในเผ่าของยูดาห์ก็เช่นกัน, หลังจากความเจ็บปวดของพวกเขา, ก็จะได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ในความบริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระเจ้า, เพื่อพำนักในที่ประทับของพระองค์ทั้งวันคืน, ตลอดกาลและตลอดไป.
๓๖ และบัดนี้, ตามจริงแล้ว พระเจ้าตรัส, ว่าสิ่งเหล่านี้จะได้เป็นที่รู้ในบรรดาพวกเจ้า, โอ้ผู้อยู่อาศัยของแผ่นดินโลก, เราส่งเทพของเราเหาะผ่านท่ามกลางฟ้าสวรรค์, โดยมีพระกิตติคุณอันเป็นนิจ, ผู้ที่ปรากฏต่อบางคนและมอบหมายสิ่งนี้แก่มนุษย์, ผู้ที่จะปรากฏต่อหลายคนที่พำนักบนแผ่นดินโลก.
๓๗ และจะสั่งสอนพระกิตติคุณนี้แก่ทุกประชาชาติ, และตระกูล, และภาษา, และผู้คน.
๓๘ และผู้รับใช้ทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าจะออกไป, โดยกล่าวด้วยเสียงอันดัง : จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าและเทิดพระเกียรติพระองค์, เพราะโมงแห่งการพิพากษาของพระองค์มาถึงแล้ว;
๓๙ และจงนมัสการพระองค์ที่ทรงรังสรรค์ฟ้าสวรรค์, และแผ่นดินโลก, และทะเล, และต้นน้ำลำธาร—
๔๐ โดยเรียกหาพระนามของพระเจ้าทั้งวันคืน, และทูลว่า : โอ้หากพระองค์จะทรงแยกฟ้าสวรรค์, หากพระองค์จะเสด็จลงมา, หากภูเขาจะไหลหลั่งลงมาเนื่องจากการประทับอยู่ของพระองค์.
๔๑ และจะตอบสิ่งนี้บนศีรษะพวกเขา; เพราะการประทับอยู่ของพระเจ้าจะเป็นดังไฟหลอมที่เผาไหม้, และเป็นดังไฟซึ่งทำให้ผืนน้ำเดือด.
๔๒ โอ้ พระเจ้า, พระองค์จะเสด็จลงมาเพื่อทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่รู้จักแก่ปฏิปักษ์ของพระองค์, และประชาชาติทั้งปวงจะตัวสั่นเนื่องจากพระสิริของพระองค์—
๔๓ เมื่อพระองค์ทรงทำสิ่งทั้งหลายอันน่าสะพรึงกลัว, สิ่งที่พวกเขาหาได้มองหาไม่;
๔๔ แท้จริงแล้ว, เมื่อพระองค์เสด็จลงมา, และภูเขาไหลหลั่งลงมาเนื่องจากพระสิริของพระองค์, พระองค์จะทรงพบคนที่ชื่นชมยินดีและทำความชอบธรรม, ผู้ที่ระลึกถึงพระองค์ในวิถีของพระองค์.
๔๕ เพราะนับจากกาลเริ่มต้นของโลกมนุษย์มิได้ยินหรือสำหนียกด้วยหู, ทั้งไม่มีดวงตาใดมองเห็น, โอ้พระผู้เป็นเจ้า, นอกจากพระองค์แล้ว, ว่าพระองค์ทรงเตรียมสิ่งสำคัญยิ่งเพียงใดให้ผู้ที่รอคอยพระองค์.
๔๖ และจะกล่าวกันว่า : นี่คือใครเล่าที่ลงมาจากพระผู้เป็นเจ้าในสวรรค์ ด้วยอาภรณ์ย้อมสี; แท้จริงแล้ว, จากภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งไม่เป็นที่รู้จัก, ห่อหุ้มด้วยพัสตราภรณ์พรรณรายของเขา, เดินทางในความยิ่งใหญ่แห่งพลังของเขา ?
๔๗ และเขาจะกล่าว : เราคือคนที่พูดแล้วในความชอบธรรม, มีอานุภาพที่จะช่วยให้รอด.
๔๘ และพระเจ้าจะทรงสีแดงในพัสตราภรณ์ของพระองค์, และอาภรณ์ของพระองค์ประดุจผู้ที่ย่ำเท้าในถังองุ่น.
๔๙ และรัศมีภาพแห่งการประทับอยู่ของพระองค์จะยิ่งใหญ่นักหนาจนดวงสุริยาจะซ่อนหน้าด้วยความละอาย, และดวงบุหลันฉายจะอับแสง, และหมู่ดาริกาจะถูกซัดให้พลัดพรากจากที่อยู่ของมัน.
๕๐ และจะได้ยินสุรเสียงของพระองค์ : เราเหยียบบ่อย่ำองุ่นแต่เพียงผู้เดียว, และนำการพิพากษามาบนผู้คนทั้งปวง; และไม่มีผู้ใดอยู่กับเรา;
๕๑ และเราเหยียบพวกเขาในความเกรี้ยวโกรธของเรา, และเราได้ย่ำบนพวกเขาในความโกรธของเรา, และเลือดของพวกเขานั้น เราทำให้กระเซ็นมาบนอาภรณ์ของเรา, และเปรอะเปื้อนเครื่องนุ่งห่มทั้งหมดของเรา; เพราะนี่คือวันแห่งการแก้แค้นซึ่งอยู่ในใจเรา.
๕๒ และบัดนี้ ปีแห่งผู้ได้รับการไถ่ของเรามาถึงแล้ว; และพวกเขาจะเอ่ยถึงความการุณย์รักแห่งพระเจ้าของพวกเขา, และทุกสิ่งที่พระองค์ประทานแก่พวกเขาตามพระกรุณาธิคุณของพระองค์, และตามความการุณย์รักแห่งพระองค์, ตลอดกาลและตลอดไป.
๕๓ ในความทุกข์ทั้งปวงของพวกเขา พระองค์ทรงเป็นทุกข์. และเทพจากที่ประทับของพระองค์ช่วยพวกเขาให้รอด; และในความรักของพระองค์, และในความสงสารของพระองค์, พระองค์ทรงไถ่พวกเขา, และทรงแบกพวกเขา, และทรงอุ้มพวกเขามาตลอดทุกยุคสมัยแต่โบราณ;
๕๔ แท้จริงแล้ว, และเอโนคด้วย, และคนเหล่านั้นที่อยู่กับเขา; ศาสดาพยากรณ์ทั้งหลายผู้อยู่มาก่อนเขา; และโนอาห์ด้วย, และคนเหล่านั้นที่อยู่มาก่อนเขา; และโมเสสด้วย, และคนเหล่านั้นที่อยู่มาก่อนเขา;
๕๕ และจากโมเสสถึงเอลียาห์, และจากเอลียาห์ถึงยอห์น, ผู้อยู่กับพระคริสต์ในการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์, และอัครสาวกผู้บริสุทธิ์, พร้อมกับอับราฮัม, อิสอัค, และยาโคบ, จะอยู่ในที่ประทับของพระเมษโปดก.
๕๖ และหลุมศพของวิสุทธิชนจะเปิดออก; และพวกเขาจะออกมาและยืนอยู่ทางพระหัตถ์ขวาของพระเมษโปดก, เมื่อพระองค์จะทรงยืนอยู่บนภูเขาไซอัน, และบนนครศักดิ์สิทธิ์, เยรูซาเล็มใหม่; และพวกเขาจะร้องเพลงของพระเมษโปดก, ทั้งวันคืน ตลอดกาลและตลอดไป.
๕๗ และเพราะเหตุนี้, เพื่อพระองค์จะทรงทำให้มนุษย์เป็นผู้รับส่วนรัศมีภาพทั้งหลายซึ่งจะได้รับการเปิดเผย, พระเจ้าทรงส่งความสมบูรณ์แห่งกิตติคุณของพระองค์ออกไป, พันธสัญญาอันเป็นนิจของพระองค์, โดยให้เหตุผลในความแจ้งชัดและเรียบง่าย—
๕๘ เพื่อเตรียมคนอ่อนแอไว้สำหรับสิ่งเหล่านั้นซึ่งจะมาบนแผ่นดินโลก, และเพื่อธุระของพระเจ้าในวันที่คนอ่อนแอจะทำให้คนมีปัญญาอับอาย, และคนเล็กน้อยกลายเป็นประชาชาติที่เข้มแข็ง, และคนสองคนจะทำให้หลายหมื่นคนของพวกเขาหนีกระเจิง.
๕๙ และโดยสิ่งอ่อนแอของแผ่นดินโลก พระเจ้าจะทรงย่ำประชาชาติให้หลุดออกจากรวงโดยอำนาจแห่งพระวิญญาณของพระองค์.
๖๐ และเพราะเหตุนี้พระองค์ประทานพระบัญญัติเหล่านี้; ทรงบัญชาให้เก็บไว้พ้นจากโลกในวันที่พระองค์ประทานให้, แต่บัดนี้จะต้องออกไปสู่เนื้อหนังทั้งปวง—
๖๑ และนี่ตามพระดำริและพระประสงค์ของพระเจ้า, ผู้ทรงปกครองเหนือเนื้อหนังทั้งปวง.
๖๒ และกับคนที่กลับใจและชำระตนเองให้บริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระเจ้าจะได้รับชีวิตนิรันดร์.
๖๓ และกับคนเหล่านั้นที่มิได้สดับฟังสุรเสียงของพระเจ้าจะมีสัมฤทธิผลสิ่งซึ่งศาสดาพยากรณ์โมเสสเขียนไว้, ว่าพวกเขาจะถูกตัดขาดจากบรรดาผู้คน.
๖๔ และสิ่งซึ่งศาสดาพยากรณ์มาลาคีเขียนไว้ด้วย : เพราะ, ดูเถิด, วันนั้นย่อมมาถึงซึ่งจะไหม้ดังเตาเผา, และคนจองหองทั้งหมด, แท้จริงแล้ว, และคนทั้งหมดที่ทำชั่ว, จะเป็นตอข้าว; และวันที่มาถึงจะเผาไหม้พวกเขาหมด, พระเจ้าจอมโยธาตรัส, จนไม่มีทั้งรากหรือกิ่งเหลืออยู่เลย.
๖๕ ดังนั้น, นี่จะเป็นคำตอบของพระเจ้าแก่พวกเขา :
๖๖ ในวันนั้นเมื่อเรามาหาคนของเรา, ไม่มีใครในบรรดาพวกเจ้ารับเรา, และเจ้าถูกไล่ออกไป.
๖๗ เมื่อเราเรียกอีกไม่มีใครในพวกเจ้าตอบ; แต่แขนของเราก็มิได้สั้นลงเลยจนเราไม่สามารถไถ่ได้, หรือพลังของเราไม่สามารถปลดปล่อยได้.
๖๘ ดูเถิด, โดยการติเตียนของเรา เราทำให้ทะเลแห้ง. เราทำให้แม่น้ำทั้งหลายเป็นแดนทุรกันดาร; สัตว์น้ำของพวกเขาส่งกลิ่น, และตายเนื่องจากขาดน้ำ.
๖๙ เราคลุมฟ้าสวรรค์ด้วยความมืด, และทำผ้ากระสอบคลุมกายพวกเขา.
๗๐ และสิ่งนี้เจ้าจะมีโดยมือเรา—เจ้าจะลงนอนด้วยโทมนัส.
๗๑ ดูเถิด, และดูสิ, ไม่มีใครจะปลดปล่อยเจ้า; เพราะเจ้าหาเชื่อฟังเสียงของเราไม่เมื่อเราเรียกเจ้าจากสวรรค์; เจ้าหาได้เชื่อผู้รับใช้ของเราไม่, และเมื่อส่งคนเหล่านั้นมายังเจ้า เจ้าหาได้รับพวกเขาไม่.
๗๒ ดังนั้น, พวกเขาผนึกประจักษ์พยานไว้และผูกกฎไว้, และเราส่งเจ้าให้แก่ความมืด.
๗๓ คนเหล่านี้จะออกไปสู่ความมืดภายนอก, ที่ซึ่งมีการร้องไห้, และพิลาปรำพัน, และการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน.
๗๔ ดูเถิด พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของเจ้ารับสั่งไว้ดังนี้. เอเมน.