ภาค ๑๒๓
หน้าที่ของวิสุทธิชนเกี่ยวกับผู้ข่มเหงพวกเขา, ดังที่โจเซฟ สมิธ ศาสดาพยากรณ์เสนอให้ทำ, ขณะเป็นผู้ต้องขังในคุกที่ลิเบอร์ตี้, รัฐมิสซูรี, มีนาคม ค.ศ. ๑๘๓๙ (History of the Church, 3:302–303).
๑–๖, วิสุทธิชนควรรวบรวมและตีพิมพ์เรื่องราวความทุกขเวทนาและการข่มเหงที่เกิดขึ้นกับพวกเขา; ๗–๑๐, วิญญาณเดียวกันที่จัดตั้งข้อบัญญัติเท็จนำไปสู่การข่มเหงวิสุทธิชนด้วย; ๑๑–๑๗, หลายคนในบรรดานิกายทั้งปวงยังจะได้รับความจริง.
๑ และอนึ่ง, เราทั้งหลายขอเสนอแนะเพื่อการพิจารณาของท่านถึงความเหมาะสมที่วิสุทธิชนทั้งปวงจะรวบรวมความรู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริงทั้งหมด, และความทุกขเวทนาและการทารุณกรรมที่กระทำต่อพวกเขาโดยผู้คนของรัฐนี้;
๒ และเกี่ยวกับทรัพย์สินทั้งหมดด้วยและจำนวนความเสียหายซึ่งพวกเขาได้รับ, การทำร้ายทั้งศักดิ์ศรีและตัวบุคคล, รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์;
๓ และชื่อของคนทุกคนที่มีส่วนในการกดขี่พวกเขาด้วย, เท่าที่พวกเขาหามาได้และสืบพบ.
๔ และบางทีอาจกำหนดคณะกรรมการเพื่อสืบให้พบเรื่องเหล่านี้, และเพื่อรับเรื่องราวและคำให้การ; และเพื่อรวบรวมสิ่งพิมพ์ใส่ร้ายป้ายสีที่กำลังแพร่สะพัดออกไปด้วย;
๕ และทุกอย่างที่มีอยู่ในนิตยสาร, และในสารานุกรม, และเหตุการณ์ในอดีตที่เป็นการใส่ร้ายป้ายสีทั้งหมดที่พิมพ์ขึ้น, และกำลังเขียน, และโดยผู้ใด, และเสนอเรื่องโยงใยทั้งหมดของความประพฤติพาลเยี่ยงมารและการบังคับขู่เข็ญอันร้ายกาจและโหดเหี้ยมที่กระทำต่อผู้คนเหล่านี้—
๖ เพื่อเราทั้งหลายจะไม่เพียงป่าวประกาศออกไปทั่วโลก, แต่เสนอสิ่งเหล่านี้ต่อผู้นำของฝ่ายปกครองในเฉดสีแห่งความมืดและนรกทั้งปวงของมัน, ดังเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายซึ่งพระบิดาบนสวรรค์ของเราทรงบัญชาเรา, ก่อนที่เราจะเรียกร้องสิทธิ์ในสัญญานั้นได้อย่างเต็มที่และสมบูรณ์ ซึ่งจะทูลเรียกพระองค์ให้ทรงออกจากสถานที่ซ่อนของพระองค์; และเพื่อประชาชาติถ้วนหน้าจะตกอยู่ในสภาพที่ไม่มีข้ออ้างด้วย ก่อนที่พระองค์จะทรงส่งพลังแห่งพระพาหุอันทรงอานุภาพของพระองค์ออกมา.
๗ นี่คือหน้าที่อันจำเป็นยิ่งอย่างหนึ่งที่เราทั้งหลายเป็นหนี้พระผู้เป็นเจ้า, เหล่าเทพ, ผู้ที่จะทรงนำเราทั้งหลายมายืนอยู่ด้วย, และตัวเราด้วย, ภรรยาและลูก ๆ ของเรา, ผู้ถูกทำให้ค้อมกายลงด้วยความเศร้าโศก, โทมนัส, และความวิตกกังวล, ภายใต้มืออันอัปมงคลที่สุดของฆาตกรรม, การใช้อำนาจบาตรใหญ่, และการกดขี่, ซึ่งได้รับการหนุนและยุยงและส่งเสริมโดยอิทธิพลของวิญญาณนั้น ซึ่งตอกข้อบัญญัติของบรรพบุรุษไว้แน่นหนาเช่นนั้น, ผู้ที่สืบทอดความเท็จเป็นมรดก, ในใจลูกหลาน, และเติมโลกให้เต็มไปด้วยความสับสน, และกำลังแข็งแกร่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น, และบัดนี้เป็นตัวจักรสำคัญอย่างแท้จริงของความเสื่อมทรามทั้งปวง, และทั้งแผ่นดินโลกครวญครางอยู่ใต้น้ำหนักแห่งความชั่วช้าสามานย์ของมัน.
๘ มันคือแอกเหล็ก, มันคือแถบรัดที่แน่นหนา; มันคือกุญแจมือ, และโซ่, และห่วงเหล็ก, และตรวนแห่งนรกอย่างแท้จริง.
๙ ฉะนั้น เป็นหน้าที่อันจำเป็นยิ่งที่เราทั้งหลายเป็นหนี้, ไม่เพียงภรรยาและลูก ๆ ของเราเอง, แต่แม่หม้ายและผู้กำพร้าบิดา, ผู้ที่สามีและบิดาถูกกระทำฆาตกรรมภายใต้มือเหล็กของมัน;
๑๐ ซึ่งการกระทำที่ดำมืดและเป็นการป้ายสีดำนั้นเพียงพอที่จะทำให้นรกเองสั่นไหว, และจะยืนจังงังและซีดเผือด, และมือของมารเองยังสะท้านและสั่นเทา.
๑๑ และเป็นหน้าที่อันจำเป็นยิ่งด้วยที่เราทั้งหลายเป็นหนี้อนุชนรุ่นหลังทั้งปวง, และคนใจบริสุทธิ์ทั้งปวง—
๑๒ เพราะยังมีอยู่หลายคนบนแผ่นดินโลกในบรรดาลัทธิ, กลุ่ม, และนิกายทั้งหลายทั้งปวง, ผู้ที่มืดบอดโดยเล่ห์กลอันแยบยลของมนุษย์, ซึ่งโดยการนั้นพวกเขาซุ่มคอยทีหลอกลวง, และผู้ที่ถูกกันไว้จากความจริงเพราะพวกเขาหารู้ไม่ว่าจะพบได้จากที่ใด—
๑๓ ฉะนั้น, ว่าเราทั้งหลายจะทุ่มเทและถลุงชีวิตของเราในการนำเรื่องของความมืดทั้งปวงที่ซ่อนอยู่มาสู่ความสว่าง, จนเรารู้จัก; และสวรรค์แสดงให้ประจักษ์โดยแท้—
๑๔ ดังนั้น เรื่องเหล่านี้จะต้องรับมือด้วยความตั้งใจจริงอย่างยิ่งยวด.
๑๕ อย่าให้มนุษย์คนใดถือว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อย; เพราะมีมากมายที่อยู่ในอนาคต, ซึ่งเกี่ยวกับวิสุทธิชน, ซึ่งขึ้นอยู่กับเรื่องเหล่านี้.
๑๖ ท่านทราบ, พี่น้องทั้งหลาย, ว่าเรือลำมหึมาได้รับประโยชน์มากยิ่งจากหางเสืออันเล็ก ๆ ในยามเกิดพายุใหญ่, โดยที่รักษาทิศทางไปพร้อมกับลมและคลื่น.
๑๗ ฉะนั้น, พี่น้องที่รักยิ่ง, ให้เราทำสิ่งทั้งปวงที่อยู่ในอำนาจของเราอย่างรื่นเริงเถิด; และจากนั้นขอให้เรายืนนิ่ง, ด้วยความมั่นใจอย่างที่สุด, เพื่อเห็นความรอดแห่งพระผู้เป็นเจ้า, และเพื่อพระองค์จะทรงเผยพระพาหุของพระองค์.